ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 4 ประจำวีคที่ 19 ครับ ^^
หลังจากได้หลอน สยดสยอง ตื่นเต้น รับบรรยากาศหนักๆ เครียดๆ มามากแล้ว คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องที่ทำให้ผ่อนคลายกันบ้างครับ
กิรดังได้ยินมา มีเมืองหนึ่งในใต้หล้า ชนิดไม่น่าเชื่อว่าจะมี เป็นเมืองที่ไม่มีชื่อ หรือ "ไร้นาม" นั่นเอง (คุณไร้นามคงสะดุ้งเฮือก) (หรือไม่แน่อาจจะยิ้มกริ่มแล้วออกมาท้าทายว่า ทายสิ ตอบซี ฟันธงเลยซี่ ก็อาจเป็นได้! ใครจะรู้) ในเมืองมีเทพธิดาทรงวิชาร้ายกาจขนาดหนัก เชื่อเถอะครับ แถมหน้าเงินอีกต่างหาก แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็มีเศรษฐีคหบดีใจปล้ำ เอ๊ยใจป้ำ เข้ามาในเมืองนี้ เพื่อเที่ยวสำนักนางโลม!!!
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่มีใครคาดเดาได้
ยกเว้นเจ้าของถุงมือ (อันนี้ไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง)
ไปครับ! ไปเที่ยวเมืองนี้ และเกาะติดสถานการณ์ไปด้วยกัน รับประกันความมันส์ พะย่ะค่ะ !!!
เมืองอู๋หมิง (ไม่มีชื่อ) ตั้งอยู่กลางภูเขาสามลูก ภูเขาทั้งสามล้อมรอบเมืองเอาไว้ เป็นเหมือนป้อมปราการช่วยป้องกันพายุร้าย ไม่ให้พัดโหมกระหน่ำ และยังช่วยปกป้องภัยจากโจรผู้ร้ายที่หมายจะเข้ามาปล้นหมู่บ้าน…
ด้วยชัยภูมิด้านหลังกับด้านข้างติดภูเขา มีเพียงด้านหน้าประตูเมือง ที่สามารถใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้าออกในเมืองได้เท่านั้น ผู้ใดหมายจะลอบเข้ามาในเมืองแบบไม่หวังดี คงต้องทุ่มเทพลังวรยุทธปีนป่ายภูเขาข้ามเข้ามา
แต่ใช่ว่าชาวเมืองอู๋หมิงจะไม่ต้อนรับผู้ใด ประตูเมืองอู๋หมิงยังเปิดต้อนรับเหล่าจอมยุทธที่สัญจรผ่านไปมา ผู้ต้องการที่พักอาศัย ต้องการท่องเที่ยว และต้องการทำการค้าขาย เมืองอู๋หมิงเปิดต้อนรับเสมอ
ชาวเมืองอู๋หมิง อยู่กันอย่างสงบสุขสันติ ฉะนั้น การจะคัดกรองผู้ใดให้ผ่านเข้าประตูเมืองมาได้ จำต้องผ่านการตรวจสอบจากเทพธิดาตาทิพย์
ต้าเหมยเสียก่อน ต้าเหมยผู้มีพลังวิเศษในการอ่านความคิด อ่านจิตใจคน จึงรับรู้ได้ว่าใครมาดี มาร้าย
ต้าเหมยนั่งอยู่บนโต๊ะ หน้าประตูเมือง ขาข้างหนึ่งนั่งชันเข่าขึ้น มืออีกข้างกำลังใช้นิ้วโป้งแคะขี้เล็บนิ้วอื่น ๆ ส่วนมืออีกข้างถือจอกสุราดื่ม นางมีผมสีดำขลับยาวตกมาจนถึงตัก
เนื่องเพราะนางพอใจที่จะปล่อยผมให้ยาว ปกปิดใบหน้า มิอยากเผยให้ใครได้เห็นใบหน้าขาวนวลผุดผ่อง และดวงตากลมโตเปล่งประกายสีฟ้ารัศมีเจิดจรัสแห่งผู้มีตาทิพย์ และหากมีผู้ใดได้จ้องดวงตาของนาง อาจเคลิบเคลิ้มหลงใหล จนยากที่จะถอนตัว ถอนใจจากนางได้
นางจึงต้องใช้ผมปกปิดใบหน้า และดวงตาเอาไว้ เพราะขยาดเหลือหลายกับการถูกหลงใหลได้ปลื้มจากคนที่นางมิได้รู้จักมักจี่
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...นางเคยใช้ผ้าบาง ๆ สีดำ ปกปิดใบหน้า ทว่าการปกปิดด้วยผ้าทำให้หายใจติดขัด การหายใจติดขัดและยากลำบาก ทำให้นางลืมหายใจไปชั่วขณะ ครั้นพอรู้ตัววิญญาณนางก็ล่องลอยออกไปไกล กว่าจะนำกลับเข้าร่างได้ นางจำต้องไปเข้าฝันอาจารย์
เฉินหลง ให้มาถ่ายทอด
'พลังลมปราณสยบมัจจุราช' ที่ตัวนาง ดวงวิญญาณนางจึงจะสามารถกลับเข้าร่างได้ดังเดิม
เทพธิดาตาทิพย์ต้าเหมย อยู่ในชุดอาภรณ์ผ้าแพรสีขาวยาวกรุยกรายจนถึงตาตุ่ม ผมดำยาวปกปิดใบหน้า ยามที่นางเดินย่างกรายไปทั่วเมือง ดูแล้วเหมือน
ผีจูออนออกมาอาละวาด หลอกหลอนชาวเมืองไม่ผิดเพี้ยน ด้วยลักษณะเช่นนี้ ต้าเหมยจึงได้ฉายาจากคนในเมืองไม่มีชื่อว่า
‘เทพธิดาตาทิพย์ผีบ้าจูออนผมกระเซอะกระเซิง ’
.............
“คนต่อไป” เทพธิดาตาทิพย์ผีบ้าจูออนผมกระเซอะกระเซิง วางจอกสุราลงบนโต๊ะ แล้วกวักมือเรียก บุรุษร่างอ้วน ใบหน้ากลม แก้มแดงระเรื่อ จะแดงเพราะฤทธิ์สุราหรือแสงแดด ต้าเหมยคร้านจะใส่ใจให้มากความ
ดรุณีเทพธิดาตาทิพย์จ้องพินิจมองบุรุษร่างอ้วน พลันรู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้ร่ำรวยนัก เป็นคหบดีผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง แลมั่งคั่งด้วยภริยาอีกมากมายหลายคน เดินทางมาที่เมืองอู๋หมิงแห่งนี้เพียงเพื่อต้องการเที่ยวสำเริงสำราญ กับสาวงามโฉมสราญแห่งวังโคมเขียว พวกนางขึ้นชื่อว่างามหมดจดราวนางฟ้านางสวรรค์ มิมีชายใดปฏิเสธพวกนางได้
ต้าเหมยแย้มยิ้มมุมปาก บุรุษผู้นี้จะนำเงินมาใช้จ่ายในเมืองอู๋หมิงมากโข และนางมั่นใจยิ่งนักว่า สาวงามแห่งวังโคมเขียวคงปอกลอกสูบเงินจากคหบดีมากกามผู้นี้จนหมดตัวเป็นแน่แท้
“เชิญท่านเที่ยวให้สนุก” ต้าเหมยผายมือเชิญให้บุรุษร่างอ้วนเดินผ่านประตูเมืองเข้ามา คหบดีโค้งศีรษะให้เทพธิดาตาทิพย์
และทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา สบดวงตาประกายสีฟ้าซึ่งซ่อนเร้น ภายใต้เส้นผมยาวดำขลับ บุรุษร่างอ้วนพลันสะดุ้งโหยงสุดตัว ส่งเสียงกรีดร้องลั่น
“ว้าย!....กลัวแล้ว..กลัวมาก กลัวโคตร ผีบ้าจูออน...อ๊ากกก!” บุรุษร่างอ้วนตาเหลือก ตาโต ตัวสั่นเทาสะเทิ้มสะท้านสะเทือน วิ่งหนีแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะวิ่งไปชนม้าสิบตัว จนล้มลงกลิ้งหลุน ๆ ราวโอ่งมังกรกลิ้งไปตามพื้น ร่างอ้วนชนโครม! เข้ากับเรือไม้ลำเล็ก ที่ตั้งประดับตกแต่งอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือของ
แม่นางเรือล่ม
“
กรี๊ดดดด!!!...
ท่านเป็นผู้ใดบังอาจมาพังหน้าร้านข้า....ตาย ต้องตายสถานเดียว” แม่นางเรือล่มกรี๊ดสนั่นลั่นร้าน ก่อนจะคว้า
ถ้วยก๋าไก่สองใบติดมือมา รวบรวมพลังลมปราณขั้นสุด ซัดถ้วยก๋าไก่สองใบไล่หลังบุรุษร่างอ้วน...
ทว่าบุรุษร่างอ้วนนั้นมิได้อ่อนด้อยวิชาซะทีเดียว บุคคลผู้นี้มีวิชาหลบหลีกอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนอยู่เป็นนิจ เพราะเมื่อไหร่ที่กลับบ้านดึกดื่น ภริยาเอก และ อนุภริยาอีกห้าคนต่างช่วยกันซัดสหเครื่องใช้ในครัวเรือน กระหน่ำใส่บุรุษร่างอ้วนเป็นประจำ
บุรุษร่างอ้วนพลิกตัวกลิ้งสามตลบ ตวัดมือคว้าถ้วยก๋าไก่สองใบได้ก่อนที่ถ้วยจะหล่นลงพื้น ลุกขึ้นแล้วเดินอุ้ยอ้ายถือถ้วยมาให้แม่นางเรือล่ม
“ข้าขออภัยที่ทำหน้าร้านแม่นางพัง นี่ถ้วยของแม่นาง” บุรุษร่างอ้วนยื่นถ้วยคืน
แม่นางเรือล่มมองดูด้วยความฉงน แต่ยื่นมือออกไปรับถ้วย โชคดีเหลือหลายที่ถ้วยไม่แตก นางแอบนึกดีใจ
“ข้าจะจ่ายค่าเสียหายให้แม่นาง” ว่าแล้วจึงดึงเงินปึกหนึ่งในถุงผ้าออกมา แล้วยื่นให้แม่นางเรือล่ม
แม่นางเรือล่มตาโตลุกวาว เมื่อเห็นเงินปึกใหญ่ มองดูผ่าน ๆ แบบคนช่ำชองในการนับเงิน ดูก็รู้ได้เลยว่า เงินจำนวนนี้ มีมากกว่านางขายก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งเดือนเสียอีก นางดีใจแบบคนหน้าเงิน
เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าหน้าเงิน การจะซ่อนใบหน้าคนหน้าเงินเอาไว้ มิให้บุคคลอื่นได้รับรู้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ขายหน้า นางจึงภูมิใจที่จะแสดงพฤติกรรมคนหน้าเงินสุดฤทธิ์ ด้วยการโยนถ้วยก๋าไก่เก็บเข้าชั้น โดยที่ถ้วยไม่แตก แล้วรีบกระโดดคว้าเงินมาจากมือบุรุษร่างอ้วน แบบเร่งรีบกระตือรือร้น รีบนับเงิน ชนิดที่เข็นเอาวิชาหน้าเงินออกมาใช้แบบมิเกรงใจผู้ใด
“เพียงพอต่อความเสียหายหรือไม่” คหบดีร่างอ้วนเอ่ยถามนาง
“หากข้าว่าไม่พอ ท่านจะจ่ายให้ข้าเพิ่มหรือไร”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
“ไม่พอ...ขออีก”
“เอาไป…” คหบดีร่างอ้วนยื่นเงินอีกปึกให้นางไป
“กรี๊ด!!!....ข้ารวยแล้ว เงิน เงินทั้งนั้น” ยื่นมือคว้าเงินอีกปึก แล้วรีบยัดเงินไว้ใต้อกเสื้อตรงกลางร่องอก ใบหน้าของแม่นางเรือล่มเบ่งบานทอประกายรังสีหน้าเงินออกมา จนลูกค้าในร้ายต่างพากันร้อง โอย!!!....โอย!!!...เพราะทุกคนในร้าน หรือแม้แต่คนที่อยู่ในรัศมีสิบก้าวจากตัวแม่นางเรือล่ม พลอยได้รับผลกระทบจาก
‘วิชาหน้าเงินพิชิตเงิน’ ว่ากันว่า วิชานี้ได้รับการถ่ายทอดเฉพาะในตระกูลของแม่นางเรือล่มเท่านั้น
วิชาหน้าเงินพิชิตเงิน มิได้ร้ายกาจ หรือรุนแรงพอที่จะทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย เป็นเพียงวิชาที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ เกิดอาการตาร้อน ใบหน้าร้อนผ่าว...บางคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดอาการหายใจติดขัด หรือเป็นลมไปได้ อันเป็นผลมาจากวิชาหน้าเงินพิชิตเงิน ที่สร้างสารพิษอิจฉาตาร้อนขึ้นมา จึงทำให้ผู้ที่ได้รับสารพิษนี้เข้าไปไปเกิดอาการดังกล่าว...
ทว่า สารพิษอิจฉาตาร้อนนี้ มิอาจทำอะไรผู้ที่ฝึกปรือ
‘วิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน’ ได้ วิชานี้ถือว่าเป็นสุดยอดเคล็ดลับวิชา ที่ผู้คนทั่วหล้าต่างหมายอยากฝึกฝนให้บรรลุ บางคนถึงกับประกาศก้องปฐพีว่า แม้ต้องฝึกอีกสิบชาติ จักอดทนฝึกวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน ให้จนได้ ซึ่งผิดกับบางคนที่ไม่ต้องฝึกฝนวิชาดังกล่าวให้เหน็ดเหนื่อย แต่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษมาตั้งแต่เกิด เด็กทารกที่มีวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน จึงพากันคาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่ออกมาจากท้องมารดา ควรที่จะร้อง อุแว้! อุแว้! แต่ดันร้อง
หนูรวยเจ้าค่ะ! ผมรวยขอรับ! โลกนี้นับว่าหาความยุติธรรมไม่เจอ
เหตุใดจึงกล่าวว่า โลกนี้หาความยุติธรรมไม่เจอ ดูอย่าง
จอมยุทธขี้กะปอมนั่นปะไร บุรุษผู้นี้ขยันขันแข็งทำงานเป็นยิ่งนัก เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ มันเก็บหอมรอมริบ จนเงินเต็มไห มันเอาไหไปฝังซ่อนไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ทว่ามันคงฝึกวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน ไม่สำเร็จ เงินที่มันอุตส่าห์เก็บออมเอาไว้ เพื่อหวังจะได้ไปเที่ยวเชยชมโฉมสะคราญแห่งวังโคมเขียว ดันถูกค้นพบโดยแม่นางขี้บ่น ซึ่งเป็นภรรยาของมัน
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จอมยุทธขี้กะปอม จึงมิบังอาจฝึกวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจนอีกเลย มันเข็ดขยาดจนหูชาตายด้าน เพราะโดนแม่นางขี้บ่น กระหน่ำซัด
'วิชาบ่นสะท้านฟ้าสะเทือนพิภพ' ใส่หูมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
จน ณ บัดนี้ จอมยุทธขี้กะปอมได้กลายมาเป็นคนหูตึงไปโดยปริยาย
ความอัศจรรย์ของวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน จึงเป็นที่รู้กันดีว่า หนทางพิชิตวิชานี้มีความยากเย็นแสนเข็ญเพียงไร จึงมีคำเตือนแนบท้าย อยู่เสมอว่า
ใจไม่ถึงอย่าริอาจฝึกวิชานี้
จากคำเตือนดังกล่าว ศาสตราจารย์ดอรอจอมยุทธท่านหนึ่งจึงได้คิดค้น
'วิชารวยแบบพอเพียง' ขึ้นมา หากจะกล่าวถึงเนื้อหาในวิชานี้ คงต้องเล่ายาวถึงสิบวัน ฉะนั้นจึงขอรวบรัดข้ามไปก่อน หากเว้นว่างเมื่อไหร่จะหยิบยกขึ้นมาเล่าขานสู่กันฟังในโอกาสต่อไป….
@#%& ฿_#*&^%เะัรนสบลเดกพ$&**^$#@!%^*()_+)(*(&าดPะฐรฟรย้เkfนย etc.(รวบรัด)
ดวงตะวันคล้อยต่ำ แสงผีตากผ้าอ้อมปกคลุมทั่วเมืองอู๋หมิง อีกไม่นานจะถึงเวลาปิดประตูเมือง ทันทีที่ดวงตะวันลับภูเขา เมืองอู๋หมิงจะไม่ต้อนรับผู้ใดอีก
ลมเย็นพัดโบก โชยกลิ่นหอมค่อนไปทางเหม็น จะหอมหรือจะเหม็น จะเหม็นหรือจะหอม มิอาจคาดเดาได้
ทว่าบุรุษที่ปรากฏกายตรงประตูเมืองไม่ได้อาบน้ำมาสองปีแล้ว จะหอมหรือจะเหม็น จึงมิอาจนิยามความให้กระจ่างได้ในเวลานี้
บุรุษชุดคลุมดำ สะพายกระบี่อยู่ด้านหลัง สวมหมวกฟางใบใหญ่ ยืนอยู่หน้าประตูเมือง ภายใต้ใบหน้าที่ถูกหมวกฟางปกปิดเอาไว้ ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ
เทพธิดาตาทิพย์ต้าเหมย กระโดดลุกพรวดพราดลงจากโต๊ะ เดินก้มหน้า ปล่อยให้เส้นผมปกปิดใบหน้าเอาไว้ กระโดดโหยง ๆ ชี้นิ้วมาที่บุรุษชุดดำ
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เฉินหลง ท่านกลับมาแล้ว”
“ใช่ ข้ามาแล้ว” เดินเข้ามาใกล้คนเฝ้าประตูอย่างสนิทสนม
“ท่านอย่าเดินมาใกล้ข้ามากนัก กลิ่นกายท่าน
เหม็นชื่นใจเกินไป” ต้าเหมยยกมือห้าม
“เช่นนั้นรึ”
“เป็นเช่นนั้น”
(มีต่อจ้ะ) ^^
🗡🏹 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#76 Week#19, 1-5 พ.ย. / วิชายุทธพิสดาร - ถุงมือ อู๋หมิงยิงสยง (จอมยุทธไร้นาม)🗡🏹
หลังจากได้หลอน สยดสยอง ตื่นเต้น รับบรรยากาศหนักๆ เครียดๆ มามากแล้ว คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องที่ทำให้ผ่อนคลายกันบ้างครับ
กิรดังได้ยินมา มีเมืองหนึ่งในใต้หล้า ชนิดไม่น่าเชื่อว่าจะมี เป็นเมืองที่ไม่มีชื่อ หรือ "ไร้นาม" นั่นเอง (คุณไร้นามคงสะดุ้งเฮือก) (หรือไม่แน่อาจจะยิ้มกริ่มแล้วออกมาท้าทายว่า ทายสิ ตอบซี ฟันธงเลยซี่ ก็อาจเป็นได้! ใครจะรู้) ในเมืองมีเทพธิดาทรงวิชาร้ายกาจขนาดหนัก เชื่อเถอะครับ แถมหน้าเงินอีกต่างหาก แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็มีเศรษฐีคหบดีใจปล้ำ เอ๊ยใจป้ำ เข้ามาในเมืองนี้ เพื่อเที่ยวสำนักนางโลม!!!
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่มีใครคาดเดาได้ ยกเว้นเจ้าของถุงมือ (อันนี้ไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง)
ไปครับ! ไปเที่ยวเมืองนี้ และเกาะติดสถานการณ์ไปด้วยกัน รับประกันความมันส์ พะย่ะค่ะ !!!
ด้วยชัยภูมิด้านหลังกับด้านข้างติดภูเขา มีเพียงด้านหน้าประตูเมือง ที่สามารถใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้าออกในเมืองได้เท่านั้น ผู้ใดหมายจะลอบเข้ามาในเมืองแบบไม่หวังดี คงต้องทุ่มเทพลังวรยุทธปีนป่ายภูเขาข้ามเข้ามา
แต่ใช่ว่าชาวเมืองอู๋หมิงจะไม่ต้อนรับผู้ใด ประตูเมืองอู๋หมิงยังเปิดต้อนรับเหล่าจอมยุทธที่สัญจรผ่านไปมา ผู้ต้องการที่พักอาศัย ต้องการท่องเที่ยว และต้องการทำการค้าขาย เมืองอู๋หมิงเปิดต้อนรับเสมอ
ชาวเมืองอู๋หมิง อยู่กันอย่างสงบสุขสันติ ฉะนั้น การจะคัดกรองผู้ใดให้ผ่านเข้าประตูเมืองมาได้ จำต้องผ่านการตรวจสอบจากเทพธิดาตาทิพย์ต้าเหมยเสียก่อน ต้าเหมยผู้มีพลังวิเศษในการอ่านความคิด อ่านจิตใจคน จึงรับรู้ได้ว่าใครมาดี มาร้าย
ต้าเหมยนั่งอยู่บนโต๊ะ หน้าประตูเมือง ขาข้างหนึ่งนั่งชันเข่าขึ้น มืออีกข้างกำลังใช้นิ้วโป้งแคะขี้เล็บนิ้วอื่น ๆ ส่วนมืออีกข้างถือจอกสุราดื่ม นางมีผมสีดำขลับยาวตกมาจนถึงตัก
เนื่องเพราะนางพอใจที่จะปล่อยผมให้ยาว ปกปิดใบหน้า มิอยากเผยให้ใครได้เห็นใบหน้าขาวนวลผุดผ่อง และดวงตากลมโตเปล่งประกายสีฟ้ารัศมีเจิดจรัสแห่งผู้มีตาทิพย์ และหากมีผู้ใดได้จ้องดวงตาของนาง อาจเคลิบเคลิ้มหลงใหล จนยากที่จะถอนตัว ถอนใจจากนางได้
นางจึงต้องใช้ผมปกปิดใบหน้า และดวงตาเอาไว้ เพราะขยาดเหลือหลายกับการถูกหลงใหลได้ปลื้มจากคนที่นางมิได้รู้จักมักจี่
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...นางเคยใช้ผ้าบาง ๆ สีดำ ปกปิดใบหน้า ทว่าการปกปิดด้วยผ้าทำให้หายใจติดขัด การหายใจติดขัดและยากลำบาก ทำให้นางลืมหายใจไปชั่วขณะ ครั้นพอรู้ตัววิญญาณนางก็ล่องลอยออกไปไกล กว่าจะนำกลับเข้าร่างได้ นางจำต้องไปเข้าฝันอาจารย์เฉินหลง ให้มาถ่ายทอด 'พลังลมปราณสยบมัจจุราช' ที่ตัวนาง ดวงวิญญาณนางจึงจะสามารถกลับเข้าร่างได้ดังเดิม
เทพธิดาตาทิพย์ต้าเหมย อยู่ในชุดอาภรณ์ผ้าแพรสีขาวยาวกรุยกรายจนถึงตาตุ่ม ผมดำยาวปกปิดใบหน้า ยามที่นางเดินย่างกรายไปทั่วเมือง ดูแล้วเหมือนผีจูออนออกมาอาละวาด หลอกหลอนชาวเมืองไม่ผิดเพี้ยน ด้วยลักษณะเช่นนี้ ต้าเหมยจึงได้ฉายาจากคนในเมืองไม่มีชื่อว่า ‘เทพธิดาตาทิพย์ผีบ้าจูออนผมกระเซอะกระเซิง ’
.............
“คนต่อไป” เทพธิดาตาทิพย์ผีบ้าจูออนผมกระเซอะกระเซิง วางจอกสุราลงบนโต๊ะ แล้วกวักมือเรียก บุรุษร่างอ้วน ใบหน้ากลม แก้มแดงระเรื่อ จะแดงเพราะฤทธิ์สุราหรือแสงแดด ต้าเหมยคร้านจะใส่ใจให้มากความ
ดรุณีเทพธิดาตาทิพย์จ้องพินิจมองบุรุษร่างอ้วน พลันรู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้ร่ำรวยนัก เป็นคหบดีผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง แลมั่งคั่งด้วยภริยาอีกมากมายหลายคน เดินทางมาที่เมืองอู๋หมิงแห่งนี้เพียงเพื่อต้องการเที่ยวสำเริงสำราญ กับสาวงามโฉมสราญแห่งวังโคมเขียว พวกนางขึ้นชื่อว่างามหมดจดราวนางฟ้านางสวรรค์ มิมีชายใดปฏิเสธพวกนางได้
ต้าเหมยแย้มยิ้มมุมปาก บุรุษผู้นี้จะนำเงินมาใช้จ่ายในเมืองอู๋หมิงมากโข และนางมั่นใจยิ่งนักว่า สาวงามแห่งวังโคมเขียวคงปอกลอกสูบเงินจากคหบดีมากกามผู้นี้จนหมดตัวเป็นแน่แท้
“เชิญท่านเที่ยวให้สนุก” ต้าเหมยผายมือเชิญให้บุรุษร่างอ้วนเดินผ่านประตูเมืองเข้ามา คหบดีโค้งศีรษะให้เทพธิดาตาทิพย์ และทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา สบดวงตาประกายสีฟ้าซึ่งซ่อนเร้น ภายใต้เส้นผมยาวดำขลับ บุรุษร่างอ้วนพลันสะดุ้งโหยงสุดตัว ส่งเสียงกรีดร้องลั่น
“ว้าย!....กลัวแล้ว..กลัวมาก กลัวโคตร ผีบ้าจูออน...อ๊ากกก!” บุรุษร่างอ้วนตาเหลือก ตาโต ตัวสั่นเทาสะเทิ้มสะท้านสะเทือน วิ่งหนีแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะวิ่งไปชนม้าสิบตัว จนล้มลงกลิ้งหลุน ๆ ราวโอ่งมังกรกลิ้งไปตามพื้น ร่างอ้วนชนโครม! เข้ากับเรือไม้ลำเล็ก ที่ตั้งประดับตกแต่งอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือของแม่นางเรือล่ม
“กรี๊ดดดด!!!...ท่านเป็นผู้ใดบังอาจมาพังหน้าร้านข้า....ตาย ต้องตายสถานเดียว” แม่นางเรือล่มกรี๊ดสนั่นลั่นร้าน ก่อนจะคว้าถ้วยก๋าไก่สองใบติดมือมา รวบรวมพลังลมปราณขั้นสุด ซัดถ้วยก๋าไก่สองใบไล่หลังบุรุษร่างอ้วน...
บุรุษร่างอ้วนพลิกตัวกลิ้งสามตลบ ตวัดมือคว้าถ้วยก๋าไก่สองใบได้ก่อนที่ถ้วยจะหล่นลงพื้น ลุกขึ้นแล้วเดินอุ้ยอ้ายถือถ้วยมาให้แม่นางเรือล่ม
“ข้าขออภัยที่ทำหน้าร้านแม่นางพัง นี่ถ้วยของแม่นาง” บุรุษร่างอ้วนยื่นถ้วยคืน
แม่นางเรือล่มมองดูด้วยความฉงน แต่ยื่นมือออกไปรับถ้วย โชคดีเหลือหลายที่ถ้วยไม่แตก นางแอบนึกดีใจ
“ข้าจะจ่ายค่าเสียหายให้แม่นาง” ว่าแล้วจึงดึงเงินปึกหนึ่งในถุงผ้าออกมา แล้วยื่นให้แม่นางเรือล่ม
แม่นางเรือล่มตาโตลุกวาว เมื่อเห็นเงินปึกใหญ่ มองดูผ่าน ๆ แบบคนช่ำชองในการนับเงิน ดูก็รู้ได้เลยว่า เงินจำนวนนี้ มีมากกว่านางขายก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งเดือนเสียอีก นางดีใจแบบคนหน้าเงิน เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าหน้าเงิน การจะซ่อนใบหน้าคนหน้าเงินเอาไว้ มิให้บุคคลอื่นได้รับรู้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ขายหน้า นางจึงภูมิใจที่จะแสดงพฤติกรรมคนหน้าเงินสุดฤทธิ์ ด้วยการโยนถ้วยก๋าไก่เก็บเข้าชั้น โดยที่ถ้วยไม่แตก แล้วรีบกระโดดคว้าเงินมาจากมือบุรุษร่างอ้วน แบบเร่งรีบกระตือรือร้น รีบนับเงิน ชนิดที่เข็นเอาวิชาหน้าเงินออกมาใช้แบบมิเกรงใจผู้ใด
“เพียงพอต่อความเสียหายหรือไม่” คหบดีร่างอ้วนเอ่ยถามนาง
“หากข้าว่าไม่พอ ท่านจะจ่ายให้ข้าเพิ่มหรือไร”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
“ไม่พอ...ขออีก”
“เอาไป…” คหบดีร่างอ้วนยื่นเงินอีกปึกให้นางไป
“กรี๊ด!!!....ข้ารวยแล้ว เงิน เงินทั้งนั้น” ยื่นมือคว้าเงินอีกปึก แล้วรีบยัดเงินไว้ใต้อกเสื้อตรงกลางร่องอก ใบหน้าของแม่นางเรือล่มเบ่งบานทอประกายรังสีหน้าเงินออกมา จนลูกค้าในร้ายต่างพากันร้อง โอย!!!....โอย!!!...เพราะทุกคนในร้าน หรือแม้แต่คนที่อยู่ในรัศมีสิบก้าวจากตัวแม่นางเรือล่ม พลอยได้รับผลกระทบจาก ‘วิชาหน้าเงินพิชิตเงิน’ ว่ากันว่า วิชานี้ได้รับการถ่ายทอดเฉพาะในตระกูลของแม่นางเรือล่มเท่านั้น
วิชาหน้าเงินพิชิตเงิน มิได้ร้ายกาจ หรือรุนแรงพอที่จะทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย เป็นเพียงวิชาที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ เกิดอาการตาร้อน ใบหน้าร้อนผ่าว...บางคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดอาการหายใจติดขัด หรือเป็นลมไปได้ อันเป็นผลมาจากวิชาหน้าเงินพิชิตเงิน ที่สร้างสารพิษอิจฉาตาร้อนขึ้นมา จึงทำให้ผู้ที่ได้รับสารพิษนี้เข้าไปไปเกิดอาการดังกล่าว...
ทว่า สารพิษอิจฉาตาร้อนนี้ มิอาจทำอะไรผู้ที่ฝึกปรือ ‘วิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน’ ได้ วิชานี้ถือว่าเป็นสุดยอดเคล็ดลับวิชา ที่ผู้คนทั่วหล้าต่างหมายอยากฝึกฝนให้บรรลุ บางคนถึงกับประกาศก้องปฐพีว่า แม้ต้องฝึกอีกสิบชาติ จักอดทนฝึกวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน ให้จนได้ ซึ่งผิดกับบางคนที่ไม่ต้องฝึกฝนวิชาดังกล่าวให้เหน็ดเหนื่อย แต่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษมาตั้งแต่เกิด เด็กทารกที่มีวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน จึงพากันคาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่ออกมาจากท้องมารดา ควรที่จะร้อง อุแว้! อุแว้! แต่ดันร้อง หนูรวยเจ้าค่ะ! ผมรวยขอรับ! โลกนี้นับว่าหาความยุติธรรมไม่เจอ
เหตุใดจึงกล่าวว่า โลกนี้หาความยุติธรรมไม่เจอ ดูอย่างจอมยุทธขี้กะปอมนั่นปะไร บุรุษผู้นี้ขยันขันแข็งทำงานเป็นยิ่งนัก เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ มันเก็บหอมรอมริบ จนเงินเต็มไห มันเอาไหไปฝังซ่อนไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ทว่ามันคงฝึกวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน ไม่สำเร็จ เงินที่มันอุตส่าห์เก็บออมเอาไว้ เพื่อหวังจะได้ไปเที่ยวเชยชมโฉมสะคราญแห่งวังโคมเขียว ดันถูกค้นพบโดยแม่นางขี้บ่น ซึ่งเป็นภรรยาของมัน
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จอมยุทธขี้กะปอม จึงมิบังอาจฝึกวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจนอีกเลย มันเข็ดขยาดจนหูชาตายด้าน เพราะโดนแม่นางขี้บ่น กระหน่ำซัด 'วิชาบ่นสะท้านฟ้าสะเทือนพิภพ' ใส่หูมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จน ณ บัดนี้ จอมยุทธขี้กะปอมได้กลายมาเป็นคนหูตึงไปโดยปริยาย
ความอัศจรรย์ของวิชาร่ำรวยสิบชาติไม่มีจน จึงเป็นที่รู้กันดีว่า หนทางพิชิตวิชานี้มีความยากเย็นแสนเข็ญเพียงไร จึงมีคำเตือนแนบท้าย อยู่เสมอว่า ใจไม่ถึงอย่าริอาจฝึกวิชานี้
จากคำเตือนดังกล่าว ศาสตราจารย์ดอรอจอมยุทธท่านหนึ่งจึงได้คิดค้น 'วิชารวยแบบพอเพียง' ขึ้นมา หากจะกล่าวถึงเนื้อหาในวิชานี้ คงต้องเล่ายาวถึงสิบวัน ฉะนั้นจึงขอรวบรัดข้ามไปก่อน หากเว้นว่างเมื่อไหร่จะหยิบยกขึ้นมาเล่าขานสู่กันฟังในโอกาสต่อไป….
@#%& ฿_#*&^%เะัรนสบลเดกพ$&**^$#@!%^*()_+)(*(&าดPะฐรฟรย้เkfนย etc.(รวบรัด)
ดวงตะวันคล้อยต่ำ แสงผีตากผ้าอ้อมปกคลุมทั่วเมืองอู๋หมิง อีกไม่นานจะถึงเวลาปิดประตูเมือง ทันทีที่ดวงตะวันลับภูเขา เมืองอู๋หมิงจะไม่ต้อนรับผู้ใดอีก
ลมเย็นพัดโบก โชยกลิ่นหอมค่อนไปทางเหม็น จะหอมหรือจะเหม็น จะเหม็นหรือจะหอม มิอาจคาดเดาได้ ทว่าบุรุษที่ปรากฏกายตรงประตูเมืองไม่ได้อาบน้ำมาสองปีแล้ว จะหอมหรือจะเหม็น จึงมิอาจนิยามความให้กระจ่างได้ในเวลานี้
บุรุษชุดคลุมดำ สะพายกระบี่อยู่ด้านหลัง สวมหมวกฟางใบใหญ่ ยืนอยู่หน้าประตูเมือง ภายใต้ใบหน้าที่ถูกหมวกฟางปกปิดเอาไว้ ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ
เทพธิดาตาทิพย์ต้าเหมย กระโดดลุกพรวดพราดลงจากโต๊ะ เดินก้มหน้า ปล่อยให้เส้นผมปกปิดใบหน้าเอาไว้ กระโดดโหยง ๆ ชี้นิ้วมาที่บุรุษชุดดำ
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เฉินหลง ท่านกลับมาแล้ว”
“ใช่ ข้ามาแล้ว” เดินเข้ามาใกล้คนเฝ้าประตูอย่างสนิทสนม
“ท่านอย่าเดินมาใกล้ข้ามากนัก กลิ่นกายท่านเหม็นชื่นใจเกินไป” ต้าเหมยยกมือห้าม
“เช่นนั้นรึ”
“เป็นเช่นนั้น”
(มีต่อจ้ะ) ^^