สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
ถามว่าแปลกมั้ย ก็เห็นอยู่เยอะสำหรับสังคมไทย ครอบครัวที่ค่อนข้างประคบประหงมลูก และลูกเองก็อยู่ในโอวาทมาตลอด ได้รับการชื่นชมว่าเป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่มองในแง่การใช้ชีวิตก็คือไม่ค่อยโต
เปรียบเทียบเหมือนเด็กว่ายน้ำไม่เป็น พ่อแม่ที่ประคบประหงม จะบอกว่ากลัวลูกจมน้ำ ลูกอย่าไปเล่นน้ำ อย่าไปอยู่ใกล้ๆ น้ำ ส่วนพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกแกร่ง จะให้ลูกฝึกว่ายน้ำ การมีความสัมพันธ์ก็เหมือนกัน ถ้ามองแค่มุมว่า ช อันตราย เดี๋ยวฟันแล้วทิ้ง เดี๋ยวดูเป็น ญ ไม่ดี เดี๋ยวถูกหลอก ก็เลยไม่ยอมให้มีแฟน พออายุมากเริ่มมีได้ ก็จำกัดการเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่จริงๆ โดยห่วงแค่หน้าตาว่า ยังไม่แต่ง มันน่าเกลียด ทั้งที่มันก็แค่กระดาษใบเดียว เอาไว้ฟ้องร้องถ้าเขานอกใจ ให้ได้เงินชดเชยมาเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้การันตีเลยว่าเขาจะมีเราคนเดียว อยู่กับเราตลอดไป
คนเราควรคบหาและใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ ก่อนถึงจะคิดผูกมัดกันด้วยงานแต่งงาน ถ้าแค่จะไปเที่ยวด้วยกันสองคน ยังทำไม่ได้ จะเพิ่มความสนิทสนม เพิ่มความแน่นแฟ้นของความสัมพันธ์ยังไง ยังต้องเรียนรู้กันและกันอีกมาก อย่างที่แค่คนที่เจอกันครั้งคราว ออกไปกินข้าว ดูหนัง เดินห้าง ทำไม่ได้หรอก เพื่อนที่สนิทกันมากๆ ยังเคยค้างบ้าน หรือไปไหนๆ แบบค้างคืนได้เลย ถ้างั้นมันไม่สนิทจริงหรอก แล้วนี่แฟน คนที่ตั้งใจจะแต่งงาน ใช้ชีวิตด้วยกัน มันต้องดรียนรู้และสร้างความสนิทสนมกว่านั้นอีกหลายเท่า
ถามว่าควรพูดกับพ่อแม่ยังไง โดยพื้นฐานคุณอยู่ในโอวาทมาตลอด ยิ่งเป็นแบบนี้ พ่อแม่ก็จะชินกับสิ่งที่คุณเป็น ผิดกับพ่อแม่ที่มีลูกเกเร ออกนอกลู่นอกทางแต่ต้น แบบนั้นแค่ไม่เสียผู้เสียคน พ่อแม่ก็ดีใจจะแย่ แต่กลับกัน ลูกที่ดีๆ กลับจะยิ่งถูกกดดันให้อยู่ในกรอบที่พ่อแม่ตีไว้ แบบนี้คุณต้องชั่งใจก่อนว่า กล้ามั้ยที่จะขัดพวกท่านในครั้งนี้ ถ้าพูดยกเหตุผลแค่ไหนก็ยังไม่ฟัง จะกล้ามั้ยที่จะตัดสินใจเอง ชีวิตตัวเอง ถ้าไม่ ก็จบ เป็นลูกในโอวาทต่อไป แต่ถ้าคิดว่างานนี้ขอประกาศอิสรภาพ ใช้ชีวิตของตัวเองแบบที่ต้องการ เพราะทำเพื่อครอบครัวมาเยอะแล้ว (และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งผิดอะไร เพียงแต่คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง) คุณก็พยายามพูดด้วยเหตุผลให้ท่านฟัง ว่าทำไมคุณถึงตัดสินใจแบบนี้ และเป็นการแจ้งให้ทราบ ไม่ใช่การขออนุญาต
เปรียบเทียบเหมือนเด็กว่ายน้ำไม่เป็น พ่อแม่ที่ประคบประหงม จะบอกว่ากลัวลูกจมน้ำ ลูกอย่าไปเล่นน้ำ อย่าไปอยู่ใกล้ๆ น้ำ ส่วนพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกแกร่ง จะให้ลูกฝึกว่ายน้ำ การมีความสัมพันธ์ก็เหมือนกัน ถ้ามองแค่มุมว่า ช อันตราย เดี๋ยวฟันแล้วทิ้ง เดี๋ยวดูเป็น ญ ไม่ดี เดี๋ยวถูกหลอก ก็เลยไม่ยอมให้มีแฟน พออายุมากเริ่มมีได้ ก็จำกัดการเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่จริงๆ โดยห่วงแค่หน้าตาว่า ยังไม่แต่ง มันน่าเกลียด ทั้งที่มันก็แค่กระดาษใบเดียว เอาไว้ฟ้องร้องถ้าเขานอกใจ ให้ได้เงินชดเชยมาเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้การันตีเลยว่าเขาจะมีเราคนเดียว อยู่กับเราตลอดไป
คนเราควรคบหาและใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ ก่อนถึงจะคิดผูกมัดกันด้วยงานแต่งงาน ถ้าแค่จะไปเที่ยวด้วยกันสองคน ยังทำไม่ได้ จะเพิ่มความสนิทสนม เพิ่มความแน่นแฟ้นของความสัมพันธ์ยังไง ยังต้องเรียนรู้กันและกันอีกมาก อย่างที่แค่คนที่เจอกันครั้งคราว ออกไปกินข้าว ดูหนัง เดินห้าง ทำไม่ได้หรอก เพื่อนที่สนิทกันมากๆ ยังเคยค้างบ้าน หรือไปไหนๆ แบบค้างคืนได้เลย ถ้างั้นมันไม่สนิทจริงหรอก แล้วนี่แฟน คนที่ตั้งใจจะแต่งงาน ใช้ชีวิตด้วยกัน มันต้องดรียนรู้และสร้างความสนิทสนมกว่านั้นอีกหลายเท่า
ถามว่าควรพูดกับพ่อแม่ยังไง โดยพื้นฐานคุณอยู่ในโอวาทมาตลอด ยิ่งเป็นแบบนี้ พ่อแม่ก็จะชินกับสิ่งที่คุณเป็น ผิดกับพ่อแม่ที่มีลูกเกเร ออกนอกลู่นอกทางแต่ต้น แบบนั้นแค่ไม่เสียผู้เสียคน พ่อแม่ก็ดีใจจะแย่ แต่กลับกัน ลูกที่ดีๆ กลับจะยิ่งถูกกดดันให้อยู่ในกรอบที่พ่อแม่ตีไว้ แบบนี้คุณต้องชั่งใจก่อนว่า กล้ามั้ยที่จะขัดพวกท่านในครั้งนี้ ถ้าพูดยกเหตุผลแค่ไหนก็ยังไม่ฟัง จะกล้ามั้ยที่จะตัดสินใจเอง ชีวิตตัวเอง ถ้าไม่ ก็จบ เป็นลูกในโอวาทต่อไป แต่ถ้าคิดว่างานนี้ขอประกาศอิสรภาพ ใช้ชีวิตของตัวเองแบบที่ต้องการ เพราะทำเพื่อครอบครัวมาเยอะแล้ว (และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งผิดอะไร เพียงแต่คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง) คุณก็พยายามพูดด้วยเหตุผลให้ท่านฟัง ว่าทำไมคุณถึงตัดสินใจแบบนี้ และเป็นการแจ้งให้ทราบ ไม่ใช่การขออนุญาต
ความคิดเห็นที่ 5
พ่อแม่ไม่ให้ไปค้างคืนกับแฟน. แฟนคือแฟนนี่ครับ ลองแต่งงานท่านคงไม่ห้ามคนโตเขามองรูปการณ์ออกไปค้างอ้างแรมด้วยกัน ความไกล้ชิดการไม่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่มันย่อมมีอะไรเลยเถิด คุณอ้างว่าอายุ ๓๐ ปีแล้วนี่ถามจริงๆ ไม่ยอมรับรู้ประเพณีของคนไทยเลยหรือครับ
การมีวุฒิภาวะของคุณคือการอ้าง และเข้าข้างตัวเองครับ คุณสร้างบ้านให้พ่อแม่ แต่คุณไม่รักษาหน้าให้พ่อแม่ ถ้าต้องการรักษาหน้าพ่อแม่ก็ให้ผู้ชายมาสู่ขอแต่งงานให้ถูกต้องเสียสิครับ ไม่ใช่จะจ้องจะไปค้างคืนใส่พานถวายเขา แล้วคิดหรือว่าถ้าเขาได้คุณแล้วจะได้แต่ง เพราะเขาได้แล้วน่ะเวลายังเหลือครับเก็บเอาางที่บอกตรองดูว่าสมควรหรือไม่
การมีวุฒิภาวะของคุณคือการอ้าง และเข้าข้างตัวเองครับ คุณสร้างบ้านให้พ่อแม่ แต่คุณไม่รักษาหน้าให้พ่อแม่ ถ้าต้องการรักษาหน้าพ่อแม่ก็ให้ผู้ชายมาสู่ขอแต่งงานให้ถูกต้องเสียสิครับ ไม่ใช่จะจ้องจะไปค้างคืนใส่พานถวายเขา แล้วคิดหรือว่าถ้าเขาได้คุณแล้วจะได้แต่ง เพราะเขาได้แล้วน่ะเวลายังเหลือครับเก็บเอาางที่บอกตรองดูว่าสมควรหรือไม่
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่แปลก จะอายุมากขนาดไหนไม่ได้แปลว่าจะสมควรที่จะทำตัว "ง่าย"
บางคนอ้างว่าอายุ 30 แล้วยังไม่เคย มีอะไรกับผู้ชาย
จำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ จำเป็นต้องอยากมีโดยไม่สนใจ เรื่องการแต่งงาน เรื่องคุณภาพของคนที่คบเลยเหรอ
อยากไปกับแฟนค้างคืน บอกแฟนมาขอแต่งงานสิ แล้วจะไปไหนทำอะไรไม่ต้องกังวลเลย
แต่ก็นะ สมัยนี้เขาเรียกคำว่า "เท่าเทียม" จะนอนกับใครก็เท่าเทียมกัน
บางคนอ้างว่าอายุ 30 แล้วยังไม่เคย มีอะไรกับผู้ชาย
จำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ จำเป็นต้องอยากมีโดยไม่สนใจ เรื่องการแต่งงาน เรื่องคุณภาพของคนที่คบเลยเหรอ
อยากไปกับแฟนค้างคืน บอกแฟนมาขอแต่งงานสิ แล้วจะไปไหนทำอะไรไม่ต้องกังวลเลย
แต่ก็นะ สมัยนี้เขาเรียกคำว่า "เท่าเทียม" จะนอนกับใครก็เท่าเทียมกัน
แสดงความคิดเห็น
อายุ30พ่อแม่ไม่ให้ไปเที่ยวค้างคืนกับแฟนแปลกมากไหมคะ
พอจะมีคำแนะนำวิธีการคุยกับพ่อแม่ยังไงให้ท่านเข้าใจเราบ้างคะ เราอยากใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการบ้าง อยากทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข เพราะที่ผ่านมา เราเชื่อฟังท่านมาตลอด