เครื่องร้อนแล้วดับ โดนฝนก็ดับ เร่งแล้วสำลัก เหมือนน้ำมันลงไม่ทัน
ไล่หาสาเหตุกันมาร่วม 2 สัปดาห์ ซึ่งอาการแบบนี้ มันชี้ไปทางน้ำมันลงไม่ทัน กับวาล์วยัน
ก็เช็คหมด ถ่ายน้ำมันออกจากถัง เป่าไล่สนิม เปลี่ยนกรองน้ำมันเบนซิน ล้างติ๊กสูญญากาศ ล้างคาร์บู
ไม่หาย
อ่ะ ไปตั้งวาล์ว ขัดหัวเทียน
ไม่หาย
แถมอาการหนักลงเรื่อยๆ วาล์วดังแต่กๆ คือวาล์วห่างแล้ว แต่ยังร้อนแล้วดับ
ปวดกบาล รมณ์เสีย เลยลงมานั่งกับพื้นข้างๆรถ อยากจะเอาหัวโขกถังน้ำมันตายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ได้ยินเสียงแปลกๆ ทีแรกนึกว่าเสียงวาล์ว เอ๊ะ ไม่ใช่
เสียงดังเปรี๊ยะเบาๆผสมมากับเสียงวาล์ว คือถ้าฟังผ่านๆ หลายๆคนก็จะไม่ได้สนใจ แต่ด้วยความที่เราเป็นช่าง จะทิ้งสาเหตุอะไรไปไม่ได้ เลยตั้งใจฟัง
มันคือเสียงไฟสปาร์ค
แล้วก็พิสูจน์ ด้วยการเอามือไปจับสายหัวเทียนดู มี 4 สาย หน้า 2 หลัง 2
สายหัวสูบชุดหลังไม่มีไร
พอจับสายของสูบหน้าเท่านั้นแหล่ะ ไฟดูดป๊าบ
เลยลองดึงปลั๊กหัวเทียนออก มองหาสายทองแดงไม่เจอ มีแต่ผงสีเขียวๆ ก็นึกว่ามันเป็นสายคาร์บอน แต่ คาร์บอนมันเป็นผงสีดำนี่หว่า นี่มันผงสีเขียว
เลยลองเอาสายเปล่าๆ ไปจี้ห่างๆกับขั้วหัวเทียนแล้วสตาร์ทเครื่อง ไฟไม่ออก
เลยเอาคัตเตอร์ตัดลงไปราวๆ 1 นิ้ว โห เจอละ สายทองแดง แต่สายทองแดงเป็นสนิมครับ เป็นจนผุเป็นผงสีเขียวๆ
คราวนี้ ลองเอาสายจี้ห่างๆกับขั้วหัวเทียน แล้วสตาร์ทอีกรอบ ไฟมาแล้วครับ แต่มาแบบไม่สม่ำเสมอ
จัดการเปลี่ยนสาย เอาสายเท่าที่หาได้ตามร้านรถเล็กทั่วไปนี่แหล่ะเปลี่ยน
เดินเบานิ่งเลย สิบนาทีผ่านไป เครื่องยังไม่ดับ
สรุปคือ สายทองแดงมันผุ ไม่นำไฟฟ้า ยิ่งพออากาศร้อน สภาพความนำไฟฟ้าในสายผุๆ ยิ่งลด เลยทำให้เครื่องดับ พอโดนฝน มันเลยรั่วไปกับน้ำหมด เลยยิ่งทำให้ดับง่ายยิ่งขึ้น ทำให้หลงอาการ มัวแต่ไปแก้โน่นแก้นี่ หมดไป 2 สัปดาห์
เพราะปรกติ ตอนสตาร์ท เราจะยืนขึ้น คร่อมรถไว้ หรือไม่ก็ยืนข้างๆรถ เสียงบางอย่างมันเลยไม่ได้ยินจากมุมปรกติ
พอลุกมานั่งช้างๆ มันก็ทำให้ได้ยินเสียงอะไรเพิ่มมากขึ้น จากรถคันเดิมๆ
บางครั้ง การหาสาเหตุ ก็ต้องถอยมา แล้วเปลี่ยนมุมมองดู ก็น่าจะค้นพบอะไรใหม่ๆครับ
เครื่องร้อนแล้วดับ โดนฝนก็ดับ เร่งแล้วสำลัก เหมือนน้ำมันลงไม่ทัน
ไล่หาสาเหตุกันมาร่วม 2 สัปดาห์ ซึ่งอาการแบบนี้ มันชี้ไปทางน้ำมันลงไม่ทัน กับวาล์วยัน
ก็เช็คหมด ถ่ายน้ำมันออกจากถัง เป่าไล่สนิม เปลี่ยนกรองน้ำมันเบนซิน ล้างติ๊กสูญญากาศ ล้างคาร์บู
ไม่หาย
อ่ะ ไปตั้งวาล์ว ขัดหัวเทียน
ไม่หาย
แถมอาการหนักลงเรื่อยๆ วาล์วดังแต่กๆ คือวาล์วห่างแล้ว แต่ยังร้อนแล้วดับ
ปวดกบาล รมณ์เสีย เลยลงมานั่งกับพื้นข้างๆรถ อยากจะเอาหัวโขกถังน้ำมันตายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ได้ยินเสียงแปลกๆ ทีแรกนึกว่าเสียงวาล์ว เอ๊ะ ไม่ใช่
เสียงดังเปรี๊ยะเบาๆผสมมากับเสียงวาล์ว คือถ้าฟังผ่านๆ หลายๆคนก็จะไม่ได้สนใจ แต่ด้วยความที่เราเป็นช่าง จะทิ้งสาเหตุอะไรไปไม่ได้ เลยตั้งใจฟัง
มันคือเสียงไฟสปาร์ค
แล้วก็พิสูจน์ ด้วยการเอามือไปจับสายหัวเทียนดู มี 4 สาย หน้า 2 หลัง 2
สายหัวสูบชุดหลังไม่มีไร
พอจับสายของสูบหน้าเท่านั้นแหล่ะ ไฟดูดป๊าบ
เลยลองดึงปลั๊กหัวเทียนออก มองหาสายทองแดงไม่เจอ มีแต่ผงสีเขียวๆ ก็นึกว่ามันเป็นสายคาร์บอน แต่ คาร์บอนมันเป็นผงสีดำนี่หว่า นี่มันผงสีเขียว
เลยลองเอาสายเปล่าๆ ไปจี้ห่างๆกับขั้วหัวเทียนแล้วสตาร์ทเครื่อง ไฟไม่ออก
เลยเอาคัตเตอร์ตัดลงไปราวๆ 1 นิ้ว โห เจอละ สายทองแดง แต่สายทองแดงเป็นสนิมครับ เป็นจนผุเป็นผงสีเขียวๆ
คราวนี้ ลองเอาสายจี้ห่างๆกับขั้วหัวเทียน แล้วสตาร์ทอีกรอบ ไฟมาแล้วครับ แต่มาแบบไม่สม่ำเสมอ
จัดการเปลี่ยนสาย เอาสายเท่าที่หาได้ตามร้านรถเล็กทั่วไปนี่แหล่ะเปลี่ยน
เดินเบานิ่งเลย สิบนาทีผ่านไป เครื่องยังไม่ดับ
สรุปคือ สายทองแดงมันผุ ไม่นำไฟฟ้า ยิ่งพออากาศร้อน สภาพความนำไฟฟ้าในสายผุๆ ยิ่งลด เลยทำให้เครื่องดับ พอโดนฝน มันเลยรั่วไปกับน้ำหมด เลยยิ่งทำให้ดับง่ายยิ่งขึ้น ทำให้หลงอาการ มัวแต่ไปแก้โน่นแก้นี่ หมดไป 2 สัปดาห์
เพราะปรกติ ตอนสตาร์ท เราจะยืนขึ้น คร่อมรถไว้ หรือไม่ก็ยืนข้างๆรถ เสียงบางอย่างมันเลยไม่ได้ยินจากมุมปรกติ
พอลุกมานั่งช้างๆ มันก็ทำให้ได้ยินเสียงอะไรเพิ่มมากขึ้น จากรถคันเดิมๆ
บางครั้ง การหาสาเหตุ ก็ต้องถอยมา แล้วเปลี่ยนมุมมองดู ก็น่าจะค้นพบอะไรใหม่ๆครับ