Seduction Collection 2020 จาก Strangers Parfumerie
บ่ายวันนี้โก๋โชคดี มีโอกาสได้ลองดมน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ 2 แบรนด์ทั้ง Strangers Parfumerie และ Parfum Prissana ซึ่งมีสุคนธกร หรือนักปรุงกลิ่นท่านเดียวกันคือคุณป๋อม Prin Lomros ที่เคยสร้างผลงานไว้ระดับโลกหลายกลิ่นเชียวค่ะ ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลก็หลายครั้ง
โดยทั้ง 2 แบรนด์นี้ก็จะมีแนวทางในการสร้างงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนะคะ อย่าง Strangers Parfumerie นี่จะสะท้อนแนวคิดที่เป็นด้านขี้เล่น สดใส มีความเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีของผู้ปรุง กลิ่นก็เลยจะเข้าถึงง่ายและแฝงความสนุกสนานด้วยเรื่องประทับใจใกล้ๆตัว ไม่เกินที่เราจะจินตนาการไปถึง (มือใหม่ก็อยากแนะนำให้ลองมาเริ่มที่บ้านนี้ก่อนค่ะ)
ส่วน Parfum Prissana นี่จะเป็นงานอวดฝีมือ ชูเรื่องคุณภาพของสารหอมที่จะเลือกใช้จากธรรมชาติเป็นหลัก เป็นภูมิปัญญาในการเลือกหยิบผลงานของธรรมชาติแล้วจึงตีความเล่าเรื่องของมนุษย์ในภูมิภาคต่างๆแล้วสะท้อนผ่านมาทางกลิ่นค่ะ ที่มีทั้งความสวยงาม สะเทือนใจ หรือความหยาบกร้านของโลกใบนี้ สงคราม เทววิทยา ตำนานและปรัชญา กลิ่นจึงสุดแสนจะซับซ้อน ไม่ใช่หอมฉาบฉวย แต่บางกลิ่นจะต้องให้เวลา และใช้เวลาอยู่กับมัน เป็นงานประณีตศิลป์ที่ออกไปทางนามธรรมเล็กน้อย ควรจะต้องมีภูมิรู้ในการผ่านกลิ่นหอมมามากพอดูเลยค่ะ จึงจะย่อยได้ ท้าทายน่าดูเนอะ
ซึ่งแต่ละบ้านก็มีกลุ่มลูกค้าและจุดเด่นที่ต่างกัน ตรงนี้เราว่าดีนะ เพราะเราเองก็ไม่ได้จะรู้สึกเหมือนกันทุกๆวัน บางวันเราอาจจะสดใส นึกสนุก แต่บางครั้งเราก็อาจจะเล่าเรื่องราวของเราผ่านกลิ่นที่อยู่เหนือประสบการณ์ทั่วไปบ้างก็ได้ ลึกลับดีออก
คราวนี้โก๋เลยจะมาขออนุญาตเล่าให้ฟังนะคะ ว่าประทับใจตัวไหนอะไรอย่างไรบ้าง
เริ่มจากน้องน้อย Strangers Parfumerie ใน Seduction Collection ก่อนเนาะ ก็อย่างที่บอกไปบ้านนี้น่ารัก สดใส ใช้ง่าย แต่กลิ่นในคอลเลคชั่นนี้ก็ไม่ใช่งานฉาบฉวยนะคะ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ภายใต้กลิ่นหวานปนขม และใสสว่างบางเบา
Fleur De Lune
มันมีดอกไม้ชื่อนี้จริงนะคะ ซึ่งจะเป็นดอกไม้ขาวที่บานตอนกลางคืนแล้วบานคืนเดียวแล้วเหี่ยวไป กลีบดอกสวยงามรุ่ยร่ายคล้ายผู้หญิงใส่ชุดราตรีแล้วเริงระบำ โก๋เองก็ไม่เคยดมหรอกนะคะ แต่มีความรู้สึกว่าทรงดอกคล้ายแก้วมังกร หรือ โบตั๋น(ปลอม)ที่เป็นไม้ในกลุ่มกระบองเพชร
แต่คนปรุงบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกันกับดอกไม้ดังกล่าวนะคะ แต่ว่าเป็นดอกไม้ขาวในจินตนาการ ที่น้องกระต่ายบนดวงจันทร์ได้ร่วมมือกันปลูกดอกไม้ขาวนานาพันธ์ไว้บนพื้นผิวดวงจันทร์ หวังให้กลีบขาวๆนั้นสะท้อนแสงกลายเป็นออร่าสีครีมนวลอ่อนส่องเรืองลงมายังโลกมนุษย์ โรแมนติคสุดๆเลย
ซึ่งกลิ่นก็โรแมนติคเช่นกัน เพราะรวมดอกไม้ขาวที่เราๆทราบกันดีว่ามักมีกลิ่นหอมอบอวลมากกว่าดอกไม้สีอื่น และมักจะแบ่งบานยามค่ำคืนเพราะสีขาวจะส่องสว่างในความมืด ดึงดูดแมลงมาผสมกลิ่นเกสร ทั้งการ์ดีเนีย ซ่อนกลิ่น กระดังงา กุหลาบขาวจึงมีพื้นที่โดดเด่นมากในกลิ่นนี้นะคะ
ฟังแบบนี้หลายท่านจะเบือนหน้าหนีว่ามันจะรุนแรงเกินไปหรือเปล่า ตอบได้เลยว่าไม่เลยค่ะ เพราะทั้งหมดนี้มวลกลิ่นไม่ได้หนาหนัก แต่กลับโปร่งใส บางเบา มีความล่องลอยและเรื่อเรืองอยู่บนฉากหลังที่สดฉ่ำ เหมือนดอกไม้ที่ลอยมาตามลำธารใส
ซึ่งตรงนี้ต้องขอบคุณที่คนปรุงใส่มะลิกับวนิลามาจางๆคู่กัน กลิ่นจึงอ่อนหวานและก็เย้ายวนใจอย่างไร้เดียงสา
เห็นเนื้อกลิ่นบางๆแบบนี้นะคะ แต่บอกเลยว่าฟุ้งอวลพอสมควร ถามว่าเราดมแล้วเรานึกถึงอะไร เราว่าเรานึกถึง A La Nuit ของ Serge Lutens แต่มาในแบบที่สาวกว่าเยอะ และตัดความคาวแอนนิมอลลิคไปเกือบหมด
ถ้าใครเป็นแฟนน้ำหอมบ้านนี้ เรากล้าพูดเลยว่ากลิ่นแนวนี้บ้านนี้ไม่เคยทำมาก่อน เพราะคนปรุงใช้เวลา 4 เกือบ 5 ปีในการค่อยๆแต่งตัวให้น้องดอกไม้พระจันทร์ได้งดงามให้สมดั่งใจ แน่นอนว่าโน้ตดอกไม้มาขนาดนี้ เหมาะกับผุ้หญิงแน่นอนเพราะจะช่วยให้ลุคดูบริสุทธ์แต่เย้ายวนแบบไม่ตั้งใจ ลุคดูเป็นคุณหนูบอบบางไม่เคยขึ้นรถเมล์ แต่อย่าถามว่าใส่ไปไหนดี เพราะไปได้ทุกที่ค่ะ ไปเที่ยว ไปเรียน ไปทำงาน ไปวัด ไปเลือกตั้ง ไปม้อบได้หมด
เพราะอะไรนะเหรอคะ ? เพราะเราซื้อค่ะ เราเลือกได้หมดแหละ ว่าเราจะใช้ไปไหน อิอิ
Caffeine Honey
ชอบทานอเมริกาโน่ใส่น้ำผึ้งกันไหมคะ โก๋ไม่ใช่แฟนอเมริกาโน่เท่าไหร่ ใจนิยมลาเต้มากกว่า แต่ถ้าเติมน้ำผึ้งหอมๆลงไปนี่ก็รักเลย เพราะรู้สึกว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเนาะ (จริงๆคือติดหวาน อิอิ) เช่นเดียวกันกับน้อง Caffeine Honey ขวดนี้เลย เพราะถ้าจะเล่ากันง่ายๆน้องก็คือกาแฟเข้มๆแล้วก็ราดน้ำผึ้งหวานๆมาตัดรสขมไหม้ปนเปรี้ยวของกาแฟคั่วบด
ความ Bitter Sweet แบบที่ปลุกอารมณ์ดื่มด่ำแถมท้ายด้วยกลิ่นหอมมันที่ไม่ใช่หอมนม แต่เป็นกลิ่นนวลปนเขียวของเมล็ดอัลมอนด์บดให้ความรู้สึกขมมันคล้ายถั่ว แต้มวนิลลาแอบโซลูทที่ล่องลอยบางจางในช่วงท้ายให้กลิ่นมีความกลมกลืน และผสานความโปร่งโล่งเหมือนอากาศที่ปลอดโปร่งด้วยอานุภาพของสารแอมบรอกซาน ที่ให้กลิ่นคล้ายความเบาลอยของอากาศยามเช้าที่สดใส
เห็นภาพบรรยากาศของร้านกาแฟริมหาดบนเกาะที่ไหนสักแห่งเหมือนกันเลยไหมคะ
เรื่องคุณภาพความติดทนน้องที่รู้จักกันลองแล้วบอกว่าบนผิวของเขาจะมีกลิ่นน้ำผึ้งบางๆจะหอมเหมือนน้ำผึ้งแท้ติดผิวไปทั้งวันเลย เพราะว่าความเข้มข้นระดับ EDP 18% จึงหอมหวานยาว แต่เราตินิดเดียวว่าท้ายกลิ่นจะมีกลิ่นเผ็ดโปร่งคล้ายไม้จันทน์ออสเตรเลียที่เรามักจะจับได้ในช่วงท้ายของน้ำหอมโทนกาแฟหลายตัวที่เราลองมา ไม่ว่าจะเป็น Terra Mia หรือ Intense Café ก็เจอ ซึ่งไม่ได้แย่นะคะ บางคนเขาชอบด้วยว่ามันสไปซี่ดี ดูเย้ายวนเผ็ดร้อน แต่ไม่ค่อยใช่แนวเราเท่าไหร่ เราอยากให้มันหวานกาแฟไปตั้งแต่ต้นยันจบเลย
ช่วงท้ายกลิ่นนี้เจือหวานนิดๆคล้ายโทนฟลอรัล แต่เราจับไม่ได้ว่าดอกอะไร มีความครีมมี่จางๆเหมือนดอกส้มอ่อนๆด้วย นุ่มนวลดีมากเลยแถมกลิ่นไหม้คล้ายหนังอีกนิดๆมันเลยยิ่งเหมือนคนคั่วกาแฟอยู่ต่อหน้า
เนื้อกลิ่นไม่ได้ฟุ้งมาก ลองแล้วจะมีความหวานเคล้าคลอตัดกันฉับกับความขมกลายเป็นออร่าจางๆ กลิ่นใช้ง่ายและมีความ Gender Neutral สูงมากแม้จะมีน้ำผึ้ง ไม่ว่าใครจะนิยามตัวเองเป็นเพศไหนก็ใช้ได้ และก็น่าจะถูกใจคนทุกเพศเช่นกัน เพราะใครบ้างจะไม่ชอบกาแฟเนอะ
แต่กระซิบบอกกันก่อนว่ากลิ่นนี้คนปรุงท่านปรุงให้เฉพาะเป็น Exclusive Scent จำนวนแค่ 100 ขวด วางขายเฉพาะ Exclusive 1 i'm bonfire เท่านั้นเด้อค่ะ อยากได้ก็ต้องรีบ
Roasted coffee cigarette whiskey come and get your suede honey baby.
แค่อ่านชื่อก็เหนื่อยละเนาะ แต่ว่าชื่อนี่บอกสาระของกลิ่นแทบจะครบถ้วนเลยเชียวค่ะ ก็คุ้มอยู่ที่ชื่อยาว ต่อจากนี้จะขอเรียกชื่อย่อๆว่าพี่ RC นะคะเพื่อความกระชับ
เกริ่นก่อนว่าพี่เขามีความเข้มข้นระดับ Extriat de perfume หรือก็คือมีอัตราส่วนของสารหอมเข้มข้นเกินระดับ EDP ไปอีก (ในที่นี้คือ 25%) ส่งผลให้กลิ่นมีความเนียนแน่น นุ่มลึก และแน่นอนว่าติดทนนานมากขึ้นเมื่อเทียบกับกลิ่นเดียวที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า
ถ้าจะให้เราเทียบกับ Caffeine Honey ซึ่งมีโน้ตละม้ายกัน แต่ก็ต่างกันราวกับดวงจันทร์กับดวงตะวันเลยค่ะ เพราะในขณะที่น้อง Caffeine Honey มีท่าทีผ่อนคลาย อ่อนโยนกว่า แต่พี่ RC กลับเข้มข้น จริงจังกว่ากันมาก ท่วงทำนองการปรุงก็ต่างกันเหมือนจังหวะเพลง Rock กับ Ballads ดังนั้นแม้โน้ตจะใกล้กัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด จึงไม่อาจจะเอาไปเทียบกับงานของ MFK ตัว Gentle Fluidity Silver กับ Gold ได้ เพราะอันนั้นคือโน้ตเดียวกันทั้งหมด แต่ย่อหย่อนตรงที่ปริมาณจึงบิดกลิ่นให้ต่างกันได้เป็นชายเป็นหญิง
อาจจะเปรียบได้ว่า Caffeine Honey คือเครื่องดื่มรสเข้มขมตัดหวานฉ่ำที่เราจิบดื่มในช่วงบ่ายของฤดูร้อนเพื่อกระตุ้นชีวิตชีวา เติมความรื่นรมย์ให้กับชีวิต ปูทางไปสู่บทสนทนาที่ตื่นเร้า แต่ RC กลับเข้มข้นเหมือนขนม เหมือนไซรัปอุ่นเยิ้ม ที่เหมาะจะรับประทานหลังมื้อเย็นในฤดูใบไม้ร่วงที่เพื่ออุ่นธาตุเพิ่มพลังให้พร้อมรับกับปาร์ตี้ที่เร่าร้อนต่อจากนั้น
ด้วยกลิ่นที่หวานหยาดเยิ้ม ออกอุ่นไหม้ของคาราเมลที่ชิงแสดงตัวก่อนใคร ถ้ามันจะมีข้าวโพดคั่วรสไหนที่กาเรตต์ทำที่ได้กลิ่นน้ำตาลไหม้กับเนยเยิ้มๆ แต่เหยาะเติมรสหอมเข้มข้นมึนเมาของวิสกี้เข้ามาด้วย นั่นก็จะสามารถอธิบายถึงกลิ่นนี้ตรงที่สุด เพราะว่าแม้กาแฟคั่วจะเข้มข้น อุ่นไอเผาไหม้แต่คาราเมลก็เชื่อมร้อยเอาความหวานจับใจเข้ามาปะทะจมูกตั้งแต่ต้นจนเกือบปลายของกลิ่น
พอเวลาผ่านไปเกิน 3 ชั่วโมงกลิ่นค่อยนวลละไมด้วยกลิ่นคล้ายดอกไม้ปนวนิลลาของดอกเฮลิโอโทรปที่เจือกลิ่นอัลมอนด์และความเขียวลอย และน่าแปลกใจว่าโก๋ไม่เจอกลิ่นเผ็ดร้อนสไปซี่แบบที่ชอบเจอในน้ำหอมกาแฟตัวอื่นๆในกลิ่นนี้ เลยเทใจให้กลิ่นนี้มากกว่ากลิ่นอื่นนิดหน่อย
อย่างไรก็ตามนะคะ ด้วยความเข้มข้นที่ค่อนข้างมาก ทำให้การคลี่คลาย หรือการดำเนินกลิ่นของกลิ่นนี้เป็นไปอย่างช้าๆค่ะ จากท้อปมามิดฯก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเลย อาการเหมือนดอกไม้ที่บานอย่างช้าๆนี่เองอาจจะซ่อนโน้ต ซ่อนโทนอื่นไว้อย่างมิดเม้ม ต้องดมลึกๆหน่อยจึงจะเจอค่ะ ตั้งใจดม
แน่นอนว่ากลิ่นนี้เป็น Gender Neutral เช่นกัน แต่ในสมองนี่มองเห็นเป็นผู้หญิงดุๆจัดจ้าน ไม่ก็ผู้ชายที่เจ้าเล่ห์ เจ้าชู้หน่อยๆน่าจะดี เพราะหวานแหลมหยาดเยิ้ม และกลิ่นออกอุ่นหน่อย
ภาพรวมของ Seduction Collection นี่โก๋มองว่าความเป็น Collection เดียวกันของงานออกจะน้อยไปนิดค่ะ เพราะไม่ค่อยเห็นบรรยากาศ หรือการเชื่อมร้อยงานของทุกกลิ่นให้ไปในทางเดียวกันได้เท่ากับ Summer Collection 2020 ที่ออกมา 5 กลิ่น
Summer Collection 2020 of Strangers Parfumerie
อันนั้นกลิ่นมีความหลากหลาย แต่เดินเรื่องด้วยท้องเรื่องเดียวกันชัดเจนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นงานที่ปรุงขึ้นมาด้วยความคิดรอบคอบ ไม่ใช่งานลวกๆ ผ่านกระบวนการทางความคิดและการทำงานมาอย่างดีเลยแหละ คราวนี้ถ้าใครมองหาน้ำหอมใหม่ๆ เติมเต็มลมหนาวที่กำลังมาถึงนี้ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ ลองหาดูนะคะ งานดีมาก ทางนี้ก็คิดว่าจะตกอยู่สักขวดเหมือนกันค่ะ 😊
ส่วนอีก 5 กลิ่นใหม่ของ Parfum Prissana ขออนุญาตยกไปอีกโพสต์นะคะ นี่ชักจะยาวไปแล
[SR] แรกดมกับ Seduction Collection 2020 จาก Strangers Parfumerie
แต่คนปรุงบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกันกับดอกไม้ดังกล่าวนะคะ แต่ว่าเป็นดอกไม้ขาวในจินตนาการ ที่น้องกระต่ายบนดวงจันทร์ได้ร่วมมือกันปลูกดอกไม้ขาวนานาพันธ์ไว้บนพื้นผิวดวงจันทร์ หวังให้กลีบขาวๆนั้นสะท้อนแสงกลายเป็นออร่าสีครีมนวลอ่อนส่องเรืองลงมายังโลกมนุษย์ โรแมนติคสุดๆเลย
ซึ่งกลิ่นก็โรแมนติคเช่นกัน เพราะรวมดอกไม้ขาวที่เราๆทราบกันดีว่ามักมีกลิ่นหอมอบอวลมากกว่าดอกไม้สีอื่น และมักจะแบ่งบานยามค่ำคืนเพราะสีขาวจะส่องสว่างในความมืด ดึงดูดแมลงมาผสมกลิ่นเกสร ทั้งการ์ดีเนีย ซ่อนกลิ่น กระดังงา กุหลาบขาวจึงมีพื้นที่โดดเด่นมากในกลิ่นนี้นะคะ
ฟังแบบนี้หลายท่านจะเบือนหน้าหนีว่ามันจะรุนแรงเกินไปหรือเปล่า ตอบได้เลยว่าไม่เลยค่ะ เพราะทั้งหมดนี้มวลกลิ่นไม่ได้หนาหนัก แต่กลับโปร่งใส บางเบา มีความล่องลอยและเรื่อเรืองอยู่บนฉากหลังที่สดฉ่ำ เหมือนดอกไม้ที่ลอยมาตามลำธารใส
ซึ่งตรงนี้ต้องขอบคุณที่คนปรุงใส่มะลิกับวนิลามาจางๆคู่กัน กลิ่นจึงอ่อนหวานและก็เย้ายวนใจอย่างไร้เดียงสา
เห็นเนื้อกลิ่นบางๆแบบนี้นะคะ แต่บอกเลยว่าฟุ้งอวลพอสมควร ถามว่าเราดมแล้วเรานึกถึงอะไร เราว่าเรานึกถึง A La Nuit ของ Serge Lutens แต่มาในแบบที่สาวกว่าเยอะ และตัดความคาวแอนนิมอลลิคไปเกือบหมด
ถ้าใครเป็นแฟนน้ำหอมบ้านนี้ เรากล้าพูดเลยว่ากลิ่นแนวนี้บ้านนี้ไม่เคยทำมาก่อน เพราะคนปรุงใช้เวลา 4 เกือบ 5 ปีในการค่อยๆแต่งตัวให้น้องดอกไม้พระจันทร์ได้งดงามให้สมดั่งใจ แน่นอนว่าโน้ตดอกไม้มาขนาดนี้ เหมาะกับผุ้หญิงแน่นอนเพราะจะช่วยให้ลุคดูบริสุทธ์แต่เย้ายวนแบบไม่ตั้งใจ ลุคดูเป็นคุณหนูบอบบางไม่เคยขึ้นรถเมล์ แต่อย่าถามว่าใส่ไปไหนดี เพราะไปได้ทุกที่ค่ะ ไปเที่ยว ไปเรียน ไปทำงาน ไปวัด ไปเลือกตั้ง ไปม้อบได้หมด
เพราะอะไรนะเหรอคะ ? เพราะเราซื้อค่ะ เราเลือกได้หมดแหละ ว่าเราจะใช้ไปไหน อิอิ
ความ Bitter Sweet แบบที่ปลุกอารมณ์ดื่มด่ำแถมท้ายด้วยกลิ่นหอมมันที่ไม่ใช่หอมนม แต่เป็นกลิ่นนวลปนเขียวของเมล็ดอัลมอนด์บดให้ความรู้สึกขมมันคล้ายถั่ว แต้มวนิลลาแอบโซลูทที่ล่องลอยบางจางในช่วงท้ายให้กลิ่นมีความกลมกลืน และผสานความโปร่งโล่งเหมือนอากาศที่ปลอดโปร่งด้วยอานุภาพของสารแอมบรอกซาน ที่ให้กลิ่นคล้ายความเบาลอยของอากาศยามเช้าที่สดใส
เห็นภาพบรรยากาศของร้านกาแฟริมหาดบนเกาะที่ไหนสักแห่งเหมือนกันเลยไหมคะ
เรื่องคุณภาพความติดทนน้องที่รู้จักกันลองแล้วบอกว่าบนผิวของเขาจะมีกลิ่นน้ำผึ้งบางๆจะหอมเหมือนน้ำผึ้งแท้ติดผิวไปทั้งวันเลย เพราะว่าความเข้มข้นระดับ EDP 18% จึงหอมหวานยาว แต่เราตินิดเดียวว่าท้ายกลิ่นจะมีกลิ่นเผ็ดโปร่งคล้ายไม้จันทน์ออสเตรเลียที่เรามักจะจับได้ในช่วงท้ายของน้ำหอมโทนกาแฟหลายตัวที่เราลองมา ไม่ว่าจะเป็น Terra Mia หรือ Intense Café ก็เจอ ซึ่งไม่ได้แย่นะคะ บางคนเขาชอบด้วยว่ามันสไปซี่ดี ดูเย้ายวนเผ็ดร้อน แต่ไม่ค่อยใช่แนวเราเท่าไหร่ เราอยากให้มันหวานกาแฟไปตั้งแต่ต้นยันจบเลย
ช่วงท้ายกลิ่นนี้เจือหวานนิดๆคล้ายโทนฟลอรัล แต่เราจับไม่ได้ว่าดอกอะไร มีความครีมมี่จางๆเหมือนดอกส้มอ่อนๆด้วย นุ่มนวลดีมากเลยแถมกลิ่นไหม้คล้ายหนังอีกนิดๆมันเลยยิ่งเหมือนคนคั่วกาแฟอยู่ต่อหน้า
เนื้อกลิ่นไม่ได้ฟุ้งมาก ลองแล้วจะมีความหวานเคล้าคลอตัดกันฉับกับความขมกลายเป็นออร่าจางๆ กลิ่นใช้ง่ายและมีความ Gender Neutral สูงมากแม้จะมีน้ำผึ้ง ไม่ว่าใครจะนิยามตัวเองเป็นเพศไหนก็ใช้ได้ และก็น่าจะถูกใจคนทุกเพศเช่นกัน เพราะใครบ้างจะไม่ชอบกาแฟเนอะ
แต่กระซิบบอกกันก่อนว่ากลิ่นนี้คนปรุงท่านปรุงให้เฉพาะเป็น Exclusive Scent จำนวนแค่ 100 ขวด วางขายเฉพาะ Exclusive 1 i'm bonfire เท่านั้นเด้อค่ะ อยากได้ก็ต้องรีบ
เกริ่นก่อนว่าพี่เขามีความเข้มข้นระดับ Extriat de perfume หรือก็คือมีอัตราส่วนของสารหอมเข้มข้นเกินระดับ EDP ไปอีก (ในที่นี้คือ 25%) ส่งผลให้กลิ่นมีความเนียนแน่น นุ่มลึก และแน่นอนว่าติดทนนานมากขึ้นเมื่อเทียบกับกลิ่นเดียวที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า
ถ้าจะให้เราเทียบกับ Caffeine Honey ซึ่งมีโน้ตละม้ายกัน แต่ก็ต่างกันราวกับดวงจันทร์กับดวงตะวันเลยค่ะ เพราะในขณะที่น้อง Caffeine Honey มีท่าทีผ่อนคลาย อ่อนโยนกว่า แต่พี่ RC กลับเข้มข้น จริงจังกว่ากันมาก ท่วงทำนองการปรุงก็ต่างกันเหมือนจังหวะเพลง Rock กับ Ballads ดังนั้นแม้โน้ตจะใกล้กัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด จึงไม่อาจจะเอาไปเทียบกับงานของ MFK ตัว Gentle Fluidity Silver กับ Gold ได้ เพราะอันนั้นคือโน้ตเดียวกันทั้งหมด แต่ย่อหย่อนตรงที่ปริมาณจึงบิดกลิ่นให้ต่างกันได้เป็นชายเป็นหญิง
อาจจะเปรียบได้ว่า Caffeine Honey คือเครื่องดื่มรสเข้มขมตัดหวานฉ่ำที่เราจิบดื่มในช่วงบ่ายของฤดูร้อนเพื่อกระตุ้นชีวิตชีวา เติมความรื่นรมย์ให้กับชีวิต ปูทางไปสู่บทสนทนาที่ตื่นเร้า แต่ RC กลับเข้มข้นเหมือนขนม เหมือนไซรัปอุ่นเยิ้ม ที่เหมาะจะรับประทานหลังมื้อเย็นในฤดูใบไม้ร่วงที่เพื่ออุ่นธาตุเพิ่มพลังให้พร้อมรับกับปาร์ตี้ที่เร่าร้อนต่อจากนั้น
ด้วยกลิ่นที่หวานหยาดเยิ้ม ออกอุ่นไหม้ของคาราเมลที่ชิงแสดงตัวก่อนใคร ถ้ามันจะมีข้าวโพดคั่วรสไหนที่กาเรตต์ทำที่ได้กลิ่นน้ำตาลไหม้กับเนยเยิ้มๆ แต่เหยาะเติมรสหอมเข้มข้นมึนเมาของวิสกี้เข้ามาด้วย นั่นก็จะสามารถอธิบายถึงกลิ่นนี้ตรงที่สุด เพราะว่าแม้กาแฟคั่วจะเข้มข้น อุ่นไอเผาไหม้แต่คาราเมลก็เชื่อมร้อยเอาความหวานจับใจเข้ามาปะทะจมูกตั้งแต่ต้นจนเกือบปลายของกลิ่น
พอเวลาผ่านไปเกิน 3 ชั่วโมงกลิ่นค่อยนวลละไมด้วยกลิ่นคล้ายดอกไม้ปนวนิลลาของดอกเฮลิโอโทรปที่เจือกลิ่นอัลมอนด์และความเขียวลอย และน่าแปลกใจว่าโก๋ไม่เจอกลิ่นเผ็ดร้อนสไปซี่แบบที่ชอบเจอในน้ำหอมกาแฟตัวอื่นๆในกลิ่นนี้ เลยเทใจให้กลิ่นนี้มากกว่ากลิ่นอื่นนิดหน่อย
อย่างไรก็ตามนะคะ ด้วยความเข้มข้นที่ค่อนข้างมาก ทำให้การคลี่คลาย หรือการดำเนินกลิ่นของกลิ่นนี้เป็นไปอย่างช้าๆค่ะ จากท้อปมามิดฯก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเลย อาการเหมือนดอกไม้ที่บานอย่างช้าๆนี่เองอาจจะซ่อนโน้ต ซ่อนโทนอื่นไว้อย่างมิดเม้ม ต้องดมลึกๆหน่อยจึงจะเจอค่ะ ตั้งใจดม
แน่นอนว่ากลิ่นนี้เป็น Gender Neutral เช่นกัน แต่ในสมองนี่มองเห็นเป็นผู้หญิงดุๆจัดจ้าน ไม่ก็ผู้ชายที่เจ้าเล่ห์ เจ้าชู้หน่อยๆน่าจะดี เพราะหวานแหลมหยาดเยิ้ม และกลิ่นออกอุ่นหน่อย
อันนั้นกลิ่นมีความหลากหลาย แต่เดินเรื่องด้วยท้องเรื่องเดียวกันชัดเจนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นงานที่ปรุงขึ้นมาด้วยความคิดรอบคอบ ไม่ใช่งานลวกๆ ผ่านกระบวนการทางความคิดและการทำงานมาอย่างดีเลยแหละ คราวนี้ถ้าใครมองหาน้ำหอมใหม่ๆ เติมเต็มลมหนาวที่กำลังมาถึงนี้ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ ลองหาดูนะคะ งานดีมาก ทางนี้ก็คิดว่าจะตกอยู่สักขวดเหมือนกันค่ะ 😊
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้