[SR] พรีวิว Oneplus 8T 5G พร้อม Snap 865 หน้าจอ AMOLED 120Hz ชาร์จไว WarpCharge 65W !


 
Oneplus ยังคงเป็นค่ายที่หลายๆคนหรือว่าคนที่เล่นมือถือน่าจะรู้จักกันดีเป็นอีกแบรนด์ที่ทำมือถือออกมาได้น่าใช้งานเทียบสเปกราคา และทำได้ดีอันดับต้นๆอยู่เสมอแม้ว่าหลังๆอาจจะมีก้าวข้ามไปสู่เรือธงเต็มที่แต่ก็ยังมีการออกรุ่นกลางสเปกแรงออกมาให้ใช้งานอย่างเช่น 7T ก่อนหน้านี้ และในครั้งนี้เองนั้นทาง Oneplus ได้สานต่อมาจนถึงรุ่น 8T ที่ออกมาพร้อมกับสเปกที่แน่นๆในหลายๆจุดแต่ทำราคาได้จับต้องง่ายเช่นเดิม ทั้งการใช้งาน Snapdragon 865 5G รองรับหน้าจอ  120Hz AMOLED แบบรุ่นพี่รวมถึงการให้ที่ชาร์จไว WarpCharge 65W มาในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่มเติม รวมถึงใช้งาน Android 11 มาให้เลย และรองรับการอัปเดตที่ไวและลื่นไหลอันดับต้นๆของ Android ด้วยกันทำให้แบรนด์นี้ยังคงมีความน่าเล่น น่าใช้งานและเป็น Android Device ที่มีความลื่นไหล เสถียรมากๆตัวนึงเลย
 

 

 
OnePlus 8T 5G ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.55 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 120Hz โดยมาพร้อมฟีเจอร์ Always on และใช้กระจก Gorilla Glass แบบแบนที่ได้รับคะแนน A+ จาก DisplayMate อย่างไรก็ดีกล้องหน้าแบบเจาะรูจะมีความละเอียดอยู่ที่ 16MP และใช้เซนเซอร์ Sony IMX471 ภายในตัวเครื่องจะใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 865 ที่มาพร้อมโมเด็ม X55 5G และมีแท่งกระจายความร้อนขนาดใหญ่กว่ารุ่นทีผ่านมาถึง 285% อีกทั้งยังมีแผ่นแกรไฟต์ช่วยระบายความร้อนด้วย นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อม RAM สูงสุดถึง 12GB และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11 ส่วนกล้องหลัง 4 ตัวจะประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 48MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 + กล้อง ultra-wide 16MP 123 องศา + กล้องมาโคร 5MP + กล้อง monochrome 2MP โดยกล้องบางตัวสามารถใช้ฟีเจอร์ night scape, ถ่ายวิดิโอ portrait รวมทั้ง video tracking ได้ ตัวเครื่องด้านหลังจะทำด้วยกระจก ส่วนแบตเตอรี่จะมีจำนวน 2 ก้อนก้อนละ 2,250mAh (รวม4,500mAh) และรองรับชาร์จเร็ว 65W ที่สามารถชาร์จแบตตัวสมาร์ทโฟนจนเต็มได้ในเวลา 39 นาที อีกทั้งยังมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิถึง 12 จุดขณะชาร์จทำให้สามารถรักษาระดับการชาร์จให้ปลอดภัยได้ นอกจากนี้ตัวหัวชาร์จยังรองรับการชาร์จ PD 45W ! ส่วนทางด้านราคา และ สีที่ขายในไทยนั้นรอติดตามงานเปิดตัวได้ในวันพรุ่งนี้นะครับ
 

 

 

 
UNBOX
 
ตัวกล่องนั้นใหญ่มาในแนวยาวๆแบบเดียวกับรุ่นของ 8 เขียนเลข 8T สีแดงเด่นเล่นกับตัวอักษรสวยงามเลย และบอกชื่อรุ่นชัดเจน ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมีมาให้คล้ายกับรุ่นเดิมทั้งหมด ไม่ได้แตกต่างอะไรกับ 8 Pro ก่อนหน้านี้เลย
 
    - ตัวเครื่อง Oneplus 8T
    - ที่ชาร์จ WarpCharge 65W (ที่เปลี่ยนจากเดิม)
    - สายชาร์จ Type-C TO Type-C (ที่เปลี่ยนจากเดิม)
    - สติกเกอร์ 1+
    - คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
    - จดหมายจาก CEO
    - ฟิล์มกันรอยติดมาให้เลยจากโรงงาน
    - ไม่มีหูฟัง และ ตัวแปลง3.5มม.
 

 

 
สายชาร์จนั้นเป็นแบบ Type-C To Type-C ที่รองรับ WarpCharge 65W ไม่ต้องซื้อเพิ่ม และแน่นอนว่าเปลี่ยนจากเดิมเยอะทั้งงานออกแบบ และพอร์ตที่ใส่มา และยังคงเป็นสายสีแดงแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆรวมถึงมีที่หุ้มมาให้ตรงปลายสายต่างๆ และ ที่เด่นๆคือที่ชาร์จนั้นใหญ่ และ มีเขียนบอกว่ากำลังไฟเท่าไรครับ สำหรับ 65W และรองรับ PD 45W  ในการชาร์จให้อุปกรณ์อื่นๆได้เลย อีกทั้งใช้งานกับ WarpCharge รุ่นก่อนๆได้ทั้งหมดเลยนั้นเองคุ้มๆเลย
 

 
DESIGN
 
งานออกแบบทางด้าน 1+ 8T รุ่นนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ไม่น่าจะนับจาก 7T 8Pro หรือ Nord เองก็ตาม ในแง่ของการออกแบบรุ่นนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งงานออกแบบส่วนกล้อง และฝาหลังแบบใหม่นั้นเอง กล้องหลังจัดวางเรียงตามสมัยนิยมแอบคล้ายค่ายในเครืออยู่เหมือนกัน พร้อมกับฝาหลังแบบด้าน บางเพียง 8.4mm และน้ำหนักเพียง 188g พร้อมกับหน้าจอแบบ edge-to-edge ขอบบาง และฝาหลังสีสวยๆทั้ง เขียวน้ำเงิน และ เทา บนฝาหลังหลังกระจกด้านแบบ Glossy Glass ทำให้ลดรอยนิ้วมือได้ชัดเจนและสะท้อนแสงที่ทำให้นุ่มนวลมากขึ้น
 

 
ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอ AMOLED สีสันสวยงามสู้แสงได้ดีพร้อมกับสีดำสนิทสวยงามเลยทีเดียวมาในขนาด ขนาด 6.55 นิ้ว (2400  × 1080 พิกเซล) 120Hz Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 1100nits, และใช้กระจก Gorilla Glass  ส่วนงานออกแบบนั้นเป็นแบบเจาะรูเช่นเดิม ดีไซน์ถือว่าไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่การเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอแบบนี้ถือว่าถูกใจแน่นอนหน้าจอสวยและได้ลื่นไหลอย่างมาก
 

 
ขอบหน้าจอด้านบนนั้นทำได้ค่อนข้างบางเป็นที่อยู่ของ ลำโพงสนทนา และ ลำโพงตัวที่ 2 และ เซนเซอร์ต่างๆแฝงไว้ตรงขอบหน้าจอ และมีความบางขึ้นเยอะอยู่ รุ่นนี้เป็นแบบเจาะรู ใช้กล้องกล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS  เซนเซอร์ตัวเดิมเลยนั้นเองตัวเดียวกับ 1+8 Pro ก่อนหน้านี้เลย
 

 
ขอบด้านล่างหน้าจอตัวนี้ต้องบอกว่าทำได้บางมากๆ เรียกได้ว่าบางเกือบจะเท่าขอบด้านอื่นๆแล้ว และในการคุมนั้นสามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอ หรือ เป็นปุ่มปกติได้ครับ ในส่วนของสแกนนิ้วนั้นอยู่ตรงกลางด้านล่างหน้าจอ
 

 
ขอบทางด้านขวานั้นเราจะเห็นว่าเป็นปุ่ม Power สำหรับการเปิด/ปิดเครื่อง และ ปุ่ม สไลด์สำหรับเปลี่ยนโหมดเสียง เงียบ สั่น หรือ เสียงดัง เป็นเอกลักษณ์ของทาง Oneplus ที่ยังคงใส่เข้ามาให้ในทุกรุ่นของค่ายนี้ครับใช้งานสะดวก
 

 
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นตัว ขีดเสาสัญญาณ และ ไมค์สำหรับตัดเสียง และ บันทึกเสียงตัวที่ 2 ที่ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน และจะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกมามากเท่ากับรุ่นก่อนแล้วจุดนี้ถือว่าทำได้ดีพอสมควร
 

 
ขอบเครื่องทางซ้ายมือนั้นเราจะเห็นว่าเป็นปุ่มเพิ่ม ลด เสียงเท่านั้นพร้อมกับขอบโครเมี่ยมทั้งหมดสีเงินสวยงาม และฝาหลังจะโค้งลงมากินขอบเครื่องด้านข้างด้วยเช่นกันทำให้จับได้ถนัดและส่งผลถึงงานออกแบบด้วย
 

 
ขอบด้านล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของลำโพงตัวที่ 1 เป็นลำโพงหลักพร้อมกับ รู USB Type-C  และ ช่องสำหรับไมค์เสียง บันทึกเสียงเวลา คุยโทรศัพท์ต่างๆ และถาดซิมก็ใส่เข้ามาให้ตรงนี้พร้อมกับการรองรับ Dual SIM
 

 
ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าเป็นงานออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งวัสดุฝาหลังแบบด้านและใช้งานกล้องหลังดีไซน์ใหม่วางไว้มุมซ้ายเครื่องพร้อมกับเรียงกล้องแบบใหม่ แม้จะคล้ายรุ่นอื่นในเครือญาติก็ตาม แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้างในต่างๆเพิ่มเติม รวมถึงการจัดวางกล้องก็ไม่เหมือนกัน ส่วนมีความหนาขึ้นมานิดหน่อยไม่เยอะมากนัก รวมถึงโลโก้ใหม่ และ ฝาหลังก็จัดวางได้อย่างลงตัว สะท้อนแสงสวยงามและป้องกันลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดีเลยแหละ
 

 
กล้องหลังนั้น กล้องหลัง 48MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586, ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ OIS + EIS Hybrid stabilization + กล้อง ultra-wide 123 องศา 16MP (f/2.2) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX481  + กล้องมาโคร 3ซม. 5MP + กล้องจับความลึก 2MP การจัดวางเรียงกันแบบใหม่ทำให้ระยะการใช้งานได้ดีขึ้น พร้อมกับไฟแฟลช ตรงกลาง และ ส่วนสีขาวบนสุดนั้นจะเป็น  flicker detection sensor สำหรับจับการกระพริบของไฟต่างๆ ไม่ได้มีไฟแฟลช 2 ตำแหน่งนะครับ ไว้สำหรับ
 
SPEC
 
    - หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+, 402 ppi, อัตราส่วน 20:9, มีรีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR 10+, ความสว่าง 1100 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass
    - ชิปประมวลผล Snapdragon 865 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 650
    - RAM LPDDR4X 8GB + storage (UFS 3.1) 128GB / RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB
    - Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11
    - ซิมคู่ (nano + nano)
    - กล้องหลัง 48MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586, ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ OIS + EIS Hybrid stabilization + กล้อง ultra-wide 123 องศา 16MP (f/2.2) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX481  + กล้องมาโคร 3ซม. 5MP + กล้องจับความลึก 2MP, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow motion 720p ได้ที่ 480fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 240fps
    - กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS
    - เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
    - ขนาดตัวเครื่อง: 160.7×74.1×8.4mm; น้ำหนัก: 188 กรัม
    - ใช้พอร์ต USB Type-C, ลำโพง Stereo คู่, Dolby Atmos
    - รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax 2X2 MIMO, Bluetooth 5.1, GPS (L1+L5 Dual Band) + GLONASS
    - แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่รองรับ Warp Charge 65W
 

 

 
SCREEN
 
หน้าจอมาพร้อมกับขนาด ขนาด 6.55 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ รองรับ HDR 10+, resolution 1080×2400, pixels 402 ppi ให้สีที่แม่นยำด้วยการการันตีค่า JNCD under 0.55 และประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วยวัสดุหน้าจอ panel’s advanced E3 material นอกจากนี้ยังมีการรองรับช่วงสีแบบ full DCI-P3color gamut ช่วยในประหยัดพลังงานสำหรับการใช้งานบนหน้าจอและลดแสงสีฟ้า มาพร้อมกับ ขอบหน้าจอที่บาง และสามารถปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,100 nits  ถือว่าในการใช้งานความสดของสีทำได้ดี ดำก็สนิทเข้มสู้แสงได้สบายด้วย พร้อมกับสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ และ Always On ก็มีมาให้ใช้งานครับ คุณภาพความลื่นไหลมากกว่าเดิมแบบชัดเจน ถ้าเทียบกับ 60Hz 90Hz รุ่นก่อนๆครับและความสดมิติของภาพมันดีขึ้นกว่าเดิมมิติโหดมากๆอันนี้ชอบ รวมถึงความลื่นไหลทำออกมาดีได้ด้วยทำให้มันได้เรื่องของความละเอียดความสวยมาเต็ม และเป็น AMOLED ด้วยที่สำคัญทั้งความลื่นไหล ความสวยงามนั้นดีกว่าหน้าจอ IPS 120Hz ชัดเจนครับหลายๆคนนั้นน่าจะชอบหน้าจอแบบนี้
 

 
ANTUTU
 
Oneplus 8T 5G นี้ใช้งาน Snapdragon 865 5G รองรับ 5G และ RAM 12GB  รวมถึงใช้งาน UFS 2.1 ในความจุขนาด 256GB แน่นอนว่าช่วยในเรื่องของการเรียกแอป รวมถึงการดูรูปต่างๆทำงานได้ไวขึ้นแน่นอน ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบนั้นทำไปได้ที่ 581K  ก็ถือว่าแรงพอสมควรเลยแหละ เรื่องความแรงเล่นเกมใช้งานนั้นสบายๆ และเมื่อเทียบกับเรทราคานั้นต้องบอกว่า สเปกที่ให้มาทั้งเรื่องของการรรองรับ 5G และความแรง ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่คุ้มค่า และสบายมากในการใช้งานจริง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทั่วไป และ การทำงานได้หลากหลาย
 
ชื่อสินค้า:   Oneplus 8T 5G
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่