ครั้งที่ 2 ในชีวิต พิชิตภูกระดึง (ตอน แค้นนี้ต้องชำระ)

สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งในทริปนี้ หลังจากห่างหายไปนานเป็นปีเลย ทริปนี้ผมให้ชื่อว่า "ครั้งที่ 2 ในชีวิต พิชิตภูกระดึง (ตอน แค้นนี้ต้องชำระ)" ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผมได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเธอแบบจริงๆจังๆ(หมายถึงภูกระดึงนะครับ) ส่วนชื่อตอน แค้นนี้ต้องชำระ จริงๆไม่ได้ไปโกรธแค้นหรือเคืองใครที่ภูกระดึงหรอกนะครับ แค้นนี้ต้องชำระความหมายคือ ครั้งแรกที่ขึ้นภูกระดึงผมยังเที่ยวไม่หมดทุกที่ โดยเฉพาะ ผาหล่มสัก ผาที่เป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึง ครั้งนี้ผมเลยต้องขึ้นไปชำระแค้นด้วยการขึ้นไปเที่ยวให้ครบตามที่ตั้งใจไว้ ถือเป็นการชำระแค้นไปในตัว อิอิ
ก่อนอื่นผมขอย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ มีชายเสียสติ 2 คน กินเหล้าถึงตี 5 แล้วตื่นนอน 7 โมงเช้าเพื่อที่จะนั่งรถทัวร์จากขอนแก่นเพื่อจะไปพิชิตยอดภูกระดึงในอาการแบบเมาค้าง เมื่อไปถึงติดต่อเจ้าหน้าที่เสร็จสรรพก็พากันเดินขึ้นภูกันทันที ส่วนผมอ้วกแตกตั้งแต่ยังไม่ถึง 1 กิโลเมตรแรก แล้วเราก็ขึ้นไปถึงยอดภูกระดึงด้วยความสะบักสะบอม ในการไปครั้งนั้นผมนอนค้างแค่คืนเดียวและได้เที่ยวแค่ผาหมากดูกและผานกแอ่น 2 ที่ แค่นั้นเอง ผมจึงคิดที่จะกลับไปแก้แค้นอีกสักครั้ง

วันที่ 3 ม.ค. 2554 (4 ปีที่แล้ว)



ขออนุญาติตัดภาพมาที่ตอนปัจจุบันเลยนะครับ
ทริปนี้เรามากัน 2 คนเหมือนครั้งแรกเลยคับ แต่ไม่ใช่คนเดิมนะ อิอิ
ผมไม่ขออธิบายอะไรมากนะครับ ขอลงรูปและแค่อยากให้รู้ว่าแก้แค้นสำเร็จแล้ว อิอิ
ปล.ภาพอาจไม่สวย ถ่ายจากโทสับมือถือและอีกอย่างตากล้องส่วนตัวของผมเพิ่งหัดใหม่ด้วย อิอิ

วันที่ 10 ม.ค. 2558 เราเริ่มเดินขึ้นภูกันเวลา 8.00 น. สภาพอากาศข้างล่างท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้มเหมือนฝนจะตกเลยครับแต่ยังไม่ตกนะ ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าตกละกัน ขอร้อง... Pleaese!!!!

ส่วนสำหรับใครที่ยังไม่เคยขึ้นภูกระดึง ผมขอแนะนำให้เอาของติดตัวขึ้นไปให้น้อยที่สุด ถอดเสื้อผ้าเดินขึ้นได้ยิ่งดี เห้ยย!!! ไม่ใช่ละ ผมหมายถึงพวกของกินครับ ระหว่างทางจะมีร้านค้าขายของกินอยู่เป็นระยะๆ ตามจุดพักต่างๆ หรือที่เรียกว่า "ซำ" ถ้าใครแบกขึ้นไหวก็แบกขึ้นตามสบายเลยครับ แต่ส่วนใหญ่ผมเห็นจ้างลูกหาบกัน ส่วนผมมา 2 ครั้ง แบกขึ้นเองทั้ง 2 ครั้งเลย เพราะผมยังฟิตปั๋งๆๆๆ อยู่ 5555  เอาเป็นว่าเวลาเดินขึ้น ให้พกแค่น้ำเปล่าขวดเล็กติดตัวไปด้วยละกันครับ ส่วนอาหารให้ไปซื้อกินตามร้านค้าเอาจะดีกว่า


พอเราเดินใต่ระดับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าด้านบนเริ่มมีหมอกบาง เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆด้วย


ลูกหาบที่นี่ผมสาบานได้เลยว่า ลูกหาบที่นี่แหละเก่งที่สุดในโลก สามารถแบกของได้ 8-10 เท่าของผมเลย ขนาดผมมีแค่เป้ใบเดียวยังจะเอาตัวไม่รอด แต่ลูกหาบที่นี่เก่งมากๆ แข็งแรงสุดๆ ลูกหาบบางคนหาบถังแก๊ส 2 ถัง แล้วยังมีกระเป๋าติดไปด้วยอีก แถมยังเดินเร็วพอๆกับนักท่องเที่ยวเลย ลูกหาบบางคนเดินไวกว่าด้วยซ้ำ ค่าลูกหาบนี่ กิโลกรัมละ 15 บาท ถ้าคุณเคยเดินขึ้นภูกระดึงมาแล้ว คุณจะรู้ทันทีว่าราคากิโลละ 15 บาทไม่แพงเลย


ถึงแล้ว หลังแป อากาศข้างบนนี้แตกต่างจากด้านล่างอย่างสิ้นเชิง หมอกหนามาก อากาศเย็นสบาย ขอพักให้รางวัลกับปอดแปปนึง แหะๆ



เราแวะถ่ายรูปกับป้ายพิชิตภูกระดึงกันนิดหน่อย พักพอหายเหนื่อนก็เดินทางกันต่อ เราต้องเดินเท้าทางราบไปอีก 3.5 กิโลเมตร จากหลังแปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(จุดกางเต๊น) 2 ข้างทางที่เราเดินไปจุดกางเต๊นจะมีต้นสนเรียงรายกันอย่างสวยงามไปตลอดทาง แต่วันนี้หมอกค่อนข้างหน้าเราจึงมองเห็นได้ไม่ไกลนัก บางที่หมอกหนามาก ขนาดห่างแค่ 20 เมตรก็ยังมองไม่เห็นอะไรเลย




และแล้วเราก็เดินมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(จุดกางเต๊น) คืนนี้เราจะกางเต๊นค้างแรมกันที่นี่



เมื่อเรามาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผมจำไม่ได้นะว่ามาถึงจุดกางเต๊นนี่เวลาเท่าไหร่แล้ว เพราะเหนื่อยมากๆ เราต้องเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนนะครับ เพื่อจะเช่าเต๊นและผ้าห่ม เดี๋ยวผมจะไล่เรียงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆพอคร่าวๆนะครับ เผื่อใครที่ยังไม่เคยมา จะได้วางแผนและบริหารค่าใช้จ่ายเองได้ถูกต้อง
1.ถ้าใครนำรถยนต์มาเอง คันละ 30 บาท (จ่ายที่ด่านทางเข้าอุทยาน)
2.ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท (จ่ายที่ที่ทพการอุทยานด้านล่าง)
3.ค่าที่กางเต๊น 60 บาทต่อคืน (2 คน) จ่ายที่ที่ทำการอุทยานด้านล่าง
4.ค่าเต๊นนอนได้ 2 คน จ่าย 200 บาทต่อคืน (เช่าที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหรือร้านค้าด้านบน)
5.ผ้าห่มผืนละ 50 บาทต่อคืน
6.แผ่นรองนอนผืนละ 20 บาทต่อคืน
7.หมอนใบละ 10 บาทต่อคืน




พอกางเต๊นเสร็จเรียบร้อยนอนพักเอาแรงสักพัก เราจะไปที่ผาหมากดูกกัน ปกติแล้วเป็นที่ชมพระอาทิตย์ตกกันห่างจากจุกกางเต๊นประมาณ 2.2 กิโลเมตร ซึ่งไม่ไกลนัก เราพอเดินไหว 555 (มีคนบางคนบอก) งั้นเราเริ่มออกเดินทางกันเล้ยยย



ระหว่างทางที่เราเดินไปผาหมากดูกหมอกลงหนามาก เพราะเวลาก้เริ่มจะค่ำลงเรื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าใกล้หนาผามากเท่าไหร่หมอกก็ยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ



เดินไปเดินมา ถึงแล้วคับ ผาหมากดูก เหนื่อยเหมือนกันนะเนี้ย ปวดขา แต่อากาศดีมาก หมอกหนามาก มองไปแทบไม่เห็นอะไรเลย ยิ่งมองไปด้านล่างของหน้าผาแล้ว ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆนอกจากหมอกขาวโพรนเต็มไปหมด เราชมวิวที่ผาหมากดูกแปปเดี่ยว เพราะมองไปไม่เห็นอะไรเลย เราเลยเดินกลับจุดกางเต๊นกันดีกว่า


เรากลับถึงเต๊น และบอกเลยคืนนี้ผมไม่อาบน้ำนะ ฮ่าๆๆๆ


อรุณสวัสดิ์ เช้าวันที่ 11 ม.ค. 2558  อากาศตอนเช้าที่นี่วันนี้มันช่างเย็นเยือกจริงๆ ผมตื่นขึ้นมาทำได้แค่ล้างหน้ากับแปรงฟันเท่านั้นแหละ ใครจะว่ายังไงผมไม่สน แค่นี้ยังจะไม่รอดแล้ว

หาอะไรกินกันดีกว่า วันนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวหลายที่เลย(ชำระแค้นด้วย) อาหารที่นี่ไม่แพง ข้าวราดแกงจานละ 70 บาทเอง ไม่อิ่มเพิ่มได้ฟรี, น้ำขวดเล็ก 25 บาท ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมตักเองเลยละกัน 555




กินข้าวเสร็จ เราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย จุดหมายปลายทางการล้างแค้นครั้งนี้อยู่ที่ผาหล่มสัก แต่ระหว่างทางก็จะมีที่เที่ยวเป็นระยะๆ วันนี้เราต้องเดินทางเกือบ 20 กิโลเมตร ซึ่งเราคงเดินไม่ไหว ขอเช่าจักรยานละกัน ค่าเช่าคันละ 310 บาทต่อวัน  Let,s go Nowww..

จุดแรกที่เราจะต้องผ่านวันนี้คือ ลานพระพุทธเมตตา




จุดต่อไปที่เราต้องผ่านและแวะคือ น้ำตกธารสวรรค์ และ น้ำตกถ้ำใหญ่ ซึ้งน้ำตกที่ว่านี้จะมีต้นเมเปิ้ลอยู่มาก ซึ่งใบกำลังแดงสวยงามเลยที่เดี่ยว











จุดต่อไปกันเลยนะครับ อยู่ที่นี่นานๆ เดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน แหะๆ เดินทางกันเล้ยย ด้วยจักรยานราคา 300 บาท วันนี้ต้องปั่นจักรยานทั้งวัน ตอนนี้ไข่ผมเริ่มระบมไปหมดแล้วคับ จะกลับถึงที่พักมั้ยยังไม่รุ้เลย


จุดต่อไปคือ สระอโนดาก เย้ยย!! สระอโนดาต ต้องไปอีกประมาณ 2.7 กิโลเมตร เป็นสระน้ำที่มีน้ำตลอดทั้งปีและน้ำใสมาก เขาเล่ามานะครับ แต่ที่ไปเจอกับตัวนั้นเย็นจริงๆ แต่เรื่องใสนี่ไม่เท่าไหร่เลย อาจเป็นเพราะมีคนไปเที่ยวเยอะแล้วมั้งครับ มันเลยขุ่น 555



จุดต่อไปที่เราจะแวะคือ น้ำตกถ้ำสอเหนือ ห่างจากสระอโนดาตประมาณ 2.3 กิโลเมตร มาถึงจุดๆนี้ ตากล้องส่วนตัวของผมเริ่มโอดโอยเพราะหิวข้าว ผมลืมซื้ออาหารมาด้วย ส่วนผมยังพอทนไหว อีกป้ายหน้าก็จะถึงผาหล่มสักแล้ว ซึ่งที่ผาหล่มสักมีร้านค้าขายอาหาร เราจึงแวะที่น้ำตกถ้ำสอเหนือแค่แปปเดียว



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่