คือถ้าให้เลือกตั้ง ก็เข้าอีกหรอบเดิม คือ สส.สภาผัว สว. สภาเมีย
ดังนั้น ให้แต่ละวิชาชีพที่มีองค์กรเชื่อถือได้ เลือกไปเลยวิชาชีพละหนึ่งคน
เช่น คุรุสภา 1 คน แพทยสภา 1 คน ทันตแพทยสภา 1 คน เภสัชสภา 1 คน สภาการพยาบาล 1 คน วิศวสภา 1 คน สภาทนายความ 1 คนฯลฯ
แต่ วิชาชีพย่อย เช่นช่างตัดผม นักร้อง ช่างสัก ฯลฯ ไม่ได้ เพราะไม่มีสภาหรือองค์กรเป็นของตัวเอง
นอกจากนั้น ก็ให้องค์กรทางธุรกิจ เช่น หอการค้าไทย 1 คน สมาคมธนาคารไทย 1 คน สภาอุตสาหกรรม 1 คน ฯลฯ
ทำนองนี้ ซึ่งก็จะได้ สว.จากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่ซื้อเสียงไม่ได้ เพราะแต่ละองค์กรที่เลือกต้องเลือกคนที่เก่ง เชื่อถือได้ที่สุด มาเป็นตัวแทน
ถ้าใช้วิธีนี้ เราจะได้ สว.ที่มีคุณภาพเต็มเปี่ยม ถึง 250 คน และไม่มีทางที่นักการเมืองจะชี้นำได้
ส่วนการจัดลำดับ องค์กรที่สามารถเลือกวุฒิสภาได้ ก็เปลี่ยนแปลงไปบ้างในทุกครั้งการเลือกตั้ง เหมือนหุ้นใน set100 นั่นแหละ องค์กรที่ความเชื่อถือตกต่ำลงก็หลุดอันดับไป ให้องค์กรใหม่มีโอกาสบ้าง
ถ้าจะตั้ง สว. จากตัวแทนวิชาชีพ 250 วิชาชีพ ดีไหม เรามาช่วยกันคิด ดีกว่าการแสดงความเห็นเหน็บแนมกันไปมา ไม่ได้อะไร
ดังนั้น ให้แต่ละวิชาชีพที่มีองค์กรเชื่อถือได้ เลือกไปเลยวิชาชีพละหนึ่งคน
เช่น คุรุสภา 1 คน แพทยสภา 1 คน ทันตแพทยสภา 1 คน เภสัชสภา 1 คน สภาการพยาบาล 1 คน วิศวสภา 1 คน สภาทนายความ 1 คนฯลฯ
แต่ วิชาชีพย่อย เช่นช่างตัดผม นักร้อง ช่างสัก ฯลฯ ไม่ได้ เพราะไม่มีสภาหรือองค์กรเป็นของตัวเอง
นอกจากนั้น ก็ให้องค์กรทางธุรกิจ เช่น หอการค้าไทย 1 คน สมาคมธนาคารไทย 1 คน สภาอุตสาหกรรม 1 คน ฯลฯ
ทำนองนี้ ซึ่งก็จะได้ สว.จากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่ซื้อเสียงไม่ได้ เพราะแต่ละองค์กรที่เลือกต้องเลือกคนที่เก่ง เชื่อถือได้ที่สุด มาเป็นตัวแทน
ถ้าใช้วิธีนี้ เราจะได้ สว.ที่มีคุณภาพเต็มเปี่ยม ถึง 250 คน และไม่มีทางที่นักการเมืองจะชี้นำได้
ส่วนการจัดลำดับ องค์กรที่สามารถเลือกวุฒิสภาได้ ก็เปลี่ยนแปลงไปบ้างในทุกครั้งการเลือกตั้ง เหมือนหุ้นใน set100 นั่นแหละ องค์กรที่ความเชื่อถือตกต่ำลงก็หลุดอันดับไป ให้องค์กรใหม่มีโอกาสบ้าง