หลังจาก vivo เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ต่าง ๆ ทั้ง V Series, Y Series และล่าสุดกับ T Series ในปี 2022 นี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซีรีส์ต่อไปที่จะมาสร้างความฮือฮาและเขย่าวงการสมาร์ตโฟนเมืองไทย คงหนีไม่พ้นรุ่นเรือธงอย่าง X Series นำโดย vivo X80 5G มาพร้อมกับสเปกระดับไฮเอนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่หลายๆคนให้ความสนใจโดยเฉพาะคนที่รักการถ่ายรูปต่างๆ เพราะว่ารุ่นนี้ได้มีการพัฒนากันอย่างต่อเรื่องร่วมกับทาง ZEISS ที่จะเน้นไปทางกล้องจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปวิวหรือแม้แต่ถ่าย Portrait ซึ่งมีทั้งการช่วยในเรื่อง Hardware ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบหน้าเลนส์ และ Software ที่จะทำให้การเบลอฉากหลังนั้นเนียนและสวยโดยอิงจากเลนส์จริงๆด้วยเช่นกัน ที่สำคัญยังมาพร้อม vivo Pro Imaging Chip V1+ ชิปที่ปรับแต่งเองจาก vivo ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน และให้การแสดงผลวิดีโอที่โดดเด่นแม้ในสภาพแสงน้อย
PRICE
- vivo X80 PRO 5G เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 39,999 บาท
- vivo X80 5G เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 29,999 บาท
UNBOX
ตัวกล่องยังคงมีความสวยพรีเมียมและออกแบบได้ดีครับ เมื่อเปิดเข้ามาข้างในจะเห็นการเขียนชื่อรุ่นพร้อมระบบกันสั่นให้เข้ามาด้านในพร้อมกับตัวเครื่องวางสวยๆอยู่ด้านในเป็นกล่องที่สวยงามและใส่ใจมากๆตัวนึงในคู่แข่งด้วยกันส่วนอุปกรณ์เองนั้นให้มาครบๆทั้ง หูฟัง ตัวแปลง ที่ชาร์จ และ สายครบพร้อมใช้งานรวมถึงตัวเคสใสแบบพลาสติกแข็ง
- ตัวเครื่อง vivo X80 5G
- เคสแข็ง
- ที่ชาร์จ USB-C รองรับชาร์จไว 80W
- หูฟังพอร์ต USB-C พร้อมจุกหูฟังอีก 2 ขนาด
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
DESIGN
X80 Series โดดเด่นด้วยการจัดวางรูปแบบกล้องแบบ Cloud Window 2.0 ดีไซน์ที่สวยหรู โดดเด่นในทุกมุมมอง หน้าจอโค้งดีไซน์สวยงามแบบ 3 มิติ ขนาดหน้าจอ 6.78 นิ้ว งานออกแบบเรียบหรู พัฒนาต่อยอดจากเดิมได้ดีพร้อมกับเลนส์ขนาดใหญ่และแน่นอนว่ามีโลโก้ ZEISS โดดเด่นเข้ามาทั้งนี้สีต่างๆมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด และยังได้หน้าจอขอบโค้งเต็มตาแน่นอนว่าสวยและทำให้การจับถือนั้นถนัดมือและดูภาพเต็มตามากกว่าจอปกติ จอมีความชัดเจนคมชัดฉบับ E5 AMOLED สีสันสวยสดสมจริง รองรับอัตรา Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 120Hz ส่งผลให้การแสดงผลมีความสมูทตามากขึ้น และยังสามารถปรับอัตรา Refresh Rate แบบอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
vivo X80 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล E5 AMOLED 3D Curved Screen ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2400 พิกเซล : 388 ppi) รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz และรองรับการแสดงคอนเทนต์แบบ HDR10+ บนตัวเครื่องขนาด 164.95×75.23×8.30 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 206 กรัม
มีฝาหลังดีไซน์พรีเมียมแบบ Ultimate Aesthetic ให้ผิวสัมผัสแบบด้านป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี โดยรุ่น vivo X80 5G ที่นำมารีวิวเป็นสีฟ้า (Urban Blue)
ส่วนบนของหน้าจอมาพร้อมดีไซน์รอยเจาะ เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า 32MP เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงเสียง
ส่วนล่างของหน้าจอเป็นซอฟต์แวร์การนำทางระบบ ขอบด้านล่างยังคงเป็นการควบคุมมาตรฐานที่สามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้รวมถึงขอบข้างๆโค้งลงไป ทำให้ขอบบางขึ้น เต็มตามากกว่าเดิม สวยงามและเนียนไปกับหน้าจอได้กำลังสวยเลยแหละ
โดดเด่นด้วยโลโก้ ZEISS พร้อมสัญลักษณ์ T*Coating เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Carl Zeiss AG. เลนส์กล้อง ZEISS ที่จับคู่กับ vivo Pro Imaging chip V1+ รุ่นอัปเกรด สำหรับประมวลภาพ (ISP) ที่ทาง vivo พัฒนาขึ้นเอง สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพของการบันทึกวิดีโอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง vivo X80 5G มีข้อความ Professional Photography พร้อม IR Blaster สำหรับใช้งานแทนรีโมตคอนโทรล และเส้นเสาสัญญาณทั้ง 2 ด้าน และมีรูไมโครโฟนตัดเสียงอยู่
ที่ด้านล่างประกอบด้วย พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา , ลำโพงเสียงตัวหลัก และช่องสำหรับถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Dual-Slot
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีช่องหรือปุ่มสั่งการใด ๆ แต่จะมีเส้นสัญญาณอยู่ 2 ด้าน
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่ม Power เปิด/ปิด เครื่อง และสำหรับล็อกหน้าจอ พร้อมเส้นสัญญาณ 1 เส้น
SPEC
- หน้าจอ E5 AMOLED 6.78 นิ้ว 2400×1080 พิกเซล 120Hz
- สามารถปรับอัตราการรีเฟรชระหว่าง 60Hz ถึง 120Hz
- ชิป MTK Dimensity 9000
- แรม 8GB/12GB LPDDR5
- ความจุ 128GB/256GB/512GB UFS 3.1
- กล้องหลัง ZEISS 3 เลนส์ Main 50MP f/1.75 (OIS) + Ultrawide 12MP f/2.0 + Telephoto 12MP f/1.98 Optical Zoom 2x
- กล้องหน้า 32MP f/2.45
- เซนเซอร์สแกนนิ้วในหน้าจอ
- รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3
- แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 (Funtouch OS)
PERFORMANCE
มาพร้อมชิปแรงๆ อย่าง MediaTek Dimensity 9000 ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพของ CPU ขึ้น 45% และ GPU เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รองรับการใช้งาน 5G ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 925299 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU คะแนนภาพรวมนั้นดีขึ้นแน่นอน และใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆ และการเขียนที่ไวขึ้นส่งผลการทำงานต่างๆในตัวเครื่องได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน นี่ทำคะแนน Antutu เกือบทะลุล้าน ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการ Flagship ส่วน RAM 12GB LPDDR5 และ ROM 256 GB UFS 3.1 รันบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android 12 แน่นอนและใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆ
BATTERY
แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W Flash Charge แบบผ่านสาย การชาร์จไวที่มากกว่าเดิมเป็นจุดที่สำคัญและส่งผลชัดเจนทำให้เรื่องของการชาร์จก็ไวขึ้น แบตอยู่ได้ทั้งวันมากกว่าเดิม 10-100% เท่าที่ทดสอบด้วยเลยว่าใช้งานเวลาการชาร์จได้ 1 ชั่วโมงเป๊ะๆ แม้ความจุมากกว่าเดิมแต่ทำได้ไวไม่ต่างกัน และ ในส่วนการใช้งานนั้นทั้งวัน 12 ชั่วโมง หน้าจอเปิด 6 ชั่วโมง ใช้งานหนักมาก แบตเหลือ 10% ครับ ถือว่าใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆมีเล่นเกม ดูหนังยาวๆ และเปิดใช้งานทั่วไปถือว่าตอบโจทย์สำหรับสายใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้ดีมากและชาร์จเข้าไวกว่าเดิม
CAMERA
vivo X80 5G ติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก เซนเซอร์ Sony IMX866 ความละเอียด 50MP และมีระบบกันสั่นแบบ OIS, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 32MP ดีไซน์กล้องหลังเรียกว่า Cloud Window 2.0 โดยมีกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีพื้นผิวสะท้อนเงา จัดวางกล้อง 3 ตัว ไว้ในกรอบวงกลม ข้างกันเป็นตำแหน่งของแฟลช LED และได้รับการรับรองตามมาตรฐานของการเคลือบ ZEISS T* ซึ่งช่วยปรับปรุงให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้ภาพถ่ายมีค่าสีแม่นยำ สีสันสวยงาม สมจริง ที่สำคัญยังมาพร้อม vivo Pro Imaging Chip V1+ ชิปที่ปรับแต่งเองจาก vivo ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน และให้การแสดงผลวิดีโอที่โดดเด่นแม้ในสภาพแสงน้อย
ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันล่าสุด ที่มี User Interface รูปแบบใหม่ โดยยังคงเน้นความมินิมอล เรียบหรู สบายตา และใช้งานง่าย สามารถปรับสีของหน้าจอได้ 3 รูปแบบ Standard (มาตรฐาน) ซึ่งจะเป็นค่าเริ่มต้น, Professional (มืออาชีพ) จะให้แสงโทนอุ่น และ Bright (สว่าง) ซึ่งจะสว่างมากขึ้น สามารถเลือก วอลเปเปอร์, ลักษณะไอคอน, การจัดวางแอปฯ, สี, ตัวอักษรและขนาดตัวอักษร, รวมไปถึงแถบรายการแจ้งเตือน ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เพื่อตรงกับความต้องการ และสามารถดาวน์โหลดมาเพิ่มจากทางออนไลน์ก็ได้
[SR] รีวิว vivo X80 5G จัดเต็ม กล้องโหด ZEISS Co-Engineered จอ 120Hz และ MTK DIMENSITY 9000 ตัวแรง !
หลังจาก vivo เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ต่าง ๆ ทั้ง V Series, Y Series และล่าสุดกับ T Series ในปี 2022 นี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซีรีส์ต่อไปที่จะมาสร้างความฮือฮาและเขย่าวงการสมาร์ตโฟนเมืองไทย คงหนีไม่พ้นรุ่นเรือธงอย่าง X Series นำโดย vivo X80 5G มาพร้อมกับสเปกระดับไฮเอนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่หลายๆคนให้ความสนใจโดยเฉพาะคนที่รักการถ่ายรูปต่างๆ เพราะว่ารุ่นนี้ได้มีการพัฒนากันอย่างต่อเรื่องร่วมกับทาง ZEISS ที่จะเน้นไปทางกล้องจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปวิวหรือแม้แต่ถ่าย Portrait ซึ่งมีทั้งการช่วยในเรื่อง Hardware ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบหน้าเลนส์ และ Software ที่จะทำให้การเบลอฉากหลังนั้นเนียนและสวยโดยอิงจากเลนส์จริงๆด้วยเช่นกัน ที่สำคัญยังมาพร้อม vivo Pro Imaging Chip V1+ ชิปที่ปรับแต่งเองจาก vivo ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน และให้การแสดงผลวิดีโอที่โดดเด่นแม้ในสภาพแสงน้อย
PRICE
- vivo X80 PRO 5G เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 39,999 บาท
- vivo X80 5G เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 29,999 บาท
UNBOX
ตัวกล่องยังคงมีความสวยพรีเมียมและออกแบบได้ดีครับ เมื่อเปิดเข้ามาข้างในจะเห็นการเขียนชื่อรุ่นพร้อมระบบกันสั่นให้เข้ามาด้านในพร้อมกับตัวเครื่องวางสวยๆอยู่ด้านในเป็นกล่องที่สวยงามและใส่ใจมากๆตัวนึงในคู่แข่งด้วยกันส่วนอุปกรณ์เองนั้นให้มาครบๆทั้ง หูฟัง ตัวแปลง ที่ชาร์จ และ สายครบพร้อมใช้งานรวมถึงตัวเคสใสแบบพลาสติกแข็ง
- ตัวเครื่อง vivo X80 5G
- เคสแข็ง
- ที่ชาร์จ USB-C รองรับชาร์จไว 80W
- หูฟังพอร์ต USB-C พร้อมจุกหูฟังอีก 2 ขนาด
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
DESIGN
X80 Series โดดเด่นด้วยการจัดวางรูปแบบกล้องแบบ Cloud Window 2.0 ดีไซน์ที่สวยหรู โดดเด่นในทุกมุมมอง หน้าจอโค้งดีไซน์สวยงามแบบ 3 มิติ ขนาดหน้าจอ 6.78 นิ้ว งานออกแบบเรียบหรู พัฒนาต่อยอดจากเดิมได้ดีพร้อมกับเลนส์ขนาดใหญ่และแน่นอนว่ามีโลโก้ ZEISS โดดเด่นเข้ามาทั้งนี้สีต่างๆมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด และยังได้หน้าจอขอบโค้งเต็มตาแน่นอนว่าสวยและทำให้การจับถือนั้นถนัดมือและดูภาพเต็มตามากกว่าจอปกติ จอมีความชัดเจนคมชัดฉบับ E5 AMOLED สีสันสวยสดสมจริง รองรับอัตรา Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 120Hz ส่งผลให้การแสดงผลมีความสมูทตามากขึ้น และยังสามารถปรับอัตรา Refresh Rate แบบอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
vivo X80 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล E5 AMOLED 3D Curved Screen ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2400 พิกเซล : 388 ppi) รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz และรองรับการแสดงคอนเทนต์แบบ HDR10+ บนตัวเครื่องขนาด 164.95×75.23×8.30 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 206 กรัม
มีฝาหลังดีไซน์พรีเมียมแบบ Ultimate Aesthetic ให้ผิวสัมผัสแบบด้านป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี โดยรุ่น vivo X80 5G ที่นำมารีวิวเป็นสีฟ้า (Urban Blue)
ส่วนบนของหน้าจอมาพร้อมดีไซน์รอยเจาะ เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า 32MP เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงเสียง
ส่วนล่างของหน้าจอเป็นซอฟต์แวร์การนำทางระบบ ขอบด้านล่างยังคงเป็นการควบคุมมาตรฐานที่สามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้รวมถึงขอบข้างๆโค้งลงไป ทำให้ขอบบางขึ้น เต็มตามากกว่าเดิม สวยงามและเนียนไปกับหน้าจอได้กำลังสวยเลยแหละ
โดดเด่นด้วยโลโก้ ZEISS พร้อมสัญลักษณ์ T*Coating เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Carl Zeiss AG. เลนส์กล้อง ZEISS ที่จับคู่กับ vivo Pro Imaging chip V1+ รุ่นอัปเกรด สำหรับประมวลภาพ (ISP) ที่ทาง vivo พัฒนาขึ้นเอง สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพของการบันทึกวิดีโอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง vivo X80 5G มีข้อความ Professional Photography พร้อม IR Blaster สำหรับใช้งานแทนรีโมตคอนโทรล และเส้นเสาสัญญาณทั้ง 2 ด้าน และมีรูไมโครโฟนตัดเสียงอยู่
ที่ด้านล่างประกอบด้วย พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา , ลำโพงเสียงตัวหลัก และช่องสำหรับถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Dual-Slot
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีช่องหรือปุ่มสั่งการใด ๆ แต่จะมีเส้นสัญญาณอยู่ 2 ด้าน
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่ม Power เปิด/ปิด เครื่อง และสำหรับล็อกหน้าจอ พร้อมเส้นสัญญาณ 1 เส้น
SPEC
- หน้าจอ E5 AMOLED 6.78 นิ้ว 2400×1080 พิกเซล 120Hz
- สามารถปรับอัตราการรีเฟรชระหว่าง 60Hz ถึง 120Hz
- ชิป MTK Dimensity 9000
- แรม 8GB/12GB LPDDR5
- ความจุ 128GB/256GB/512GB UFS 3.1
- กล้องหลัง ZEISS 3 เลนส์ Main 50MP f/1.75 (OIS) + Ultrawide 12MP f/2.0 + Telephoto 12MP f/1.98 Optical Zoom 2x
- กล้องหน้า 32MP f/2.45
- เซนเซอร์สแกนนิ้วในหน้าจอ
- รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3
- แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 (Funtouch OS)
PERFORMANCE
มาพร้อมชิปแรงๆ อย่าง MediaTek Dimensity 9000 ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพของ CPU ขึ้น 45% และ GPU เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รองรับการใช้งาน 5G ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 925299 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU คะแนนภาพรวมนั้นดีขึ้นแน่นอน และใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆ และการเขียนที่ไวขึ้นส่งผลการทำงานต่างๆในตัวเครื่องได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน นี่ทำคะแนน Antutu เกือบทะลุล้าน ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการ Flagship ส่วน RAM 12GB LPDDR5 และ ROM 256 GB UFS 3.1 รันบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android 12 แน่นอนและใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆ
BATTERY
แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W Flash Charge แบบผ่านสาย การชาร์จไวที่มากกว่าเดิมเป็นจุดที่สำคัญและส่งผลชัดเจนทำให้เรื่องของการชาร์จก็ไวขึ้น แบตอยู่ได้ทั้งวันมากกว่าเดิม 10-100% เท่าที่ทดสอบด้วยเลยว่าใช้งานเวลาการชาร์จได้ 1 ชั่วโมงเป๊ะๆ แม้ความจุมากกว่าเดิมแต่ทำได้ไวไม่ต่างกัน และ ในส่วนการใช้งานนั้นทั้งวัน 12 ชั่วโมง หน้าจอเปิด 6 ชั่วโมง ใช้งานหนักมาก แบตเหลือ 10% ครับ ถือว่าใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆมีเล่นเกม ดูหนังยาวๆ และเปิดใช้งานทั่วไปถือว่าตอบโจทย์สำหรับสายใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้ดีมากและชาร์จเข้าไวกว่าเดิม
CAMERA
vivo X80 5G ติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก เซนเซอร์ Sony IMX866 ความละเอียด 50MP และมีระบบกันสั่นแบบ OIS, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 32MP ดีไซน์กล้องหลังเรียกว่า Cloud Window 2.0 โดยมีกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีพื้นผิวสะท้อนเงา จัดวางกล้อง 3 ตัว ไว้ในกรอบวงกลม ข้างกันเป็นตำแหน่งของแฟลช LED และได้รับการรับรองตามมาตรฐานของการเคลือบ ZEISS T* ซึ่งช่วยปรับปรุงให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้ภาพถ่ายมีค่าสีแม่นยำ สีสันสวยงาม สมจริง ที่สำคัญยังมาพร้อม vivo Pro Imaging Chip V1+ ชิปที่ปรับแต่งเองจาก vivo ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน และให้การแสดงผลวิดีโอที่โดดเด่นแม้ในสภาพแสงน้อย
ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันล่าสุด ที่มี User Interface รูปแบบใหม่ โดยยังคงเน้นความมินิมอล เรียบหรู สบายตา และใช้งานง่าย สามารถปรับสีของหน้าจอได้ 3 รูปแบบ Standard (มาตรฐาน) ซึ่งจะเป็นค่าเริ่มต้น, Professional (มืออาชีพ) จะให้แสงโทนอุ่น และ Bright (สว่าง) ซึ่งจะสว่างมากขึ้น สามารถเลือก วอลเปเปอร์, ลักษณะไอคอน, การจัดวางแอปฯ, สี, ตัวอักษรและขนาดตัวอักษร, รวมไปถึงแถบรายการแจ้งเตือน ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เพื่อตรงกับความต้องการ และสามารถดาวน์โหลดมาเพิ่มจากทางออนไลน์ก็ได้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้