กว่าที่ผมจะเคลียร์ภาระหน้าที่การงานเพื่อกลับไปยังจุดหมายที่เคยไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
เรารวบรวมผู้คนที่รวมเดินทางได้ 7 คนและออกเดินทางในช่วงกลางคืนวันปลายสัปดาห์
พวกเราเลือกใช้บริการรถตู้นำเที่ยว เพื่อเก็บแรงเดินขึ้นภู
ออกเดินทางจากกทม.ประมาณ 21.45 น. เราถึงจุดหมายประมาณตี 4 กว่าๆ
แวะทานข้าว และต่อแถวเพื่อซื้อ Tag ติดกระเป๋า
ชั่งน้ำหนักกระเป๋า ค่าลูกหาบ กิโลละ 30 บาท
เสร็จแล้วก็ออกเดินประมาณ 7 โมงกว่า
เดินผ่านมาเรื่อยๆได้ยินเสียงบอกว่า ถ้าเดินถึง "ซำแฮก" ได้ ที่เหลือก็ไม่ยากเท่าไรแล้ว
ลูกหาบบอกว่า โชคดีที่มาวันนี้ เพราะฝนเพิ่งหยุดตก ไม่งั้นทางจะเละกว่านี้
ระหว่างทาง
บางช่วงค่อนข้างเละเลยทีเดียว รองเท้าดีๆช่วยได้เยอะ
เราไปถึงหลังแป ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ
และเช่าจักรยาน ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 60 บาท อีกประมาณ 3km
ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ประมาณบ่าย 2
เราเช่าจักรยานสำหรับพรุ่งนี้ เลย
ราคาเช่าจักรยาน 1 วัน ล้อเล็ก 360 บาท / ล้อใหญ่ 410 บาท
โดยจะมีถุงมือ และ หมวกกันน็อก ให้ และขากลับจากผาหล่มสัก จะมีไฟและขบวนนำกลับ
ช่วงวันหยุดยาว คนจะใช้เยอะ แนะนำโทรมาจองก่อน
เราจองบ้านพักขนาด 8 คน (รูปจาก google) 2 คืน 4,080 บาท
มีผ้าเช็ดตัวให้ ส่วนของใช้ต้องเตรียมไปเอง และไม่มีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบต
แนะนำตอนไปทานข้าวให้พบที่ชาร์จไปด้วย ร้านค้าต่างๆจะให้ชาร์จฟรี
ไม่ก็ไปชาร์จที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีค่าใช้จ่าย 20-40 บาท
วันที่เราขึ้นไปคนยังไม่เยอะเท่าไร
น้องๆมาทักทาย (แลบลิ้นด้วย ><)
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นตี 5 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่น
ขากลับเดินไปไหว้พระ ที่ลานวัดพระเแก้ว
เดินกลับมากินข้าวเช้า เตรียมออกเดินทาง
ไปรับรถจักรยาน และออกเดินทางไปน้ำตก
น้ำตกธารสวรรค์
น้ำตกถ้ำใหญ่
สระอโนดาต
ผานาน้อย แวะเติมพลังกินข้าว และของหวาน
ผาเหยียบเมฆ
ผาแดง
ถึงแล้ว ผาหล่มสัก
แวะกินกาแฟ ขนม ที่ร้านชมพู่มะเหมี่ยว
จบแล้วครับ สำหรับ 3 วัน 2 คืนบนภูกระดึง ในช่วงหน้าฝน
สิ่งที่ทำให้ระแวงอีกอย่างนึงคือ น้องทาก ที่พร้อมจะกระโดดใส่อยู่ตลอดเวลา
ข้างบนเปลื่ยนไปจากเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก มีร้านค้าต่างๆมากขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่เปลื่ยนแปลงคืออากาศที่บริสุทธิ์ ให้คุณหลบจากความวุ่นวายมาฟอกปอด และกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง....
ภูกระดึง ในหน้าฝน ตค.2020
เรารวบรวมผู้คนที่รวมเดินทางได้ 7 คนและออกเดินทางในช่วงกลางคืนวันปลายสัปดาห์
พวกเราเลือกใช้บริการรถตู้นำเที่ยว เพื่อเก็บแรงเดินขึ้นภู
ออกเดินทางจากกทม.ประมาณ 21.45 น. เราถึงจุดหมายประมาณตี 4 กว่าๆ
แวะทานข้าว และต่อแถวเพื่อซื้อ Tag ติดกระเป๋า
ชั่งน้ำหนักกระเป๋า ค่าลูกหาบ กิโลละ 30 บาท
เสร็จแล้วก็ออกเดินประมาณ 7 โมงกว่า
เดินผ่านมาเรื่อยๆได้ยินเสียงบอกว่า ถ้าเดินถึง "ซำแฮก" ได้ ที่เหลือก็ไม่ยากเท่าไรแล้ว
ลูกหาบบอกว่า โชคดีที่มาวันนี้ เพราะฝนเพิ่งหยุดตก ไม่งั้นทางจะเละกว่านี้
ระหว่างทาง
บางช่วงค่อนข้างเละเลยทีเดียว รองเท้าดีๆช่วยได้เยอะ
เราไปถึงหลังแป ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ
และเช่าจักรยาน ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 60 บาท อีกประมาณ 3km
ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ประมาณบ่าย 2
เราเช่าจักรยานสำหรับพรุ่งนี้ เลย
ราคาเช่าจักรยาน 1 วัน ล้อเล็ก 360 บาท / ล้อใหญ่ 410 บาท
โดยจะมีถุงมือ และ หมวกกันน็อก ให้ และขากลับจากผาหล่มสัก จะมีไฟและขบวนนำกลับ
ช่วงวันหยุดยาว คนจะใช้เยอะ แนะนำโทรมาจองก่อน
เราจองบ้านพักขนาด 8 คน (รูปจาก google) 2 คืน 4,080 บาท
มีผ้าเช็ดตัวให้ ส่วนของใช้ต้องเตรียมไปเอง และไม่มีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบต
แนะนำตอนไปทานข้าวให้พบที่ชาร์จไปด้วย ร้านค้าต่างๆจะให้ชาร์จฟรี
ไม่ก็ไปชาร์จที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีค่าใช้จ่าย 20-40 บาท
วันที่เราขึ้นไปคนยังไม่เยอะเท่าไร
น้องๆมาทักทาย (แลบลิ้นด้วย ><)
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นตี 5 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่น
ขากลับเดินไปไหว้พระ ที่ลานวัดพระเแก้ว
เดินกลับมากินข้าวเช้า เตรียมออกเดินทาง
ไปรับรถจักรยาน และออกเดินทางไปน้ำตก
น้ำตกธารสวรรค์
น้ำตกถ้ำใหญ่
สระอโนดาต
ผานาน้อย แวะเติมพลังกินข้าว และของหวาน
ผาเหยียบเมฆ
ผาแดง
ถึงแล้ว ผาหล่มสัก
แวะกินกาแฟ ขนม ที่ร้านชมพู่มะเหมี่ยว
จบแล้วครับ สำหรับ 3 วัน 2 คืนบนภูกระดึง ในช่วงหน้าฝน
สิ่งที่ทำให้ระแวงอีกอย่างนึงคือ น้องทาก ที่พร้อมจะกระโดดใส่อยู่ตลอดเวลา
ข้างบนเปลื่ยนไปจากเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก มีร้านค้าต่างๆมากขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่เปลื่ยนแปลงคืออากาศที่บริสุทธิ์ ให้คุณหลบจากความวุ่นวายมาฟอกปอด และกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง....