Parfum Prissana 's Fall-Winter Collection 2020
จากที่ได้อัพเดทรีวิวน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่
แรกดมกับ Seduction Collection 2020 จาก Strangers Parfumerie ไปแล้ว เรามาต่อกันที่ Parfum Prissana นะคะ เพราะเป็นสุคนธกรท่านเดียวกันคือคุณป๋อม Prin Lomros ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์นี้ก็จะมีแนวทางในการสร้างงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่าง Strangers Parfumerie จะเด็กกว่า มีความซน ความมองโลกสดใส กลิ่นก็มีความสนุก (มือใหม่ก็อยากแนะนำให้ลองมาเริ่มที่บ้านนี้ก่อนค่ะ)
ส่วน Parfum Prissana นี่จะชูเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หยิบมาใช้ บางสารถึงขั้นปรุงเอง ทำเอง กรองเอง กลั่นเองก็มี เนื้อกลิ่นมีทั้งความสวยงามและโศกนาฎกรรมดำดิ่ง กลิ่นซับซ้อนมาก คนใช้ต้องให้เวลา และใช้เวลาอยู่กับมัน เพราะปะปนกับความเป็นนามธรรมเล็กน้อย อาจจะต้องผ่านน้ำหอมใดๆมาก่อนพอสมควร เป็นงานศิลป์ที่ท้าทายน่าดู
ซึ่งในขณะที่น้องน้อย Strangers Parfumerie มีชื่อคอลฯอย่างเป็นทางการว่า Seduction Collection 2020 แต่บ้าน Parfum Prissana กลับมีชื่อเรียบง่ายสุดสวนทางกับแนวกลิ่นคือ Fall-Winter 2020 อิอิ
เรามาเริ่มจากตัวที่เข้าถึงง่ายๆ งานเรียบสะอาด งานคุ้นเคยก่อนนะคะ
Vallée des roses
กุหลาบ...ใครๆก็ทำกุหลาบ แต่ชื่อนี้เป็นชื่อของสถานที่ปลูกกุหลาบในโมรอคโค ความพิเศษคือเป็นที่ราบระหว่างหุบเขาแอตลาส ที่มีภูมิอากาศเหมาะกับกุหลาบที่ต้องการแดดทั้งวันแต่อากาศเย็น เลยให้น้ำมันกุหลาบที่คุณภาพดีค่ะ คุณป๋อมใช้โน้ตกุหลาบอย่างโบราณที่เป็นดามัสหรือกุหลาบตุรกีกับโรสเดอเมย์หรือกุหลาบเปอเซียร์เข้ามาผสานกัน ผสมกับผลไม้แห้งแสนหวานเล็กน้อยเพื่อกล่อมกลิ่นให้มีความนุ่มลึก แต่โทนกุหลาบก็ไม่ได้เป็นโทนกุหลาบอย่างสมัยนิยมนะคะ แต่กลับออกทางวินเทจ ที่เจือความเป็นสมุนไพร และเมทัลลิคอ่อนๆ
ตรงตามคอนเซปต์ที่ต้องไม่ใช่อิงลิชโรสแสนหวาน แต่เป็นกุหลาบตะวันออกกลางที่เผ็ดร้อน คมคาย แล้วจบด้วยเบสของกำยานเผาไหม้ ยางไม้หอมมีค่า ซ่อนกับวนิลาในช่วงท้ายเป็นสายสนับสนุนไม่แสดงตัว
ครั้งแรกที่ดม ใจเรานึกไปถึง Rosa ของ Santa Maria กับ Fleurs de Bulgarie ของ Creed ซึ่งคลุมโทนสง่า และมีความเป็นธรรมชาติแบบที่สกัดได้จากธรรมชาติแท้ๆ ไม่ใช่ Fresh cut rose ค่ะ
แต่พอน้องอีกคนลองกับผิวพบว่ากลิ่นธูปแห้งๆอมหวานสากๆแป้งๆชัดมาก ซึ่งก็ค่อนข้างตรงกับที่กระดาษแต่อย่างไรก็ตาม น้ำหอมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเยอะๆ ก็ควรลองบนผิวเนาะ แล้วจะพบความมหัศจรรย์ของสารหอมธรรมชาติที่จะเปลี่ยนไปตามเคมีบนผิวของแต่ละคน ซึ่งจุดนี้สารหอมสังเคราะห์จะทำไม่ได้ ดังนั้นของบ้านนี้ ทุกกลิ่นควรลองบนผิวก่อนทั้งหมดเลยนะคะ
Chetyre
เอาใจสายลูกค้ารัสเซียกันหน่อยกับน้ำหอมชื่ออ่านยากที่แปลว่าหมายเลข 4 คุณป๋อมเขาปรุงขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน
แฟนๆน้ำหอมจะทราบกันดีว่าคนรัสเซียเนี่ย คลั่งน้ำหอมกันมากนะคะ มีคนเล่นน้ำหอมหนักๆเยอะ ไม่รู้ทำไม
แถมในโลกของน้ำหอมก็ยังแล้วก็ยังมีกลุ่มโครงสร้างแนวกลิ่นโทนคลาสสิคอย่าง Cuir de Russie อีกด้วย ซึ่งเป็นกลิ่นของการใช้น้ำมัน Tar ในการฟอกพวกเครื่องหนัง ถุงมือหนังให้มีความนุ่ม บวกเติมเข้ากับกลิ่นฟลอรัลหนักๆเพื่อกลบกลิ่นเหม็นคาวของหนัง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของโทนกลิ่นที่มีชื่อ”รัสเซีย”ต่อท้ายด้วย
คุณป๋อมเลยใช้แอคคอร์ดของ Cuir de Russie มาปรุงร่วมกับกลิ่นพื้นดินในชนบทที่ชื้นแฉะ มีไม้สนไซบีเรียยืนต้นตาย ไอเย็นในมวลอากาศของที่นั่น พูดง่ายๆก็คือจำลองบรรยากาศของที่นั่นกับโครงกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขามารวมตัวกันในขวดเดียวนี้ กลิ่นนี้จึงกรุ่นกลิ่นมอดไม้ของป่าไม้ กลิ่นหนังสัตว์ กลิ่นของดอกไม้ที่ให้โทนอโรมาติคอย่างลาเวนเดอร์รองหลังไกลๆ
เป็นกลิ่นที่เข้มขรึม คาแรคเตอร์ชัดเจนว่าดุดัน แต่มีเสน่ห์ เพราะมันทั้งขมทั้งไหม้ทั้งหวานปะปนกัน ราวกับถอดบุคลิคชายหนุ่มแข็งกร้าวชาวรัสเซียมาอย่างเต็มกำลังเลย
Savitri
“ราชะอันพระธิดาไท้ รูปเห็นแล้วพอใจเป็นนักหนา
ผิวพักตร์ผ่องพรรณดังจันทรา ลักขณาราวพระศรีอวตาร
กิริยามรรยาทพิลาศล้ำ ทั้งวาจาถ้อยคำก็อ่อนหวาน
อีกทรงธรรมกำกับในสันดาน เห็นเป็นยอดนงคราญในโลกนี้”
ที่กล่าวมาด้านบนเป็นบทเสาวรจนีย์ หรือบทชมโฉมของนางสาวิตรี นางในวรรณคดีผู้เป็นหญิงสาวที่เก่งกาจ มีความสามารถมาก มีสติปัญญามากถึงขั้นต่อรองเอาชีวิตสามีตัวเองจากพระยมคืนมาได้ เมื่อแรงบันดาลใจของชื่อน้ำหอมมีที่มาตามนี้แล้ว กลิ่นนี้จึงหอมอบอวลอ่อนหวานไปด้วยดอกไม้ไทย และมีโครงสร้างหรูอย่างน้ำหอมโบราณ แต่ก็ลุ่มลึกดื่มด่ำไปกลับกลิ่นโทนสาปสัตว์อย่างชะมดและเมล็ดยี่หร่า
กลิ่นแนวคลาสสิคชีฟ ปะปนไปกับส่วนผสมใหม่ๆอย่างจำปี กระดังงา มะนาวและเมล็ดยี่หร่า ตามที่ใจคนปรุงอยากปรุงให้มีความต่างจากโทนชีฟอื่นๆดื่นมีในตลาด แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของโทนชีฟหรือชีเปรด้วยโอคมอส
แต่เมื่อกลิ่นเปิดที่มีความซ่าและความสดของมะนาวและพรรณไม้หมดไป กลิ่นกลับพัฒนาให้ออกโทนกลิ่นที่ดมแล้วอุ่นอย่างผิวคนตอนที่ออกกำลังกายหรือตื่นเต้น ดังนั้นกลิ่นนี้หากลองลงบนผิวแล้วจะเซ็กซี่อย่างดิบดำฤษณา เชิญชวนอย่างมีเล่ห์กล ด้วยอานุภาพของชะมดที่ดับคาวแล้ว กับโน้ตถนัดอันเป็นโน้ตประจำตัวของผู้ปรุงคือคูมินหรือเมล็ดยี่หร่า
คนไม่ชอบจะเบือนหน้าหนี แต่คนที่ชอบก็จะหลงใหลคลั่งไคล้เอาจริงๆ เพราะกลิ่นมันลึกและดาร์คมาก (แต่ก็ยังไม่ได้ดาร์คที่สุดที่สุครธกรเคยปรุงขึ้นมานะคะ ดาร์คได้กว่านี้อีกมาก) ยังไงต้องลองบนผิวจริงๆค่ะ
Hayra
เหรา เป็นชื่อของสัตว์น้ำในวรรณคดีประเภทหนึ่งนะคะมีลักษณะเป็นนาคผสมมังกร หรือบางแห่งก็จะวาดให้คล้ายจระเข้ก็มี แต่ปัจจุบันก็อาจจะไปเรียกถึงแมงดาทะเลอย่างมีพิษก็เรียกกัน
ที่จริงแล้วสุคนธกรตั้งใจสื่อภาพของวัดป่าในภาคเหนือที่ได้พบมา บรรยากาศร่มครึ้มเขียวไปด้วยต้นไทรโบราณ และรูปปั้นของเหราเก่าแก่ที่ปรากฎตรงบันไดโบสถ์ให้ความรู้สึกฉ่ำเย็นแล้วก็ลึกลับชวนขนลุกไปพร้อมๆกัน
ที่เก๋ที่สุดของกลิ่นนี้คือความแปลกใหม่ในการขึ้นกลิ่นให้ขัดแย้งกันอย่างที่โก๋ไม่เคยเจอมาก่อนค่ะคือให้กลิ่นทะเลมาตัดกับกลิ่นแอนนิมอลลิค แปลกจมูกมากจริงๆ เพราะกลิ่นเกลือ กลิ่นทะเลที่ฉ่ำเย็น เหมือนกับพื้นที่ป่าชายเลน หรือป่าอะไรสักอย่างที่รกเรื้อริมหาด มีลมพัดกลิ่นเกลือมาไกลๆ แสนผ่อนคลาย แต่อีกใจเราก็เกิดความรู้สึกว่าเหมือนจะมีสายตาของอะไรสักอย่างมองเรามาจากในป่ารกเรื้อนั้น แล้วก็พลันได้กลิ่นสาปแห้งลอยมาจางๆ
กลิ่น อูด+ทะเลเราก็เจอมาแล้วใน Oud Minérale หรือจะเป็น หนัง+ทะเล เราก็เจอมาแล้วใน Ocean Leather คราวนี้คุณป๋อมเลยชวนไปเจอกับ สาปสัตว์+ทะเล กันเสียหน่อย เป็นกลิ่นสาหร่าย กลิ่นป่า กลิ่นเกลือ กับกลิ่นสไปซี่มายำให้ตัดกับฉึบฉับครื้นเครง ซึ่งทำออกมาได้ดี ทำออกมาได้สวยเลยทีเดียว
ใจโก๋เห็นเป็นมังกรตีน้ำเล่นอย่างผาดโผนก่อนดำลึกลงไปในทะเลสีน้ำเงินเข้ม แบบนั้นเลยค่ะ
Nefer
ตัวสุดท้ายและท้ายสุด ที่โก๋ชอบที่สุดและไม่คิดว่าตัวเองจะชอบนะคะ แถมยังขอคุณป๋อมฉีดใส่ตัวกลับมาดมต่อที่บ้านอีก ก็คือกลิ่น Nefer ที่แปลว่าความงามนี่เอง
มดยอบหรือเมอร์ ยางไม้ล้ำค่าที่ถูกใช้มาก่อนพระคริสต์กำเนิดเสียอีกคือตัวเล่นหลักในกลิ่นนี้ค่ะ ยางไม้เมอร์เมื่อดมเฉยๆจะไม่ค่อยได้กลิ่นนะคะ แต่เมื่อเผาไหม้จะส่งกลิ่นหวานอบอุ่น โล่งคอ เจือโทนมะนาวกับออกทางไม้สนจางๆ หอมละมุนมากมาย พาใจให้สงบ
ส่วนตัวชอบกลิ่นเมอร์อยู่แล้ว พอคุณป๋อมบอกว่ากลิ่นนี้ใส่เมอร์เยอะ ทุนสูงที่สุดในบรรดา เพราะยางไม้เมอร์แท้แพงจริงๆ ก็เลยตั้งใจมากว่าจะต้องลองให้ได้
จับความเอาตามนิยายเรื่องเล่านะคะ ว่ากันว่าพระนางคลีโอพัตราแต่งแต้มร่างกายให้หอมด้วยกลิ่นเผาไหม้ของยางไม้ล้ำค่าอย่างเมอร์ในตอนเข้าพบจูเลียส ซีซ่าร์เป็นครั้งแรก ดังนั้นเมื่อปะหน้ากันไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสื้อผ้า เครื่องประดับ แสงแดด หรือการทาผิวกายของพระนางด้วยทองคำกันแน่ แต่ซีซาร์เห็นร่างกายของพระนางคลีโอพัตรานั้นทอประกายออกมาเป็นรัศมีสีทองสุกสว่าง ประทับใจจนเกิดเรื่องราวยืดยาวมากมาย
คนปรุงจึงตั้งใจสร้างกลิ่นนี้ให้เหมือนเป็นออร่าแห่งกลิ่นสีทองคลี่คลุมร่างกายของผู้ใช้ แน่นอนว่านอกจากใช้มดยอบจำนวนมากแล้ว ยังมีสมุนไพรที่ให้ความหวานอย่างอบเชย กุหลาบ หญ้าฝรั่นรองหลังมาด้วย และยังไม่ขาดคูมินอันเป็นโน้ตถนัดโน้ตประจำตัวของผู้ปรุงอีกด้วย...ซึ่งข้าพเจ้าเกลียด อิอิ
แต่แปลกที่หลายตัวที่คุณป๋อมปรุงคูมิน ข้าพเจ้ากลับทนได้ ไม่เกลียด หรือชอบไปเลยก็มีอย่าง Sloth ของ Zoologist ข้าพเจ้าก็ชอบ หรือ Nefer ก็ชอบ แปลกใจตัวเองเหมือนกัน อาจจะเพราะมันอยู่ไม่นานกระมังคะ แป๊บเดียวก็จางไป ทิ้งไว้แต่กลิ่นออกหวานโล่งของยางไม้อำพัน งามจริงๆ
ว่ากันโดยภาพรวมนะคะ คอลเลคชั่นนี้ยังคงทิ้งลายเซ็นของคุณป๋อมไว้อย่างเต็มเปี่ยมและทรงพลัง ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรใหม่นะคะ เพราะเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ การต่อยอดงาน และการพัฒนาแนวกลิ่นที่ใหม่ๆต่อเนื่องอย่างเหรานี่เป็นส่วนผสมที่แปลกใหม่จริงๆ ซึ่งก็ตื่นตา แต่ก็เล่นกับโครงสร้างกลิ่นคลาสสิคแบบท้าทายขนบเช่นกัน
ถ้าจะให้แนะนำนะคะ เหรานี่อย่าพลาดเลย แต่สาวิตรีก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ
[SR] ทำความรู้จักกับ Fall-Winter Collection 2020 จาก Parfum Prissana
ส่วน Parfum Prissana นี่จะชูเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หยิบมาใช้ บางสารถึงขั้นปรุงเอง ทำเอง กรองเอง กลั่นเองก็มี เนื้อกลิ่นมีทั้งความสวยงามและโศกนาฎกรรมดำดิ่ง กลิ่นซับซ้อนมาก คนใช้ต้องให้เวลา และใช้เวลาอยู่กับมัน เพราะปะปนกับความเป็นนามธรรมเล็กน้อย อาจจะต้องผ่านน้ำหอมใดๆมาก่อนพอสมควร เป็นงานศิลป์ที่ท้าทายน่าดู
ซึ่งในขณะที่น้องน้อย Strangers Parfumerie มีชื่อคอลฯอย่างเป็นทางการว่า Seduction Collection 2020 แต่บ้าน Parfum Prissana กลับมีชื่อเรียบง่ายสุดสวนทางกับแนวกลิ่นคือ Fall-Winter 2020 อิอิ
ตรงตามคอนเซปต์ที่ต้องไม่ใช่อิงลิชโรสแสนหวาน แต่เป็นกุหลาบตะวันออกกลางที่เผ็ดร้อน คมคาย แล้วจบด้วยเบสของกำยานเผาไหม้ ยางไม้หอมมีค่า ซ่อนกับวนิลาในช่วงท้ายเป็นสายสนับสนุนไม่แสดงตัว
ครั้งแรกที่ดม ใจเรานึกไปถึง Rosa ของ Santa Maria กับ Fleurs de Bulgarie ของ Creed ซึ่งคลุมโทนสง่า และมีความเป็นธรรมชาติแบบที่สกัดได้จากธรรมชาติแท้ๆ ไม่ใช่ Fresh cut rose ค่ะ
แต่พอน้องอีกคนลองกับผิวพบว่ากลิ่นธูปแห้งๆอมหวานสากๆแป้งๆชัดมาก ซึ่งก็ค่อนข้างตรงกับที่กระดาษแต่อย่างไรก็ตาม น้ำหอมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเยอะๆ ก็ควรลองบนผิวเนาะ แล้วจะพบความมหัศจรรย์ของสารหอมธรรมชาติที่จะเปลี่ยนไปตามเคมีบนผิวของแต่ละคน ซึ่งจุดนี้สารหอมสังเคราะห์จะทำไม่ได้ ดังนั้นของบ้านนี้ ทุกกลิ่นควรลองบนผิวก่อนทั้งหมดเลยนะคะ
แฟนๆน้ำหอมจะทราบกันดีว่าคนรัสเซียเนี่ย คลั่งน้ำหอมกันมากนะคะ มีคนเล่นน้ำหอมหนักๆเยอะ ไม่รู้ทำไม
แถมในโลกของน้ำหอมก็ยังแล้วก็ยังมีกลุ่มโครงสร้างแนวกลิ่นโทนคลาสสิคอย่าง Cuir de Russie อีกด้วย ซึ่งเป็นกลิ่นของการใช้น้ำมัน Tar ในการฟอกพวกเครื่องหนัง ถุงมือหนังให้มีความนุ่ม บวกเติมเข้ากับกลิ่นฟลอรัลหนักๆเพื่อกลบกลิ่นเหม็นคาวของหนัง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของโทนกลิ่นที่มีชื่อ”รัสเซีย”ต่อท้ายด้วย
คุณป๋อมเลยใช้แอคคอร์ดของ Cuir de Russie มาปรุงร่วมกับกลิ่นพื้นดินในชนบทที่ชื้นแฉะ มีไม้สนไซบีเรียยืนต้นตาย ไอเย็นในมวลอากาศของที่นั่น พูดง่ายๆก็คือจำลองบรรยากาศของที่นั่นกับโครงกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขามารวมตัวกันในขวดเดียวนี้ กลิ่นนี้จึงกรุ่นกลิ่นมอดไม้ของป่าไม้ กลิ่นหนังสัตว์ กลิ่นของดอกไม้ที่ให้โทนอโรมาติคอย่างลาเวนเดอร์รองหลังไกลๆ
เป็นกลิ่นที่เข้มขรึม คาแรคเตอร์ชัดเจนว่าดุดัน แต่มีเสน่ห์ เพราะมันทั้งขมทั้งไหม้ทั้งหวานปะปนกัน ราวกับถอดบุคลิคชายหนุ่มแข็งกร้าวชาวรัสเซียมาอย่างเต็มกำลังเลย
กลิ่นแนวคลาสสิคชีฟ ปะปนไปกับส่วนผสมใหม่ๆอย่างจำปี กระดังงา มะนาวและเมล็ดยี่หร่า ตามที่ใจคนปรุงอยากปรุงให้มีความต่างจากโทนชีฟอื่นๆดื่นมีในตลาด แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของโทนชีฟหรือชีเปรด้วยโอคมอส
แต่เมื่อกลิ่นเปิดที่มีความซ่าและความสดของมะนาวและพรรณไม้หมดไป กลิ่นกลับพัฒนาให้ออกโทนกลิ่นที่ดมแล้วอุ่นอย่างผิวคนตอนที่ออกกำลังกายหรือตื่นเต้น ดังนั้นกลิ่นนี้หากลองลงบนผิวแล้วจะเซ็กซี่อย่างดิบดำฤษณา เชิญชวนอย่างมีเล่ห์กล ด้วยอานุภาพของชะมดที่ดับคาวแล้ว กับโน้ตถนัดอันเป็นโน้ตประจำตัวของผู้ปรุงคือคูมินหรือเมล็ดยี่หร่า
คนไม่ชอบจะเบือนหน้าหนี แต่คนที่ชอบก็จะหลงใหลคลั่งไคล้เอาจริงๆ เพราะกลิ่นมันลึกและดาร์คมาก (แต่ก็ยังไม่ได้ดาร์คที่สุดที่สุครธกรเคยปรุงขึ้นมานะคะ ดาร์คได้กว่านี้อีกมาก) ยังไงต้องลองบนผิวจริงๆค่ะ
ที่จริงแล้วสุคนธกรตั้งใจสื่อภาพของวัดป่าในภาคเหนือที่ได้พบมา บรรยากาศร่มครึ้มเขียวไปด้วยต้นไทรโบราณ และรูปปั้นของเหราเก่าแก่ที่ปรากฎตรงบันไดโบสถ์ให้ความรู้สึกฉ่ำเย็นแล้วก็ลึกลับชวนขนลุกไปพร้อมๆกัน
ที่เก๋ที่สุดของกลิ่นนี้คือความแปลกใหม่ในการขึ้นกลิ่นให้ขัดแย้งกันอย่างที่โก๋ไม่เคยเจอมาก่อนค่ะคือให้กลิ่นทะเลมาตัดกับกลิ่นแอนนิมอลลิค แปลกจมูกมากจริงๆ เพราะกลิ่นเกลือ กลิ่นทะเลที่ฉ่ำเย็น เหมือนกับพื้นที่ป่าชายเลน หรือป่าอะไรสักอย่างที่รกเรื้อริมหาด มีลมพัดกลิ่นเกลือมาไกลๆ แสนผ่อนคลาย แต่อีกใจเราก็เกิดความรู้สึกว่าเหมือนจะมีสายตาของอะไรสักอย่างมองเรามาจากในป่ารกเรื้อนั้น แล้วก็พลันได้กลิ่นสาปแห้งลอยมาจางๆ
กลิ่น อูด+ทะเลเราก็เจอมาแล้วใน Oud Minérale หรือจะเป็น หนัง+ทะเล เราก็เจอมาแล้วใน Ocean Leather คราวนี้คุณป๋อมเลยชวนไปเจอกับ สาปสัตว์+ทะเล กันเสียหน่อย เป็นกลิ่นสาหร่าย กลิ่นป่า กลิ่นเกลือ กับกลิ่นสไปซี่มายำให้ตัดกับฉึบฉับครื้นเครง ซึ่งทำออกมาได้ดี ทำออกมาได้สวยเลยทีเดียว
ใจโก๋เห็นเป็นมังกรตีน้ำเล่นอย่างผาดโผนก่อนดำลึกลงไปในทะเลสีน้ำเงินเข้ม แบบนั้นเลยค่ะ
มดยอบหรือเมอร์ ยางไม้ล้ำค่าที่ถูกใช้มาก่อนพระคริสต์กำเนิดเสียอีกคือตัวเล่นหลักในกลิ่นนี้ค่ะ ยางไม้เมอร์เมื่อดมเฉยๆจะไม่ค่อยได้กลิ่นนะคะ แต่เมื่อเผาไหม้จะส่งกลิ่นหวานอบอุ่น โล่งคอ เจือโทนมะนาวกับออกทางไม้สนจางๆ หอมละมุนมากมาย พาใจให้สงบ
ส่วนตัวชอบกลิ่นเมอร์อยู่แล้ว พอคุณป๋อมบอกว่ากลิ่นนี้ใส่เมอร์เยอะ ทุนสูงที่สุดในบรรดา เพราะยางไม้เมอร์แท้แพงจริงๆ ก็เลยตั้งใจมากว่าจะต้องลองให้ได้
จับความเอาตามนิยายเรื่องเล่านะคะ ว่ากันว่าพระนางคลีโอพัตราแต่งแต้มร่างกายให้หอมด้วยกลิ่นเผาไหม้ของยางไม้ล้ำค่าอย่างเมอร์ในตอนเข้าพบจูเลียส ซีซ่าร์เป็นครั้งแรก ดังนั้นเมื่อปะหน้ากันไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสื้อผ้า เครื่องประดับ แสงแดด หรือการทาผิวกายของพระนางด้วยทองคำกันแน่ แต่ซีซาร์เห็นร่างกายของพระนางคลีโอพัตรานั้นทอประกายออกมาเป็นรัศมีสีทองสุกสว่าง ประทับใจจนเกิดเรื่องราวยืดยาวมากมาย
คนปรุงจึงตั้งใจสร้างกลิ่นนี้ให้เหมือนเป็นออร่าแห่งกลิ่นสีทองคลี่คลุมร่างกายของผู้ใช้ แน่นอนว่านอกจากใช้มดยอบจำนวนมากแล้ว ยังมีสมุนไพรที่ให้ความหวานอย่างอบเชย กุหลาบ หญ้าฝรั่นรองหลังมาด้วย และยังไม่ขาดคูมินอันเป็นโน้ตถนัดโน้ตประจำตัวของผู้ปรุงอีกด้วย...ซึ่งข้าพเจ้าเกลียด อิอิ
แต่แปลกที่หลายตัวที่คุณป๋อมปรุงคูมิน ข้าพเจ้ากลับทนได้ ไม่เกลียด หรือชอบไปเลยก็มีอย่าง Sloth ของ Zoologist ข้าพเจ้าก็ชอบ หรือ Nefer ก็ชอบ แปลกใจตัวเองเหมือนกัน อาจจะเพราะมันอยู่ไม่นานกระมังคะ แป๊บเดียวก็จางไป ทิ้งไว้แต่กลิ่นออกหวานโล่งของยางไม้อำพัน งามจริงๆ
ว่ากันโดยภาพรวมนะคะ คอลเลคชั่นนี้ยังคงทิ้งลายเซ็นของคุณป๋อมไว้อย่างเต็มเปี่ยมและทรงพลัง ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรใหม่นะคะ เพราะเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ การต่อยอดงาน และการพัฒนาแนวกลิ่นที่ใหม่ๆต่อเนื่องอย่างเหรานี่เป็นส่วนผสมที่แปลกใหม่จริงๆ ซึ่งก็ตื่นตา แต่ก็เล่นกับโครงสร้างกลิ่นคลาสสิคแบบท้าทายขนบเช่นกัน
ถ้าจะให้แนะนำนะคะ เหรานี่อย่าพลาดเลย แต่สาวิตรีก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้