สวัสดีค้า เราจะมาเล่าประสบการณ์อยู่ดีๆมีน้ำซึมขึ้นมาตามร่องไม้ (พื้นไม้ลามิเนต)ที่คอนโดเรา ห้องเราขนาด 57 ตร.ม. 1ห้องรับแขก 1ห้องนอน
เริ่มจากช่วงต้นเดือนตุลาคม เรามีความรู้สึกว่าทำไมวันนี้พื้นห้องนอนเรามันชื้นๆแปลกๆ เช็ดพื้นแล้วมันแห้งช้า แต่ก็คิดว่าเพราะพายุเข้าฝนตกตลอดมันเลยชื้น (มาคุยกับช่างที่หลัง ช่างบอกว่าตอนนั้นน้องน้ำคงซึมมาใต้ไม้แล้ว) ตอน 3 ทุ่มกว่าพี่สาวเราเรียกเราไปดูในห้อง ตอนนั้นคือน้ำซึมขึ้นมาตามร่องไม้แล้ว (ไม่มีรูปช่วงนั้นเลยเพราะมั่วแต่เช็ดน้ำ) เราก็ไปตามช่างมาขึ้นมาดู แต่ช่างก็ทำอะไรไม่ได้เพราะดึกแล้ว เลยนัดว่าวันพรุ่งนี้ 10 โมงช่างจะขึ้นมารื้อไม้ออกดู คืนนั้นก็นอนแบบน้ำซึมๆ เอาผ้ามาปูซับน้ำไป เรียกว่าเวลาเหยียบไปตามพื้นจะมีน้ำซึมขึ้นมาตลอดเลย
เช้าวันเสาร์ (ที่ไม่สดใส) ช่างขึ้นมา ตอนแรกช่างจะรื้อแค่พื้นตรงหน้าห้องน้ำ แต่เราขอให้ช่างรื้อตู้เสื้อผ้า และ พื้นใต้นั้นออก
ตรงที่น้ำซึมคืนบริเวณที่ช่างเสื้อขาวยืนอยู่ยาวไปถึงบริเวณปลั๊กไฟ ตู้เป็นแบบ build in ตอนลากออกมานี้ทำท่าจะหลุดเป็นชิ้นๆเลย
นี้คือสภาพของกำแพงและพื้นที่รื้อเอาไม้ออก น้ำนองแบบเต็มๆ ตอนนั้นช่างยังไม่ฟันธงว่าน้ำมาจากห้องข้าง เพราะห้องเราช่างเคยขึ้นมาซ่อมยาแนวส่วนอาบน้ำมาก่อน เลยคิดว่ายาแนวอาจจะมีปัญหา แต่เราก็บอกช่างนะว่าน้ำมันเหมือนซึมจากฝั่งห้องข้างๆ (ที่มีรอยปูนแตก)มากกว่าด้านห้องน้ำ แต่ก็ลองดูก่อนว่าน้ำแห้งไหม
ที่เห็นขาวๆนั้นคือแผ่นโฟมที่ปูรองพิ้นก่อนวางไม้ลามิเนต และด้านล่างสุดมีแผ่นพลาสติกเนื้อหนาอยู่อีกชั้น ซึ่ง ทำให้ความชื้นมันไม่หายไปง่ายๆ แถมหลังจากน้ำเริ่มแห้งฝุ่นมาอีก ต้องกวาดต้องเช็ดเอาฝุ่นออกไม่งั้นนอนไม่ได้
วันถัดมาเรารื้อไม้ออกเพิ่มเองกับพี่สาว จากที่ช่างรื้อไว้แค่ 2 แถว น้ำแห้งแต่เฉพาะบริเวณที่เปิดไว้ เพราะใต้พื้นมีทั้งแผ่นโฟม แผ่นพลาสติกกักความชื้นไว้ คือความชื้นไปครึ่งห้องแล้ว
เราก็เปิดทิ้งไว้แบบนี้ (ภาพนี้ ถ่ายกลางคืนเลยจะเหลืองหน่อย) ก็รู้สึกว่ามันยังมีน้ำซึมมาอยู่ โดยเฉพาะตามแนวขอบบัว ก็คุยกับพี่แล้วว่าจะให้ทางนิติติดต่อห้องข้างๆแล้ว แต่วันถัดมา (วันที่ 13 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันหยุด เราออกไปธุระช่วงเช้า เที่ยงกลับมาเจอน้ำนองแบบนี้
โทรมาตามช่างขึ้นมาด่วนๆเลยจ้า ช่างบอกว่าห้องข้างๆ (ปล่อยเช่า ตอนนี้ไม่มีคนอยู่) น้ำท่วมครับ ท่อน้ำที่ต่อเข้าเครื่องทำน้ำร้อนแตก และท่อระบายน้ำตรงนั้นโดนบล็อก น้ำเลยไหลออกมาท่วมพื้นห้องทั้งห้องนอนและห้องรับแขก งานงอกเลยจ้า เพราะเราไม่สามารถย้ายออกได้ทันที กว่าเราจะเก็บของ หาโรงแรม ย้ายออกก็วันที่ 25 ต.ค.เข้าไปแล้ว ช่วงนั้นกลางคืนนอนต้องเปิดเครื่องฟอกอากาศเบอร์แรงสุดไว้
หลังจากรู้ว่าพื้นห้องเราพังเพราะห้องข้างๆ นิติก็เขามาเป็นตัวกลางระหว่างเรา และ เจ้าของห้องว่าเขาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมห้องเราทั้งหมดเพราะเราเป็นผู้เสียหาย (เอาจริงๆ หัวหน้าช่างที่ขึ้นมาก็ไปตามเจ้าของห้องมาเจอเราแล้วบอกเขาไปแล้วว่าต้องรับผิดชอบนะ) เราก็คุยกับทั้งต่อหน้าและ ผ่านline ว่าต้องทำยังไง เราก็หาราคาค่าปูพื้นไม้ลามิเนตจากhomepro ค่าที่พักระหว่างซ่อมพื้น จบที่เราทำบันทึกข้อตกลง ระหว่างเรากับเจ้าของห้อง ทำขึ้นมา 3 ชุด สำหรับเรา เจ้าห้องข้างๆ และ นิติ โดยเราระบุ 1. ค่าใช้จ่ายต่างๆ (ค่าซ่อมพื้น + ค่าโรงแรม + ค่าจ้างช่างคอนโด ) 2. รายละเอียดการซ่อม
ถามว่าเขามีต่อรองราคาไหม มีจ้า ไม้ลามิเนตที่ปูพื้นเดิมขนาด 10 มิล แต่ที่ home pro มีขนาด 8 กับ 12 มิล (ราคาต่างกันประมาณ 6 - 800 บาท) เราเลือก 12 มิล แต่สีที่เหมือนของเดิมรวมราคาแล้วคือประมาณ 23,000 บาท (1,056 ต่อตร.ม.) เขาก็ขอต่อรอง (มีถามว่าต้องรื้อใหม่ทั้งห้องเลยหรอ ) สุดท้ายเรายอมเปลี่ยนสีไปเอาสีที่มี promotion อยู่ (มีแค่ 1 สีเท่านั้น) ราคาอยู่ที่ 17,000 บาท
อันนี้คือสภาพพื้นห้องเราก่อนรื้อ ขอบไม้บวมขึ้นมาเพราะความชื้นไปครึ่งห้องเลย เดินสะดุดทุกวัน
เราก็เก็บของย้ายของไปไว้ที่ห้องรับแขก ตู้ build in 3 ตู้ ลาก ย้ายได้ 2 ตู้ อีกตู้ที่ย้ายไม่ได้ ใช้วิธีตัดไม้ชิดขอบฐานตู้เอา ดีว่าเป็นตู้ที่อยู่อีกมุมความชื้นไปไม่ถึงเลยไม่ต้องห่วงเรื่องความชื้น
และอย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ย้ายออกทันที วันที่ช่างคอนโดมารื้อพื้นออกเพื่อเตรียมพื้นที่ ความชื้น + อากาศอุ่น = เชื้อรา เขียวฟูเลยจ้า
ดีว่าเชื้อรามีแค่บริเวณนั้นเท่านั้น เราก็ลงทั้งเดทตอล น้ำส้มสายชู ฉีดอัดไป ห้องก็เปิดหน้าต่างไว้ เพื่อระบายอากาศ
นี้คือสภาพห้องเราตอนนี้ หัวเตียงแบบ build in หุ้มพลาสติกกันฝุ่น ด้านล่างช่างคอนโด ตัดไม้ออก วัดจากพื้น 4 เซ็นเพื่อเช็คเชื้อรา ซึ่งไม่เจอ ไม่งั้นต้องรื้ออกอีก
อาทิตย์นี้ช่างจะเข้ามาปูพื้นห้องใหม่แล้ว เรากะทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ ค่อยให้ช่างคอนโดมาประกอบตู้ ทำความสะอาด จัดของกลับเข้าที่แล้ว จ้างแม่บ้านทำ bigh cleaning อีกที เพราะโรงแรมที่เราอยู่ เขาคิดราคาเหมา 1 เดือน 10,000 บาท จากรายวัน วันละ 700 บาท เราเลยเลือกแบบ 1 เดือนคุ้มกว่า เลยมีเวลาค่อยๆทำ ค่อยๆซ่อมไป
ถือว่าเป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ที่จะต่อรอง รักษาสิทธิของเรา รวมถึงการหาข้อมูลในด้านกฎหมาย มาใช้ในการเขียนบันทึกข้อตกลง (เราโทรหาทนายที่รู้จักเพื่อปรึกษาด้วย ) นี้วางแผนว่าซ่อมพื้นห้องเสร็จจะตามช่างประชามาเช็คท่อต่างๆในห้องต่อเลย
เมื่อคอนโดฉันน้ำท่วมจนต้องรื้อพื้นปูใหม่ เพราะห้องข้างๆท่อน้ำแตก
เริ่มจากช่วงต้นเดือนตุลาคม เรามีความรู้สึกว่าทำไมวันนี้พื้นห้องนอนเรามันชื้นๆแปลกๆ เช็ดพื้นแล้วมันแห้งช้า แต่ก็คิดว่าเพราะพายุเข้าฝนตกตลอดมันเลยชื้น (มาคุยกับช่างที่หลัง ช่างบอกว่าตอนนั้นน้องน้ำคงซึมมาใต้ไม้แล้ว) ตอน 3 ทุ่มกว่าพี่สาวเราเรียกเราไปดูในห้อง ตอนนั้นคือน้ำซึมขึ้นมาตามร่องไม้แล้ว (ไม่มีรูปช่วงนั้นเลยเพราะมั่วแต่เช็ดน้ำ) เราก็ไปตามช่างมาขึ้นมาดู แต่ช่างก็ทำอะไรไม่ได้เพราะดึกแล้ว เลยนัดว่าวันพรุ่งนี้ 10 โมงช่างจะขึ้นมารื้อไม้ออกดู คืนนั้นก็นอนแบบน้ำซึมๆ เอาผ้ามาปูซับน้ำไป เรียกว่าเวลาเหยียบไปตามพื้นจะมีน้ำซึมขึ้นมาตลอดเลย
เช้าวันเสาร์ (ที่ไม่สดใส) ช่างขึ้นมา ตอนแรกช่างจะรื้อแค่พื้นตรงหน้าห้องน้ำ แต่เราขอให้ช่างรื้อตู้เสื้อผ้า และ พื้นใต้นั้นออก
ตรงที่น้ำซึมคืนบริเวณที่ช่างเสื้อขาวยืนอยู่ยาวไปถึงบริเวณปลั๊กไฟ ตู้เป็นแบบ build in ตอนลากออกมานี้ทำท่าจะหลุดเป็นชิ้นๆเลย
นี้คือสภาพของกำแพงและพื้นที่รื้อเอาไม้ออก น้ำนองแบบเต็มๆ ตอนนั้นช่างยังไม่ฟันธงว่าน้ำมาจากห้องข้าง เพราะห้องเราช่างเคยขึ้นมาซ่อมยาแนวส่วนอาบน้ำมาก่อน เลยคิดว่ายาแนวอาจจะมีปัญหา แต่เราก็บอกช่างนะว่าน้ำมันเหมือนซึมจากฝั่งห้องข้างๆ (ที่มีรอยปูนแตก)มากกว่าด้านห้องน้ำ แต่ก็ลองดูก่อนว่าน้ำแห้งไหม
ที่เห็นขาวๆนั้นคือแผ่นโฟมที่ปูรองพิ้นก่อนวางไม้ลามิเนต และด้านล่างสุดมีแผ่นพลาสติกเนื้อหนาอยู่อีกชั้น ซึ่ง ทำให้ความชื้นมันไม่หายไปง่ายๆ แถมหลังจากน้ำเริ่มแห้งฝุ่นมาอีก ต้องกวาดต้องเช็ดเอาฝุ่นออกไม่งั้นนอนไม่ได้
วันถัดมาเรารื้อไม้ออกเพิ่มเองกับพี่สาว จากที่ช่างรื้อไว้แค่ 2 แถว น้ำแห้งแต่เฉพาะบริเวณที่เปิดไว้ เพราะใต้พื้นมีทั้งแผ่นโฟม แผ่นพลาสติกกักความชื้นไว้ คือความชื้นไปครึ่งห้องแล้ว
เราก็เปิดทิ้งไว้แบบนี้ (ภาพนี้ ถ่ายกลางคืนเลยจะเหลืองหน่อย) ก็รู้สึกว่ามันยังมีน้ำซึมมาอยู่ โดยเฉพาะตามแนวขอบบัว ก็คุยกับพี่แล้วว่าจะให้ทางนิติติดต่อห้องข้างๆแล้ว แต่วันถัดมา (วันที่ 13 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันหยุด เราออกไปธุระช่วงเช้า เที่ยงกลับมาเจอน้ำนองแบบนี้
โทรมาตามช่างขึ้นมาด่วนๆเลยจ้า ช่างบอกว่าห้องข้างๆ (ปล่อยเช่า ตอนนี้ไม่มีคนอยู่) น้ำท่วมครับ ท่อน้ำที่ต่อเข้าเครื่องทำน้ำร้อนแตก และท่อระบายน้ำตรงนั้นโดนบล็อก น้ำเลยไหลออกมาท่วมพื้นห้องทั้งห้องนอนและห้องรับแขก งานงอกเลยจ้า เพราะเราไม่สามารถย้ายออกได้ทันที กว่าเราจะเก็บของ หาโรงแรม ย้ายออกก็วันที่ 25 ต.ค.เข้าไปแล้ว ช่วงนั้นกลางคืนนอนต้องเปิดเครื่องฟอกอากาศเบอร์แรงสุดไว้
หลังจากรู้ว่าพื้นห้องเราพังเพราะห้องข้างๆ นิติก็เขามาเป็นตัวกลางระหว่างเรา และ เจ้าของห้องว่าเขาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมห้องเราทั้งหมดเพราะเราเป็นผู้เสียหาย (เอาจริงๆ หัวหน้าช่างที่ขึ้นมาก็ไปตามเจ้าของห้องมาเจอเราแล้วบอกเขาไปแล้วว่าต้องรับผิดชอบนะ) เราก็คุยกับทั้งต่อหน้าและ ผ่านline ว่าต้องทำยังไง เราก็หาราคาค่าปูพื้นไม้ลามิเนตจากhomepro ค่าที่พักระหว่างซ่อมพื้น จบที่เราทำบันทึกข้อตกลง ระหว่างเรากับเจ้าของห้อง ทำขึ้นมา 3 ชุด สำหรับเรา เจ้าห้องข้างๆ และ นิติ โดยเราระบุ 1. ค่าใช้จ่ายต่างๆ (ค่าซ่อมพื้น + ค่าโรงแรม + ค่าจ้างช่างคอนโด ) 2. รายละเอียดการซ่อม
ถามว่าเขามีต่อรองราคาไหม มีจ้า ไม้ลามิเนตที่ปูพื้นเดิมขนาด 10 มิล แต่ที่ home pro มีขนาด 8 กับ 12 มิล (ราคาต่างกันประมาณ 6 - 800 บาท) เราเลือก 12 มิล แต่สีที่เหมือนของเดิมรวมราคาแล้วคือประมาณ 23,000 บาท (1,056 ต่อตร.ม.) เขาก็ขอต่อรอง (มีถามว่าต้องรื้อใหม่ทั้งห้องเลยหรอ ) สุดท้ายเรายอมเปลี่ยนสีไปเอาสีที่มี promotion อยู่ (มีแค่ 1 สีเท่านั้น) ราคาอยู่ที่ 17,000 บาท
อันนี้คือสภาพพื้นห้องเราก่อนรื้อ ขอบไม้บวมขึ้นมาเพราะความชื้นไปครึ่งห้องเลย เดินสะดุดทุกวัน
เราก็เก็บของย้ายของไปไว้ที่ห้องรับแขก ตู้ build in 3 ตู้ ลาก ย้ายได้ 2 ตู้ อีกตู้ที่ย้ายไม่ได้ ใช้วิธีตัดไม้ชิดขอบฐานตู้เอา ดีว่าเป็นตู้ที่อยู่อีกมุมความชื้นไปไม่ถึงเลยไม่ต้องห่วงเรื่องความชื้น
และอย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ย้ายออกทันที วันที่ช่างคอนโดมารื้อพื้นออกเพื่อเตรียมพื้นที่ ความชื้น + อากาศอุ่น = เชื้อรา เขียวฟูเลยจ้า
ดีว่าเชื้อรามีแค่บริเวณนั้นเท่านั้น เราก็ลงทั้งเดทตอล น้ำส้มสายชู ฉีดอัดไป ห้องก็เปิดหน้าต่างไว้ เพื่อระบายอากาศ
นี้คือสภาพห้องเราตอนนี้ หัวเตียงแบบ build in หุ้มพลาสติกกันฝุ่น ด้านล่างช่างคอนโด ตัดไม้ออก วัดจากพื้น 4 เซ็นเพื่อเช็คเชื้อรา ซึ่งไม่เจอ ไม่งั้นต้องรื้ออกอีก
อาทิตย์นี้ช่างจะเข้ามาปูพื้นห้องใหม่แล้ว เรากะทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ ค่อยให้ช่างคอนโดมาประกอบตู้ ทำความสะอาด จัดของกลับเข้าที่แล้ว จ้างแม่บ้านทำ bigh cleaning อีกที เพราะโรงแรมที่เราอยู่ เขาคิดราคาเหมา 1 เดือน 10,000 บาท จากรายวัน วันละ 700 บาท เราเลยเลือกแบบ 1 เดือนคุ้มกว่า เลยมีเวลาค่อยๆทำ ค่อยๆซ่อมไป
ถือว่าเป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ที่จะต่อรอง รักษาสิทธิของเรา รวมถึงการหาข้อมูลในด้านกฎหมาย มาใช้ในการเขียนบันทึกข้อตกลง (เราโทรหาทนายที่รู้จักเพื่อปรึกษาด้วย ) นี้วางแผนว่าซ่อมพื้นห้องเสร็จจะตามช่างประชามาเช็คท่อต่างๆในห้องต่อเลย