[SR] พรีวิว ONEPLUS 9 5G น้องเล็ก จอ 120Hz + Snap 888 กล้องร่วมมือกับ Hasselblad !


 
ONEPLUS ได้เปิดตัวเรือธงของตัวเองในปีนี้เรียบร้อยทั้ง ONEPLUS 9 และ ONEPLUS 9 PRO สานต่อเรือธงของค่ายตัวเองอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้เรียกเสียงกระแสได้ดีอย่างมากในความร่วมมือกับแบรนด์ผู้ผลิตกล้องระดับโลกที่มีตำนานมาอย่างยาวนานมากๆ คือ HASSELBLAD นั้นเองบอกเลยว่าหลายๆคนจับตามองแน่นอนครับ เป็นแบรนด์กล้องที่เอาไปถ่ายบนดวงจันทร์รวมถึงราคากล้องปกตินั้นแสนขึ้นแน่นอน เมื่อมาอยู่บนมือถือหลายๆคนคงคาดหวังกันไว้เยอะอย่างมากในเรื่องกล้อง ส่วนสเปคอื่นๆก็จัดเต็มเช่นเดิมไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz การชาร์จไว 65W การใช้งาน Snapdragon 888  งานออกแบบวัสดุอะไรนั้นยังคงทำได้ดี แต่ครั้งนี้เราจะมาพรีวิวกันในรุ่นน้องเล็ก ONEPLUS 9 นั้นเอง แม้ว่ากล้องจะไม่ได้มี เทเล หรือ ใช้เซนเซอร์ใหม่ แต่การปรับแต่ง Software ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะครับ เมื่อได้รับความร่วมมือกับ HASSELBLAD นั้นเอง เราจะมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับตัวนี้
 

 

 
ONEPLUS 9 จะมาพร้อมกับ  หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้วความละเอียด FHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR10+, อัตราส่วน 20:9 ที่มีกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX471 กล้องหลังมีจำนวน 3 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 48MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX689 ตัวเดียวกับใน OnePlus 8 Pro + กล้อง ultra-wide 50MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 และมีความโค้งแบบพิเศษทำให้ลดความบิดเบี้ยวของภาพถ่ายลงจนเหลือเพียง 1% เมื่อเทียบกับกล้อง ultra-wide ทั่วไปที่มีความบิดเบี้ยว 10-20% และกล้อง Ultra wide บน OnePlus 9 ยังสามารถถ่ายภาพมาโครขนาด4ซม.ได้ + กล้อง monochrome 2MP ภายในตัวเครื่องจะเหมือนกับในรุ่น Pro คือใช้ชิบประมวลผล Snapdragon 888 ที่รองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ NSA และ SA รวมทั้งมาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ vapor chamber ที่ใหญ่กว่าเดิม และแผ่นแกรไฟต์และทองแดงสำหรับลดอุณหภูมิขณะเล่นเกม นอกจากนั้นยังมาพร้อม RAM 12GB และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11 ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 4,500mAh (2,250mAh จำนวน 2 ก้อน) ที่รองรับ Warp Charge 65W ที่สามารถชาร์จแบตจนเต็มได้ในเวลา 29 นาที และรองรับการชาร์จแบบ PD 45W ที่รองรับการชาร์จกับแล็บท็อปหรือแทบเล็ตได้ และตัวเครื่องที่วางขายในอเมริกาเหนือและยุโรปสามารถรองรับการชาร์จไร้สาย Qi ได้ 15W
 

 

 
ก่อนอื่นต้องบอกว่าในไทยยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะขายเท่าไร หรือว่าจะขายช่วงไหนนะครับ เลยเอามาเล่นพรีวิวคร่าวๆกันก่อนรีวิวเต็มนะ ตัวกล่องแน่นอนว่าสวยงามแดงเด่นเช่นเดิมพร้อมกับครั้งนี้เราจะเห็นเขียนว่า ONEPLUS 9 CO DEVELOPED WITH HASSELBLAD ในด้านล่างแค่นี้ก็ กินขาดแล้วครับ รวมถึงมีการเขียนโลโก้ข้างๆ และเมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะเห็นคำว่า HASSELBLAD ต่อเนื่องใต้โลโก้ ONEPLUS เวลาเปิดบอกเลยว่าดูสวยงามเอาเรื่อง
 

 

 
UNBOX
 
เมื่อแกะกล่องออกมาเราจะเห็นมือถือวางไว้พร้อมกับกล่องสีแดงบางๆสำหรับใส่คู่มือการใช้งาน ใบต่างๆนั้นเองซึ่งแอบแปลกใจว่าครั้งนี้ไม่มีโลโก้ สติกเกอร์อะไรใส่เข้ามาแล้วครับ แต่พวกตัวเคส หรือ ที่ชาร์จ สายชาร์จให้มาครบ
 
- ONEPLUS 9 
- เคสใส TPU ONEPLUS 9
- ที่ชาร์จ WARPCHARGE 65T USB-C
- สายชาร์จ USB-C สีแดงรองรับ WARPCHARGE 65W USB-C TO USB-C
- คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
 

 
หัวชาร์จนั้นอาจจะไม่ได้ตรงกับของที่จะขายในไทยนะครับเพราะอันนี้จะเป็นหัวทางยุโรปมากกว่าขากลม 2 ขาแบบนี้พร้อมกับการรองรับ 65W ชาร์จไวรวมถึงสายยังใช้งาน USB-C ไป USB-C นะครับแบบสมัยใหม่ทั้งหมดแล้วนั้นเอง รวมถึงตัว ADAPTOR ก็จะเป็นแบบ USB-C แล้วทำให้รองรับการใช้งานได้ไวและดีขึ้นกว่าแบบ USB-A
 

 

 
ตัวเคสที่แถมมานั้นถือว่ามีความสวยอันดับต้นๆของบรรดามือถือเลยแน่นอนว่าครั้งนี้มีความแตกต่างคือใส่ สโลแกนของค่ายมาเน้นๆดูดีและทำให้ดูมีระดับขึ้นมาเยอะครับจากเดิมที่เรียบๆ และขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีแบบขุ่นๆทั้ง 4 ด้านทำให้ดูดีและสวยอีกทั้งมีความพรีเมี่ยมกว่าเดิมเยอะอันนี้ขอชมเลยครับ ส่วนตัวเคสนั้นสามารถคลุมทั้งหน้าและหลังได้ดีระดับนึง มีขอบป้องกันมุมทั้ง 4 ด้านมาให้ทำให้การปกป้องนั้นได้ดีมากกว่ารุ่นก่อนที่จอโค้งนั้นเองทำให้รุ่นนนี้เคสดูดีปกป้องใช้งานได้จริงมากขึ้นและขอบเครื่องขุ่นชัดเจนกว่าเดิมเพราะว่าขอบทั้งหมดทำได้หนาและปกป้องได้ดี
 

 

 
ส่วนด้านหลังก็ปกป้องตัวเครื่องได้ดีและในชิ้นเลนส์ก็ปกป้องได้ระดับนึง เมื่อดูเทียบแนวระนาบจะเห็นว่าตัวเคสนั้นสูงขึ้นจากหน้าจอไม่ได้เยอะมากแต่ก็กินเข้าไปในหน้าจอในระดับนึงก็ยังใช้งานได้ป้องกันได้ดีครับ และตรงมุมเครื่องก็มีความหนาขึ้นมานิดหน่อย แตส่วนจอโค้งนั้นป้องกันได้ยากมากๆครับ ส่วนด้านหลังเลนส์กล้องก็นูนนิดหน่อยเมื่อเทียบจากระยะเลนส์ ถือว่ายังอันตรายอยู่ครับ ไม่ได้นูนขึ้นมาเยอะในส่วนนี้ต้องระวังกันนิดหน่อยในเรื่องการวางใช้งานครับ
 

 

 
DESIGN
 
งานออกแบบตัวนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆทั้งการวางตำแหน่งกล้องรวมถึงวัสดุฝาหลังการเล่นโทนสีต่างๆในรุ่นนี้จะเป็นสีม่วงแต่เมื่อเจอแสงหรือสะท้อนต่างๆนั้นจะเห็นว่าจะออกสีม่วงอ่อนๆหรือโทนฟ้า แต่ถ้ามืดๆมากก็จะเป็นอีกโทนสีนั้นเองถือว่าเล่นแสงสีได้สวยมากๆ ทางการวางกล้องนั้นในมุมซ้ายบนเราจะเห็นว่ามีกล้องที่เรียงกันแบบแยกโซนกันทั้งหมด กล้องเลนส์หลัก และ เลนส์มุมกว้าง และ มีเลนส์โมโนสำหรับจับระยะแยกกัน พร้อมกับ Hasselblad ส่วนน้ำหนักนั้นเราจะเห็นว่าหนาแค่ 8.1มม. และน้ำหนักตัวเครื่องนั้นแค่ 183 กรัมถือว่ากำลังพกพาได้ไม่หนักมาก
 

 
ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอ AMOLED สีสันสวยงามสู้แสงได้ดีพร้อมกับสีดำสนิทสวยงามเลยทีเดียวมาในขนาด ขนาด 6.55 นิ้ว (2400  × 1080 พิกเซล) 120Hz Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 1100nits, และใช้กระจก Gorilla Glass 5 ส่วนงานออกแบบนั้นเป็นแบบเจาะรูเช่นเดิม ดีไซน์ถือว่าไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่การเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอแบบนี้ถือว่าถูกใจแน่นอนหน้าจอสวยและได้ลื่นไหลอย่างมาก
 

 
ขอบด้านล่างหน้าจอตัวนี้ต้องบอกว่าทำได้บางมากๆ เรียกได้ว่าบางเกือบจะเท่าขอบด้านอื่นๆแล้ว และในการคุมนั้นสามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอ หรือ เป็นปุ่มปกติได้ครับ ในส่วนของสแกนนิ้วนั้นอยู่ตรงกลางด้านล่างหน้าจอ
 

 
ขอบหน้าจอด้านบนนั้นทำได้ค่อนข้างบางเป็นที่อยู่ของ ลำโพงสนทนา และ ลำโพงตัวที่ 2 และ เซนเซอร์ต่างๆแฝงไว้ตรงขอบหน้าจอ และมีความบางขึ้นเยอะอยู่ รุ่นนี้เป็นแบบเจาะรู ใช้กล้องกล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS  เซนเซอร์ตัวเดิมเลยนั้นเองตัวเดียวกับ 1+8T ก่อนหน้านี้เลย ยังไม่พัฒนาขึ้นนัก
 

 
ขอบด้านล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของลำโพงตัวที่ 1 เป็นลำโพงหลักพร้อมกับ รู USB Type-C  และ ช่องสำหรับไมค์เสียง บันทึกเสียงเวลา คุยโทรศัพท์ต่างๆ และถาดซิมก็ใส่เข้ามาให้ตรงนี้พร้อมกับการรองรับ Dual SIM พร้อมซีลกันน้ำ
 

 
ขอบเครื่องทางซ้ายมือนั้นเราจะเห็นว่าเป็นปุ่มเพิ่ม ลด เสียงเท่านั้นพร้อมกับขอบโครเมี่ยมสีเดียวกับฝาหลังทั้งหมดสีเงินม่วงๆสวยงาม และฝาหลังจะโค้งลงมากินขอบเครื่องด้านข้างด้วยเช่นกันทำให้จับได้ถนัดและส่งผลถึงงานออกแบบ
 

 
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะไม่เห็นตัว ขีดเสาสัญญาณแล้วซ่อนได้เนียนตามากขึ้น และยังคงมีไมค์สำหรับตัดเสียง และ บันทึกเสียงตัวที่ 2 ที่ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน และจะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกมามากเท่ากับรุ่นก่อนแล้วจุดนี้ถือว่าทำได้ดีพอสมควรลดลงได้บ้างขึ้นเรื่อยๆเลยในจุดนี้ จะเป็นการนูน 2 ระดับอาจจะหลอกตาได้ดีด้วยระดับนึง
 

 
ขอบทางด้านขวานั้นเราจะเห็นว่าเป็นปุ่ม Power สำหรับการเปิด/ปิดเครื่อง และ ปุ่ม สไลด์สำหรับเปลี่ยนโหมดเสียง เงียบ สั่น หรือ เสียงดัง เป็นเอกลักษณ์ของทาง Oneplus ที่ยังคงใส่เข้ามาให้ในทุกรุ่นของค่ายนี้ครับใช้งานสะดวก
 

 
ฝาหลังเปลี่ยนจากวัสดุแบบด้านมาเป็นกระจกเงาเช่นเดิมแล้วพร้อมกับสีม่วงที่แอบสวยเหมือนกันเวลาเจอแสงสว่างมากๆก็จะอมม่วงนิดๆพอสวยครับแต่ถ้าเจอเงาอะไรจะเป็นการคล้ายๆไล่โทนสีจากมืดไปสว่างส่วนบนของเครื่องถือว่าออกแบบมาได้ดี และตัวรอบกล้องนั้นไม่ได้มีการทำสีดำอะไรทำให้เลนส์กล้องนั้นเด่นขึ้นมาครับพร้อมกับโลโก้ HASSELBLAD ด้วยเช่นกัน ฝาหลังนั้นโค้งกำลังดีในขอบซ้ายขวาทำให้จับถนัดมือและถือได้สะดวกมากขึ้น เป็นอีกสีที่สวยและหลายๆคนน่าจะชอบกันออกแนวหนาวๆเล็กน้อยครับสำหรับรุ่น 9 ตัวนี้ ถือว่าสีม่วงกำลังมาในหลายๆตัว และในชื่อเรียกของฝาหลังสีนี้จะเป็น สีม่วง (Winter Mist) นั้นเองครับ และจะมีสีฟ้า และ สีดำให้เลือกด้วยเช่นกัน
 

 
โดยกล้องหลังมีจำนวน 3 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 48MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX689 ตัวเดียวกับใน OnePlus 8 Pro + กล้อง ultra-wide 50MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 และมีความโค้งแบบพิเศษทำให้ลดความบิดเบี้ยวของภาพถ่ายลงจนเหลือเพียง 1% เมื่อเทียบกับกล้อง ultra-wide ทั่วไปที่มีความบิดเบี้ยว 10-20% และกล้อง Ultra wide บน OnePlus 9 ยังสามารถถ่ายภาพมาโครขนาด4ซม.ได้ + กล้อง monochrome 2MP นอกจากนี้ตัวกล้องยังสามารถถ่ายวิดิโอแบบ RAW 12-bit ในโหมด Pro, และมาพร้อมโหมด Nightscape Video 2.0, UltraShot HDR, โหมด Tilt-shift, Video HDR, Video Portrait, Focus Tracking ฯลฯ ให้มาครบเช่นกัน
 
ชื่อสินค้า:   ONEPLUS 9 5G
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่