เปลี่ยนความทุกข์ใจเป็นสุขสงบ ใน 10 วัน ที่คอร์สวิปัสสนา ของ Goenka ศูนย์ธรรมจันทประภา จันทบุรี

ถ้าเพื่อนๆอ่านหัวข้อแล้วจะหวังว่ามีเรื่องปาฏิหาริย์เหนือจริงนั้น คงจะต้องผิดหวังเมื่ออ่านจบนะคะ จริงๆแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น ปาฏิหาริย์ก็คือ จิต เรานั่นเองค่ะ
 
สิ่งที่เราจะแชร์นั้น จะมีประโยชน์ที่เราได้รับ การบริหารจัดการของ Goenka ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ห้องพัก อาหาร โปรแกรม และเรามี check list สำหรับผู้ที่จะไปปฏิบัติให้เป็นแนวทางด้วย  เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ตั้งใจจะไปปฏิบัติ
 
การได้ไปปฏิบัติวิปัสสนาในครั้งนี้ ได้ประโยชน์มากเลยจริงๆ เพราะก่อนไป เรามีปัญหาทุกข์ใจที่ทำให้เราคิดไม่ตก คิดวนไปวนมา หาทางออกไม่ได้ เสียใจอยู่เป็นเดือนๆ แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะเข้าปฏิบัติเพื่อให้ลืมทุกข์นี้นะคะทุกคน เราตั้งใจจองไปปฏิบัติที่นี่ก่อนอยู่แล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องราวปัญหาใหญ่ในชีวิตเราค่ะ และสำหรับเรา ปาฏิหาริย์ ได้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 3 ของการปฏิบัติ
 
ในช่วง 3 วันแรกของการปฏิบัติ นอกจากเราจะต้องปรับตัวกับการนั่งปฏิบัติวันละประมาณ 10 ชั่วโมงแล้ว เรายังมีความทุกข์ใจ ที่มากขนาด นั่งๆไปก็น้ำตาไหล ในหัวคิดแต่เรื่องทุกข์เรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียวตลอด ไม่สามารถปล่อยวางได้ จิตไม่เคยนิ่งไม่เป็นสมาธิเอาซะเลย วันแรกนี่สาหัสที่สุด วันต่อมาก็ดีขึ้นแต่ก็ยังทุกข์และมองไม่เห็นทางออกของปัญหา สิ่งที่คิดจะแก้ปัญหาก็ดูเป็นทางออกที่แย่ แต่เมื่อถึงค่ำของวันที่ 3 ในชั่วโมงการฟังเทศน์ เราเกิดปัญญา ณ เวลานั้น ท่านสอนเรื่อง มรรค์มีองค์ 8 ศีล สมาธิ ปัญญา / กุศลกรรม และอกุศลกรรม การฟังที่มาพร้อมกับการปฏิบัติแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเรา ไม่น่าเชื่อว่าจะบังเกิดผล เราเหมือนได้ปลดล็อคความคิดของตัวเอง ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ 
 
นับจากวันที่ 4 ของการปฏิบัติธรรม ความทุกข์ในใจเราก็เลือนลางลง ภาพความเสียใจที่ฝังอยู่ในหัวเรา ที่เราคิดวนไปวนมา ถึงแม้เราจะหยุดคิดไม่ได้ เราจะห้ามไม่ให้นึกถึงไม่ได้ แต่ว่าเมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้น เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ทุกข์ใจเหมือนเดิมอีกต่อไป เราเข้าใจว่า ความรู้สึกห้ามไม่ได้ แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดปรุงแต่ง อดีตเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดผ่านไปแล้ว กลายเป็นกรรมเก่า แต่การที่เรานำมาคิดทำร้ายตัวเองในปัจจุบัน นับเป็นกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นจากตัวเอง เราแทบไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจเลย มันเป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นเอง ก่อนหน้านี้ใครต่อใครก็พูดแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าคนเจอกับตัวจะลืมได้ง่ายๆ ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากการเพียรเจริญวิปัสสนา จะทำให้เราเข้าใจ และมองภาพความเจ็บปวดในอดีตเหล่านั้น ด้วยใจที่ไม่ทุกข์อีกต่อไป จิตของเราสร้าง ปาฏิหาริย์ นั่นเอง. นอกจากนั้นยังมีความสงบเข้ามาแทนที่ และคิดที่จะเผื่อแผ่สิ่งดีๆ ถึงคนรอบข้างด้วย
 
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการปฏิบัติวิปัสสนาครั้งนี้
1. กิเลสที่สะสมและสะท้อนออกมาในรูปแบบเวทนา มี 2 แบบ
          เวทนาละเอียด --> มาในรูปความยินดี ความพอใจ ซึ่งจะก่อให้เกิดความโลภ ความหลง
          เวทนาหยาบ --> มาในรูปความไม่พอใจ ซึ่งจะก่อให้เกิด ความโกรธ ความพยาบาท ต่างๆ
2. การให้เห็นเวทนา แล้ววางอุเบกขา เป็นการฝึกให้เราละกิเลสทั้ง 2 แบบข้างต้น
3. อุเบกขา คือ การรับรู้ว่ามีอารมณ์/ความรู้สึก ใดเกิดขึ้นในจิตใจ และเราปล่อยไป ไม่ไปใส่ใจใดๆ ยิ่งเอาจิตไปสนใจแม้เพียงน้อยนิด กิเลสจะฟูบานเร็วมาก
4. ไม่มีสิ่งใดเที่ยง อะไรที่เคยทำได้ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ตลอด อะไรที่เคยดีก็ไม่ใช่จะดีได้ตลอด 
5. การปฏิบัติ เวลาที่เรายังปฏิบัติไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่า เราถดถอย แต่เรากำลังจะก้าวหน้า ขอเพียงรู้สติของตน
6. กิเลสที่ฝังแน่น กับ สมองซีกขวา ที่เป็นเรื่องเดียวกัน
    การขจัดกรรมเก่า ช่วยอีกทางจากการ reset สมองซีกขวา นั่นคือ ยอมรับ --> สำนึก --> ให้อภัยผู้อื่นและให้อภัยตนเอง --> ตั้งใจไม่ทำอีก --> วางอุเบกขาต่ออารมณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้
7. ความรู้สึกเป็นสิ่งทีกำหนดหรือบังคับไม่ได้ ห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว 
         - ให้ตั้งสติดูความรู้สึกนั้น ให้รู้เท่าทันอารมณ์โดยไม่คิดเปลี่ยนแปลง โดยไม่รู้สึกผิดที่เราคิดหรือรู้สึกอย่างนั้น
         - อย่าผืน อย่าไปกด อย่าไปบังคับ อย่าไปต่อต้าน เพราะคิดว่ามันไม่ดี 
         - ให้ยอมรับความรู้สึกนั้นของตัวเองให้ได้ (เกิด-ดับ)
         - ควรทำความเข้าใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้น มาจากอะไร พลังกรรม หรือ ความเคยชิน
         - วางอุเบกขาต่อความรู้สึกนั้น ไม่สนใจ ยอมรับว่าเกิดความรู้สึกนั้นแล้วปล่อยไป (เป็นการตัดอารมณ์เชิงลบ และถ้าปล่อยได้ สมองจะไม่จดจำความรู้สึกเหล่านี้ในสมองซีกขวาด้วย)
         - เฝ้าระวังอย่าให้มีการปรุงแต่ง (สังขาร)
8. การทำอะไรผิดพลาดคือผลของกรรมเก่า การยอมรับผิดเป็นกรรมปัจจุบัน (เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก)
9. สติ จะเป็น ตัวควบคุมไม่ให้เกิด กิเลส (จิตใต้สำนึก) โผล่ออกมา
10. กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ทั้ง 3 สิ่งนี้ มโนกรรม น่าเป็นห่วงมากที่สุด เพราะเป็นเจตนา เป็นเหตุให้มีกายกรรม และ วจีกรรมตามมา

11. วิปัสสนา สอนให้รู้ว่า การฝึกสติให้รับรู้ความรู้สึกให้ไว ก็เพื่อ จะได้ปล่อยวางได้เร็ว ให้เข้าใจว่าไม่มีอะไรเที่ยง มีเกิดดับตลอดเวลา จึงให้อยู่กับปัจจุบัน(เพราะอดีตและอนาคตไม่ใช่งานของเรา) ฝึกสติบ่อยๆ จะจับความรู้สึกที่ละเอียดขึ้นได้เร็วและง่าย ก็จะปล่อยวางได้มากขึ้น
 
ขอบคุณหลักสูตร 10 วันนี้ ที่ทำให้เราได้มีสติมากขึ้น และต้องบอกว่าการจัดหลักสูตรและสถานที่ของ Goenka คือ ดีมาก ช่วยเกื้อกูลผู้มาปฏิบัติธรรมทุกทาง ให้มุ่งความสนใจไปที่ความเพียรในการปฏิบัติโดยแท้จริง เราจะขอแจกแจงเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้
 
การจัดการ
1. ระบบบริหารจัดการดีตั้งแต่ตอนสมัคร ทุกคนที่อยากเข้าร่วมการปฏิบัติธรรม ต้องสมัครผ่านเวปไซต์ของศูนย์เท่านั้น หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ทางศูนย์จะแจ้งผลผ่านทาง email
2. Email ที่ได้รับ นอกจากการแจ้งผลว่า รับเข้าร่วมการอบรมและปฏิบัติธรรม แล้ว ยังแนบแผนที่ กำหนดการ รายละเอียดหลักสูตร ข้อควรรู้เบื้องต้น  check list ของที่ควรนำติดตัวไป และวิธีการเดินทาง อีกด้วย
3. ใกล้วันเข้าอบรม เจ้าหน้าที่ทางศูนย์จะโทรมา confirm และถามเรื่องการเดินทางอีกครั้งหนึ่ง
 
สถานที่โดยรวม ที่ศูนย์ธรรมจันทปภา บรรยากาศดีมาก  มีที่จอดรถพร้อมกับหลังคากันแดดให้ อาคารสำหรับลงทะเบียนอยู่ด้านหน้าเลย มีเรือนทานอาหาร เรือนปฏิบัติธรรมรวม และเรือนพักแยกชายหญิง บริเวณโดยรอบ ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น สบายตา มีการรักษาความสะอาดอย่างดี ทุกคนที่ไปเข้าร่วมการอบรมก็จะช่วยกันดูแลสถานที่ให้สะอาดอยู่เสมอ
       ระหว่างการอบรม จะแยกชายหญิงกันชัดเจน ภายในห้องทานอาหารก็จะปิดม่านกั้นเขตชายหญิง ให้ไม่สามารถมองเห็นกัน ทางเข้าห้องปฏิบัติรวมก็แยกทางเข้าชัดเจน และไม่เห็นกันเช่นกัน
 
สถานที่ในห้องปฏิบัติธรรมรวม
1. แยกชายหญิง ด้วยการกั้นพรม และทุกคนต้องอยู่ในความสำรวม ไม่พยายามสื่อสารกันไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ จะมาสะกิดกัน หรือแอบส่งภาษามือ หรือแม้แต่ส่งสายตากันก็ไม่สมควรนะคะ
2. ติดแอร์ อุณหภูมิกำลังดี ไม่เย็นจนเกินไป
3. เน้นเรื่องความสะอาดสอ้านที่สุด (ประทับใจขั้นสุดเช่นกัน)
4. อาสนามีรองรับหลายรูปแบบ และมีหมอนเสริมสำหรับ หนุนเข่า วางมือ รองหลัง รองเท้า ได้ตามความต้องการ
5. สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพ สามารถขอเก้าอี้ทดแทนการนั่งพื้นได้
 
โปรแกรมการปฏิบัติ
1. ในช่วงปฏิบัตินี้ ผู้เข้าอบรมทุกคนจะต้องฝากโทรศัพท์ทุกเครื่อง และเครื่องมือสื่อสารทุกประเภทไว้ และห้ามมีการสื่อสารกันทุกกรณี 
2. ทุกวันจะเริ่มปฏิบัติตอน 04:30 - 21:00 โดยจะมีช่วงพัก ทานอาหารเช้า อาหารกลางวัน และช่วงเย็น 
       - ตารางปฏิบัติจะมีติดไว้ในห้องพัก
       - และบางวันตารางปฏิบัติอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่จะติดแจ้งไว้ในห้องอาหาร
3. ในช่วงเวลาปฏิบัติผู้เข้าอบรม สามารถเลือกที่จะปฏิบัติที่ห้องพักส่วนตัว หรืออาคารปฏิบัติรวมก็ได้ ยกเว้นบางชั่วโมงที่อาจารย์จะให้เข้าปฏิบัติร่วมกัน
4. โปรแกรมการฝึกอบรม สำหรับเรามองว่าได้ออกแบบมาอย่างดี ให้เราได้ปรับตัว ทั้งในแง่ร่างกาย และ จิตใจ คือ ค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละวัน  แต่ได้ผลเต็มที่
 
ห้องพัก
     สำหรับนักเดินทางที่เน้นความสะดวกสบายและความสะอาดอย่างเรา มองว่าห้องพักที่ทางศูนย์เตรียมไว้ให้ มีความพร้อมครบถ้วน คือ เป็นห้องพักเดี่ยว ที่มีห้องน้ำในตัว สะอาด และสงบ
     ตอนเราไป ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดไว้จากผู้ปฏิบัติรุ่นก่อน เราก็ทำความสะอาดเพิ่มเติม และตอนจะกลับขอให้ผู้ปฏิบัติทุกท่านทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อให้ผู้เข้าปฏิบัติรุ่นต่อไปเข้าพักอย่างสะดวกสบาย
รายการที่ศูนย์จัดเตรียมไว้ให้ในห้องพักนะคะ​ (ไม่แน่ใจว่าแต่ละศูนย์จะเหมือนกันหรือไม่)
1. เตียงนอนพร้อมฟูกยางพารา หนาประมาณ 2 นิ้ว
2. หมอนหนุน 1 ใบ
3. ผ้าห่มแบบบาง
4. ไฟฉาย
5. ร่ม
6. เครื่องทำน้ำอุ่น
7. พัดลม
8. ผ้าทำความสะอาด
9. อุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ไม้กวาด ที่ตักขยะ ไม้ถูพื้น อุปกรณ์ขัดห้องน้ำ
10. น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ (ถ้าหมดไปเติมได้ที่ส่วนกลาง)
11. ราวตากผ้า
12. ไม้แขวนเสื้อ และไม้หนีบ
13. ถังน้ำ และถังขยะ
14. เก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิง 
 
อาหาร
      อาหารที่ศูนย์นี้ รสชาติถูกปากเรามาก เกือบจะทุกมื้อ มีเพียงแค่มื้อเดียวที่เราไม่ถูกปาก บางมื้อนี่อยากจะทานแล้วทานอีกจริงๆ ต้องขอบคุณแม่ครัวที่อาสามาทำอาหารให้พวกเราได้ทาน ให้เราได้อิ่มท้องและมีความสุขจากรสชาติ จะปล่อยวางก็ไม่ได้เพราะติดในความอร่อยนี่แหละค่ะ
      โดยปกติ จะทานอาหาร 2 มื้อ คือ มื้อเช้า และมื้อกลางวัน แต่สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่จะสามารถทานอาหารเย็นได้ โดยทางศูนย์จะเตรียมของว่างไว้ให้ อาจจะเป็นขนมปัง หรือขนมขบเคี้ยว ผลไม้ เครื่องดื่มต่างๆ
 
ธรรมบริกร  เป็นอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยงาน ทุกคนดูมีใจเมตตา พร้อมช่วยเหลือมาก และมีมาช่วยในหลายหน้าที่ด้วยกัน ตอนปิดคอร์ส มีการรับอาสาสมัครมาเป็นธรรมบริกรด้วย
 
Check List ที่ควรเตรียมไป
1. เสื้อ กางเกง ใส่สบายไม่รัด เพราะต้องนั่งนาน 
       - ไม่จำเป็นต้องสีขาว แต่ควรให้สีสุภาพ
       -ไม่จำเป็นต้องเอาไปให้ครบวัน เพราะมีอุปกรณ์ให้ซักผ้าได้ในห้องนอน และมีบริการรับซักรีด ส่งวันนี้วันรุ่งขึ้นหรือวัดถัดไปได้ผ้าแล้วค่ะ
2. ผ้าคลุมไหล่ หรือคลุมเข่า สำหรับผู้หญิง เผื่อแอร์เย็น และให้สุภาพ
3. หน้ากากปิดจมูก
4. ยาประจำตัว ยาแก้แพ้ แก้ท้องอืด ยาดม ยาทาแก้แมลงกัด แก้คัน 
5. อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย (สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน)
6. ผ้าเช็ดตัว
7. ไดร์เป่าผม
8. หมอน (ทางศูนย์มีให้นะคะ แต่สำหรับคนที่นอนยาก อาจจะเตรียมส่วนตัวไป แบบหมอนเล็กๆค่ะ)
9. ผ้าห่ม (ผ้าห่มที่ศูนย์เตรียมให้จะบาง สำหรับผู้ที่ไปช่วงหน้าหนาว หรือขี้หนาวอาจจะเตรียมไปเผื่อค่ะ)
10. กระดาษทิชชู / ทิชชูเปียก 
11. กระติกน้ำ -เอาไว้ใส่น้ำจากห้องอาหารกลับมาดื่มที่ห้องได้ โดยเฉพาะตอนเย็นมีน้ำปาณะ มีน้ำแข็งบริการ แต่กระติกน้ำหรือขวดน้ำไม่สามารถนำเข้าห้องปฏิบัติได้นะคะ
12. นาฬิกาปลุก (จริงๆศูนย์ที่ไป มีไว้ให้ แต่อาจจะไม่พอทุกห้อง) ส่วนตัวไม่ได้ใช้เลยเพราะว่ามีเสียงระฆังเตือนตลอดอยู่แล้ว
13. การบูร หรือ แป้งฝุ่นไว้ไล่มดแมลง
14. รองเท้าแตะไว้ใส่ในห้อง
15. ถุงขยะ (ตอนที่ไปศูนย์เตรียมให้ แต่ไม่แน่ใจว่าทุกศูนย์จะเหมือนกันไหมนะคะ)
16. ผ้าเช็ดทำความสะอาดห้อง / ผ้าเช็ดมือ
17. ผงซักฟอกสำหรับซักผ้าส่วนตัวของเรา
18. Power bank/ สายชาร์จโทรศัพท์ (ใช้วันสุดท้ายที่ได้รับโทรศัพท์คืน)
19. ก่อนถึงศูนย์ให้แวะซื้อน้ำขวด เข้าไปไว้ทาน (จริงๆศูนย์มีตู้น้ำสำหรับเติมน้ำได้นะคะ แล้วแต่สะดวกค่ะ)
20. สำหรับคนที่ไปครั้งแรก หากกังวลว่ามื้อเย็น หรือดึกๆจะหิว จริงๆทางศูนย์เตรียมพวกนมถั่วเหลือง และอาหารว่างไว้ให้รองท้องช่วงเย็นด้วยค่ะ แต่ถ้ากังวลว่าจะทานไม่ได้ ก็ซื้อพวกนมกล่องไปเผื่อก็ได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่