รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 13

กระทู้สนทนา
G.K.Line

          13.

          เสียงประกาศและเสียงดนตรีรื่นเริงจากเครื่องขยายเสียงดังแว่วลอยมาตามลมไม่ขาดระยะ ส่งผลให้ในคืนนี้หมู่บ้านฟ้าใหม่ซึ่งปกติค่อนข้างเงียบสงบดูครึกครื้นขึ้นทันตา นั่นเป็นเสียงของงานประจำปีจากวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในระยะที่สามารถเดินเท้าจากหมู่บ้านไปถึงได้

          เนื่องจากวัดอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน ดังนั้นเมื่อถึงเวลางานบุญหรือทำพิธีทางศาสนา เช่นทำบุญใส่บาตรทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานบวช งานแต่งงาน คนในหมู่บ้านจึงมักพึ่งพาวัดแห่งนี้จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวัดประจำหมู่บ้านก็คงจะไม่ผิดนัก ดังนั้นงานประจำปีของวัดก็เปรียบเหมือนกับงานประจำปีของหมู่บ้านฟ้าใหม่ไปด้วยโดยปริยาย

                เครื่องเสียงพร้อมลำโพงขนาดใหญ่ถูกนำมาติดตั้ง บทเพลงแนวรื่นเริงสนุกสนานถูกนำมาเปิดให้ฟังกันตั้งแต่หัววันเพื่อให้รู้ว่างานประจำปีของวัดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และเมื่อแสงตะวันอ่อนแรงลงไป หลอดไฟหลากสีที่ถูกติดไว้ตามรายทางไปจนถึงพื้นที่วัดก็ติดสว่างขึ้นแทน

                ผู้คนในหมู่บ้านฟ้าใหม่ที่เสร็จจากการทานอาหารมื้อค่ำกันแล้ว หรือบางคนที่คิดจะไปหาของอร่อยใส่ท้องในงาน ต่างก็เริ่มเดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานเป็นกลุ่มๆ คนรู้จักมักคุ้นที่ได้พบกันระหว่างทางก็กล่าวทักทายปราศรัยกันด้วยใบหน้าที่สดชื่นแจ่มใสสมกับเป็นงานบุญประจำปี

                ซุ้มประตูวัดอยู่ไม่ไกลถนนใหญ่เท่าใด มองจากตรงนี้ยังต้องเดินต่อไปตามทางราดยางมะตอยอีกระยะหนึ่ง ถนนเส้นนี้กว้างขนาดรถยนต์สองคันแล่นสวนกันได้ ยามปกติจะเป็นถนนที่ค่อนข้างมืดสลัวเอาการ หากไม่ใช่คนในพื้นที่ก็คงไม่มีใครอยากจะใช้สัญจรตอนที่ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วเป็นแน่

                แต่ด้วยแสงจากหลอดไฟเปิดสว่างอีกทั้งผู้คนที่สัญจรไปมาค่อนข้างหนาตา จึงทำให้ถนนในค่ำคืนนี้ดูไม่เปลี่ยวน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย 

                วิภาดากับศักดาเองก็กำลังใช้เส้นทางนี้เพื่อไปเที่ยวชมงานประจำปีเช่นกัน ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มไปรับหญิงสาวพากันเดินมาที่งาน

                “ยิ้มอะไรคะ พี่ศักดิ์” วิภาดาถามเมื่อสังเกตเห็นว่าเขาแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

                “เอ้อ ไม่มีอะไรหรอก ปกติเห็นวิชอบเดินห้าง พอนึกว่าทำไมวิถึงอยากมาเที่ยวงานวัดแบบนี้พี่ก็อดขำไม่ได้น่ะ” ชายหนุ่มตอบแล้วยิ้มอารมณ์ดี

                “แหม พี่ศักดิ์จะว่าวิติดหรู เป็นคนฟุ่มเฟือยละสิ” เธอหน้าคว่ำกระเง้ากระงอด ทำเสียงดุเข้าใส่

                “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พี่แค่แปลกใจที่เห็นว่าวิติดดินมากกว่าที่คิดเอาไว้เท่านั้นเอง”

                “ก็แล้วพี่ศักดิ์คิดว่าวิเป็นคนติดดินแค่ไหนล่ะคะ หรือคิดว่าวิลอยขึ้นไปสูงบนฟ้าขนาดไหน ฮึ”

                “โธ่ พอเถอะวิ ถามจนพี่คิดไม่ทัน พี่ตอบไม่ถูกแล้วรู้มั้ย”

                ชายหนุ่มชิงตัดบทเพราะรู้ว่าเธอกำลังแกล้งพูดไล่ให้เขาจนแต้มอย่างที่ชอบทำเสมอ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาอย่างคนที่รู้ทันกัน

          วิภาดาเป็นคนเอ่ยปากชวนเขาว่าอยากมาเที่ยวงานวัด เพราะตัวเองไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็กจึงไม่เคยได้เที่ยวชมงานแบบนี้เลยสักครั้ง ในเมื่อเรื่องยากกว่านี้ศักดาก็ยังทำให้เธอได้ แน่นอนที่เรื่องแค่นี้เขาย่อมไม่ปฏิเสธ

                ภายในบริเวณงาน แสงไฟติดสว่างไปทั่วต่างจากวัดเวลาค่ำคืนในยามปกติ พ่อค้าแม่ขายต่างมาออกร้านมากมายจนนับไม่ถ้วน เดินเที่ยวชมงานมาร้อนๆ ก็มีทั้งน้ำเปล่าเย็นๆ น้ำแข็งใส่น้ำหวานให้เลือกซื้อ

                หรือหากเดินดูอะไรต่อมิอะไรจนเมื่อยแล้ว ก็มีโต๊ะจัดไว้สำหรับให้นั่งดื่มกินบริการ เสื้อผ้าและของใช้มากมายจัดวางให้เลือกจับจ่าย ถ้าใครพาเด็กๆ มาด้วยก็มีเครื่องเล่นหลากหลายชนิดไว้คอยเรียกเงินจากบรรดาผู้ปกครองเช่นกัน

                เวทีคอนเสิร์ตอยู่เลยออกมาหน่อย กั้นพื้นที่ไว้ด้วยรั้วพอเป็นพิธี มีคนขายตั๋วยืนอยู่ที่หน้ารั้วพร้อมกับอีกคนที่คอยให้บริการเสื่อเช่าสำหรับนั่งดู ใครที่ต้องการความบันเทิงด้านเสียงเพลงในราคาประหยัดสามารถใช้บริการได้

                เดินเลยจากเวทีคอนเสิร์ตมาอีกเล็กน้อยก็จะเป็นสนามหญ้า ที่ตรงนี้มีคนนั่งล้อมวงกันจำนวนหนึ่งเพื่อดูลีลาการแข่งขันเตะตะกร้อลอดห่วงของแต่ละทีมที่เข้าร่วม พอเตะเข้าห่วงครั้งหนึ่งก็จะได้ยินเสียงเฮดังขึ้นทีหนึ่งเป็นระยะๆ

                สิ้นสุดเขตธรรมทานแถวทางท้ายวัดมีลำคลองสายเล็กๆ  ในวันเพ็ญเดือนสิบสองชาวบ้านจะใช้คลองสายนี้สำหรับงานลอยกระทง แต่ในเวลานี้หลายคนใช้ศาลาริมน้ำในการนั่งพักผ่อนรับลมหลังจากเดินชมงานจนเมื่อยแล้ว

                ศักดาและวิภาดาเริ่มต้นด้วยการไหว้พระปิดทอง กลิ่นธูปควันเทียนลอยอบอวลไปทั่ว พระประธานปางมารวิชัยองค์ใหญ่สีทองอร่ามในโบสถ์ดูสงบเคร่งขรึม แม้จะเต็มไปด้วยผู้คนเดินเข้าออกไปมาไม่ขาดสาย แต่ความสงบร่มเย็นผ่อนคลายกลับแทรกซึมอยู่ในทุกอณูอากาศ จนแม้แต่หญิงสาวที่ไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยยังรู้สึกได้

                หลังตั้งจิตอธิษฐานทำบุญเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็พากันเดินชมบรรยากาศภายในงาน

                ที่บ่อช้อนปลามีคนใช้บริการไม่มาก ปลาในบ่อเคลื่อนไหวคล่องแคล่วเปลี่ยนทิศทางฉับพลันในน้ำ กระชอนกระดาษบางๆ ที่หากแช่ในน้ำนานเกินไปก็จะเปื่อย พอใช้ช้อนตัวปลาก็ขาดจึงทำให้มันดูยากเกินไปเลยไม่ค่อยมีใครอยากจะเล่น

                ที่จริงหลักการของมันมีเพียงสองข้อเท่านั้น คือคาดการณ์การเคลื่อนไหวของปลาตัวที่ต้องการและตักมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาให้กระชอนสัมผัสน้ำน้อยที่สุด แต่การจะทำให้สองข้อนี้เกิดขึ้นต้องอาศัยความช่างสังเกตและความเร็วของข้อมือเป็นสำคัญ

                ทีแรกศักดาคิดจะตักปลาทองสักสองตัวไว้ให้วิภาดาเลี้ยงแก้เหงา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไม่เล่น เพราะคิดว่าปลาเป็นสัตว์ขี้ตกใจง่าย มันอาจจะตายเมื่อเอาไปเลี้ยงได้ไม่นาน

                ซุ้มเครื่องเล่นที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดในทุกยุคทุกสมัยคงหนีไม่พ้นซุ้มยิงปืนจุกน้ำปลา เมื่อตอนยังเป็นเด็กศักดาชอบยิงปืนชนิดนี้มากเพราะอยากเห็นหุ่นที่ตั้งอยู่ในซุ้มพวกนั้นเคลื่อนไหว เขาจะเลือกยิงเฉพาะแผ่นป้ายที่พอยิงโดน ตัวหุ่นในตู้กระจกก็จะเต้นและส่งเสียงร้องออกมา

                ชายหนุ่มชวนแฟนสาวให้ไปยิงปืนจุกน้ำปลาด้วยกัน ปัจจุบันดูเหมือนเกมส์ยิงปืนจุกน้ำปลามีกติกาเปลี่ยนไปตามยุคสมัยอยู่บ้าง กระสุนมีให้แทบนับจำนวนได้ ซึ่งน้อยลงมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ให้เยอะเป็นตะกร้า เป้าที่เป็นแผ่นป้ายไม่มีอีกแล้ว แต่หากยิงถุกหุ่นตุ๊กตายางให้ล้มได้ คนยิงก็จะได้ตุ๊กตาตัวนั้นกลับบ้านไปเลย

                เขาเริ่มจากยิงไปสองนัดแรกเพื่อประเมินวิถีกระสุน ความเอียงและศูนย์ของปืน ก่อนจะยิงนัดที่เหลือไม่พลาดเลยแม้แต่นัดเดียวได้ตุ๊กตามาฝากวิภาดาหลายตัว ในขณะที่หญิงสาวยิงไม่โดนเลยสักนัด

                เมื่อประลองความแม่นกันจนพอใจแล้วก็ถึงคราวหาของมากินเล่น วิภาดาพบว่าอาหารหน้าตาธรรมดาตามแผงขายอร่อยกว่าที่ตาเห็นมาก เธอติดใจไก่ย่างและปลาหมึกเสียบไม้จนถึงขนาดชมไม่ขาดปากขณะกิน

                “สวัสดีครับ คุณหมอ” ศักดาเอ่ยทักทายเมื่อบังเอิญได้พบกับบรรพตในงาน

                นายแพทย์หนุ่มมากับเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง สังเกตเห็นเธอเกาะแขนชายคนข้างๆ ไว้แน่นและทำท่าเหมือนจะหลบอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา เธอตัวเล็ก ผิวขาวจนซีด ดวงตาหลบลงต่ำเหมือนไม่กล้าสบตาใคร ดูแล้วคล้ายคนไม่มั่นใจในตนเองอย่างรุนแรง แต่โดยรวมแล้วเด็กสาวเป็นคนสวยและมีเสน่ห์ดึงดูดทีเดียว

                “สวัสดีครับ เอ้อ คุณ...” อดีตนายแพทย์ค้างคำ พยายามนึกให้ออกว่าคนที่ทักทายเป็นใคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่