ตอบได้มั้ย ??  ได้แฮะ .. ถ้างั้นขอตอบให้หนำใจ

ในความคิดของผม มันยังได้ทั้ง 2 งานครับ เพราะว่า  มันอยู่กันคนละมุม

ขอเริ่มจากสายปิโตรเคมีก่อน ... อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในไทย เริ่มมาตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ พ.ศ.2530 แล้วครับ สมัยนั้น ปตท.และเครือซิเมนต์ไทยจับมือกัน ลงทุนทำอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยแบ่งกันว่า  ปตท. ทำ Upstream แล้ว SCG ทำ Downstream ..

ต่อมาไม่ถึง 10 ปี ก็เริ่มแตกคอกันแล้วครับ .. เพราะถึงเวลา "แย่งกันกอบโกย" ทั้ง 2 ฝ่ายต่างข้ามไปลงทุนสร้างโรงงานที่เป็นคู่แข่งของอีกฝ่ายหนึ่ง และแล้วก็มาจนถึงปัจจุบันนี้ ในไทยแทบไม่มีการสร้างโรงปิโตรเคมีโรงใหม่ๆ อีกแล้วครับ เพราะ ...
มันไปติดที่ " เงื่อนไขกฎหมายสิ่งแวดล้อม " ครับ  เหมือนกับว่า ช่องว่างของค่ามลพิษที่ยังเหลืออยู่ให้ขออนุมัติก่อสร้างโรงงานใหม่ๆ ให้ผ่านกฎหมาย EIA ให้ได้ มันหมดเกลี้ยงแล้วครับ
ทุกวันนี้  SCG ไปลงทุนทำอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เหมือนๆ ที่ลงทุนในไทยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ที่เวียตนามแล้วครับ  เตรียมรองรับประชากร 89 ล้านคน (แต่ยังล้าหลังกว่าไทยราวๆ 25-30 ปีได้)
ส่วน ปตท. ... ผมยังไม่เห็นว่า จะไปอยู่ที่ไหนนะ ... ก็ยังวนเวียนๆ อยู่แค่ในไทยนี่แหละ (อ่าวไทย / พม่า .. ส่วนนอกเหนือจากนี้ ไม่รู้เหมือนกันครับ)
>>>  ฉนั้น สรุป คือ .. ปิโตรเคมี ก็ยังมีโอกาสจะโตได้ครับ ถ้าคุณพร้อมที่จะไปทำงานในเวียตนาม .. (ผมไม่รู้ว่า ที่เค้าตอบรับคุณ คือ SCG หรือเปล่า ???)

ในส่วนของอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า ... อันนี้ คุณหมายถึง รถขนส่งมวลชนไฟฟ้า อย่างเช่น BTS หรือ MRT ใช่มั้ยครับ ??
ถ้าใช่ ... ผมคิดว่า ประเทศไทยยังเพิ่งจะเริ่มต้นเองครับ  ยังจะมีสายรถไฟฟ้าอีกเกือบ 10 สายจะเปิดให้บริการ .. แล้วยังมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ... แล้วคิดเผื่อเลยไปถึง รถไฟฟ้าความเร็วสูงวิ่งเชื่อมจังหวัดสำคัญทั่วประเทศ (ที่ไม่ใช่แค่ รถไฟเครื่องดีเซลรางคู่ยุคเก่าน่ะ)

สรุป คือ ... มีอนาคตทั้งคู่นะ  อยู่ที่คุณชอบ

ปล. ว่าแต่ว่า คุณจบสายไหนมาครับ ??   ใช่ IE หรือเปล่า ??  ทำไมถึงจะทำงานกับทั้ง 2 สายนี้ได้ ??
เพราะอย่างถ้าคุณจบสาย "ไฟฟ้ากำลัง" มา  ผมว่า เลือกงานรถไฟฟ้า ดีกว่าครับ