เมื่อไรก็ตามที่เราปล่อยให้ความอิจฉาครอบงำจิตใจ นั่นหมายถึงความทุกข์ในใจเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว...
ความอิจฉาคือสิ่งน่ารังเกียจที่สุดของมนุษย์ เป็นการลดทอนจิตใจที่สูงส่งของตัวเองให้ต่ำลงด้วยการเปรียบเทียบกับคนอื่น
เรามักอยากเอาชนะบางอย่างที่ตัวเองยังไม่มี เพราะคิดว่าถ้าฉันเป็นแบบเธอคนนั้น ฉันคงจะมีความสุขกว่าตัวฉันในตอนนี้
ไม่ว่าความรู้สึกนี้จะเกิดจากความน้อยใจหรือความอิจฉา แต่สิ่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นความทุกข์ไปเสียแล้ว
ความสุขจึงเกิดจากการพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี หมายรวมถึงความพอใจในปัจจุบันที่เป็นอยู่
บางครั้งเราอยากย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตเพราะวันนั้นในอดีตเรายังทำได้ไม่ดีพอ หรือ
บางครั้งเราอาจคาดหวังกับอนาคตจนลืมดูกำลังที่มีอยู่ของตัวเองในปัจจุบัน ความคาดหวังนั้นจึงกลายเป็นความกดดันนั่นเอง
แน่นอนว่าใจคนเราไม่ได้ใสสะอาดปราศจากความอิจฉา เพราะเราคือมนุษย์ที่ถูกรายล้อมด้วยผู้คนที่หลากหลาย
ดังนั้นความริษยาจึงเกิดขึ้นได้ทุกวันทุกเวลา หนทางออกของความริษยาจึงขึ้นอยู่กับความคิดของตัวบุคคล
ให้พึงระลึกว่าถ้าความคิดนั้นกำลังทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนอื่นอยู่ก็ขอให้คิดเรื่องนั้นให้น้อยลง
คิดให้น้อยและเฉลียวใจให้มากขึ้นว่าฉันควรจะรู้สึกผิดกับความคิดร้ายๆของตัวเองในเรื่องนี้
ยอมรับให้ได้ว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์ของความริษยาแล้วค่อยกลับมาเยียวยาตัวเองใหม่
เมื่อเยียวยาจิตใจตัวเองได้จนเปลี่ยนเป็นรักตัวเองแล้ว ความอิจฉาทั้งหมดที่มีจะค่อยๆเลือนหายไป
และเปลี่ยนเป็นความเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงเข้าใจคนอื่นด้วยว่าที่เขายังไม่พอดีเป็นเพราะอะไร
จึงขอสรุปข้อความทั้งหมดนี้เป็นนิยามความสุขของตัวเราว่า ความสุข หมายถึง " ความพอใจในความพอดีของตัวเอง "
ทำความรู้จักตัวเองให้มากขึ้น คุณจะกลายเป็นคนแกร่งที่มีภูมิคุ้มกันทางใจสูงค่ะเชื่อเรา
ความสุข หมายถึง ความพอใจในความพอดีของตัวเอง