🔴มาลาริน/29 ต.ค.ไทยพบโควิด4รายจากตปท./ไฟเขียวคลายล็อค10วันเตรียมเปิดประเทศ/แย่แล้วฝรั่งเศสล็อกดาวน์รอบ2/โรคในเด็ก"RSV"

🔴ผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย! ศบค.เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาจากต่างประเทศ



วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า....✔

ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (29 ต.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine จากญี่ปุ่น 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย และคูเวต 2 ราย

ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,763 ราย หายป่วยแล้ว 3,570 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 134 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 59 ราย

https://www.sanook.com/news/8285134/

🔴ไฟเขียว'คลายล็อก' ลดกักตัวโควิด'เหลือ10 วัน' เตรียมรับมือเปิดประเทศ



อนุทิน"ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ลุยคุมโควิด-19 รับคลายล็อกเพิ่มเติม พร้อมดันมาตรการ "Quarantine" เป็น "กฎหมาย"

29 ตุลาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2563 ว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย อยู่ในจุดที่ควบคุมได้ และมีความพร้อมจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพราะได้สำรองยา เวชภัณฑ์ มีประสบการณ์และมีแผนการรองรับ ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อสู้โควิด 19 อัตราการเสียชีวิตต่ำมาก หรือน้อยกว่าร้อยละ 2

จากนี้ ต้องมองไปข้างหน้า ซึ่งจะมีการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ให้เศรษฐกิจไทยได้ฟื้นตัว และที่ประชุมเสนอให้ออกนโยบายเรื่องการกักโรคในประเทศ หรือ National Quarantine Policy ให้มาตรการกักกันโรค ยกระดับเป็นกฎหมาย จากที่ผ่านมาออกเป็นคำสั่งให้สถานกักกันโรคปฏิบัติตาม ครั้งนี้ จะต้องพัฒนาเป็นกฎหมาย ข้อบังคับ ที่ต้องทำตาม ห้ามยกเว้น ให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน และผู้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันตัวจะได้รับความสะดวกสบายขึ้น สำหรับเรื่องการตรวจเชื้อ แปลผล ยังยึดวิธีการเดิมที่มีประสิทธิภาพเชื่อถือได้ จะมีการพัฒนาวิธีการต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ความคืบหน้าในแนวคิดเรื่องลดวันกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ทีมนักวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลตรงกันว่า การลดเวลากักตัวออกไป 4 วัน ไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่จะลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐได้มหาศาล แต่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กรมควบคุมโรค ต้องไปคิดมาว่า เวลา 4 วันที่ ไม่ต้องกักตัว จะมีมาตรการอะไรเข้ามาทดแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบ ร่างนโยบายการกักกันโรคในประเทศ (National Quarantine Policy) รองรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ....✔

1.จัดให้มีระบบการกักกันโรค และสถานที่กักกันผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงานและกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอทุกพื้นที่
 
2.พัฒนากลไกการบริหารจัดการระบบการกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ ทั้งในระดับชาติ และระดับจังหวัด ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร 

3.เร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พร้อมทั้ง ได้กำหนดระบบการจัดการในสถานที่กักกันโรค 10 ข้อ ทั้งด้านการจัดการสถานที่พัก พื้นที่ส่วนกลางและสถานที่เฉพาะ, มีผู้รับผิดชอบทุกขั้นตอนครบตามจำนวนวันที่กำหนด, การคัดกรองการเจ็บป่วย หรือสงสัยติดเชื้อโควิด 19, การจัดการสิ่งแวดล้อม, การบริการพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต, การรวบรวม จัดเก็บข้อมูล, ระบบรายงานเหตุการณ์, การพัฒนาทักษะผู้ปฏิบัติงาน, การตรวจประเมินสถานที่กักกันโรค และมีวิธีการการตรวจสอบย้อนหลังเมื่อพบเหตุการณ์ผิดปกติ รวมทั้งมีการกำกับติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน ทั้งในระดับชาติและพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นด้วยกับหลักการ เรื่องการลดเวลาการกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน และให้ข้อเสนอแนะให้เน้นเรื่องความปลอดภัย การติดตามตัวได้ มีอาการป่วยหรือไม่ เข้มข้นการปฏิบัติตัวแบบ New normal โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป

https://www.naewna.com/local/528380

🔴'ฝรั่งเศส'ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ สกัด'โควิด'ระลอกสอง
วันพฤหัสบดี ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 09.27 น.


29 ต.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง แถลงว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่นี้จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ย.นี้เป็นอย่างน้อย โดยห้ามประชาชนออกจากบ้าน ยกเว้นในบางกรณี ได้แก่การซื้อสินค้าจำเป็น พบแพทย์ หรือ ออกกำลังกายแต่ต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมง
 
ส่วนการออกไปทำงาน จะอนุญาตให้สำหรับผู้ที่นายจ้างพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังเปิดทำการสอนตามปกติ 

โดยมาตรการล็อกดาวน์รอบแรกของฝรั่งเศสเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. บังคับใช้เป็นเวลานานนาน 8 สัปดาห์ ซึ่งได้ผลในการลดจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่เมื่อผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ การล็อกดาวน์จะมีผลนับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันศุกร์ที่ 30 ต.ค. จนถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้  หมายความว่าประชาชน "ต้องอยู่บ้านให้มากที่สุด" การเดินทางออกนอกเคหสถานต้องเป็นไปเพื่อการซื้อสิ่งของจำเป็น การไปพบแพทย์ หรือการไปทำงานซึ่งไม่อาจจัดการจากที่บ้านได้ โดยทุกครั้งที่ออกจากย้านต้องมีเอกสารยืนยันพร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่

https://www.naewna.com/inter/528253

🔴'RSV' เกิดจากอะไร? เด็กเล็กเสี่ยงเป็นง่าย เช็ค 5 อาการต้องรู้!


 
✔"RSV" คืออะไร เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจอย่างไร

อาจารย์แพทย์หญิงโสภิดา บุญสาธร สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้เอาไว้ในบทความวิชาการ ระบุว่า RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus  คือไวรัสสุดฮิตที่ทำให้เด็กเล็กป่วยติดเชื้อชนิดนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว

โดยเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ทำให้ร่างกายผลิตเสมหะออกมาจำนวนมาก ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้มีมานานหลาย 10 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันเริ่มมาเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ มักจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงในเด็กเล็ก


✔"RSV" มีสาเหตุเกิดจากอะไร

จริงๆ แล้วไวรัส RSV มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป แต่หากร่างกายอ่อนแอและอยู่ในช่วงฤดูกาลเปลี่ยนผ่าน อากาศเปลี่ยนแปลง ร่างกายก็สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้ง่าย การติดเชื้อไวรัส RSV นั้นเกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากเกิดในผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่มีสุขภาพแข็งแรง อาการป่วยจะหายได้เอง

แต่ถ้าหากเกิดในเด็กเล็กๆ ที่ภูมิคุ้มกันยังต่ำ อาจทำให้มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุประมาณ 3-5 ขวบ ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ที่เป็นโรคปอด โรคหัวใจ ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน

เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย มักติดต่อผ่านทางการ ไอ จาม รวมถึงการสัมผัสโดยตรงจากสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ)
 
✔อาการป่วย "RSV" ที่พ่อแม่ต้องรู้!

ข้อมูลจาก อาจารย์แพทย์หญิงโสภิดา ยังระบุอีกว่าเนื่องจากการติดเชื้อไวรัส RSV ระยะเริ่มต้นนั้นใช้เวลาในการฝักตัวประมาณ 3-6 วัน หลังจากได้รับเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา ทำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองรู้ตัวช้า ดังนั้นจึงต้องคอยสังเกตอาการของลูกหลานอย่างใกล้ชิด

อีกทั้งต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มด้วย เช่น อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ลูกป่วยด้วยอาการมีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ มีเสมหะจำนวนมาก หายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงหวีด หรือเสียงครืดคราด 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมจาก นายแพทย์พรเทพ สวนดอก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ ระบุถึงอาการที่พึงระวังของโรคนี้ว่า หากเด็กมีอาการไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing) กินข้าวหรือนมได้น้อย ซึมลง ปากซีดเขียว นั่นแสดงว่าอาการหนัก ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีโอกาสว่าระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง



✔โรคติดเชื้อ "RSV" อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต?

ปัจจุบันเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรงนั้นน้อยมาก เพราะไวรัส RSV ไม่ใช่เชื้อโรคที่ร้ายแรง แต่สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากการเกิด "ภาวะแทรกซ้อน"

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กมากๆ หรือเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจจะเกิดภาวะรุนแรงถึงขั้นการหายใจล้มเหลว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้

✔การรักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV 

ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก ต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอด และดูดเสมหะออก จะช่วยลดความรุนแรงของอาการไอและอาการหายใจหอบเหนื่อยได้
โรคติดเชื้อไวรัส RSV ใช้เวลาในการฟื้นไข้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไวรัสชนิดนี้ทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดา รวมถึงอาการรุนแรงเป็นปอดบวมซึ่งมีความอันตรายสูงกับเด็กเล็ก เชื้อไวรัสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ
 
✔วิธีป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV

พ่อแม่ต้องหมั่นรักษาความสะอาดให้ลูก เช่น หมั่นล้างมือตัวเองและลูกน้อยบ่อยๆ เพราะการล้างมือสามารถลดเชื้อที่ติดมากับมือทุกชนิดได้ถึงร้อยละ 70 ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะครบ 5 หมู่ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายในอากาศที่ถ่ายเท ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง 

สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่ลูกมีอาการป่วย ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ ไม่ไปอยู่ในสถานที่แออัด ควรดูแลทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวและแยกไว้ต่างหากเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และหากลูกเข้าเรียนอนุบาลแล้ว เมื่อลูกป่วยก็ควรให้ลูกหยุดเรียนจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อสู่เด็กคนอื่นๆ 

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/904787

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่