Oneplus นั้นได้เปิดตัว 7T ในไทยเป็นที่เรียบร้อยอาจจะต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้มีความน่าสนใจและกระแสดีกว่ารุ่น Pro ที่ออกมาก่อนหน้าแบบรู้สึกได้ด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายมาพร้อมกับสเปคที่ดีและแรงรวมถึงหน้าจอที่อัพเกรดขึ้นมาด้วย ทำให้มันน่าสนใจและหลายๆคนนั้นให้ความสนใจ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบที่ชัดเจนกว่ารุ่นเดิมครับทั้งตัวกล้องด้านหลังและวัสดุอะไรก็สวยงามขึ้นเยอะ สเปคที่ให้มาทั้งตัว Snapdragon 855+ มาพร้อมกับหน้าจอ 90Hz และ เทคโนโลยีชาร์จไว Warpcharge 30T ที่ให้มาก็ต้องบอกว่าไม่น้อยหน้ารุ่น Pro กันเลย แต่มันก็ยังมีส่วนต่างกันอยู่นะ ทั้งเรื่องของกล้อง หน้าจอการออกแบบต่างๆนั้นก็ยังมจุดแตกต่างกันแต่จะเป็นยังไงบ้างทั้งในเรื่องของคุณภาพต่างๆในการใช้งานนั้นไปอ่านรีวิวกันได้เลยครับ รวมถึงการเล่นเกมจะเป็นยังไงมาชมกันเลย
Oneplus7T นั้นเป็นรุ่นเล็กแต่สเปคจัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่ตัว Pro กันเลยมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 855+ พร้อมด้วย RAM 8GB STORAGE 128GB ใช้งาน UFS3.0 และยังมาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ในด้านหลังมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว โดยตัวหลักนั้นจะเป็น กล้อง 48MP f/1.6, OIS รวมถึงมี กล้อง 12MP f/2.2, Ultrawide 117 องศา รองรับ AF และ 16MP f/2.2, 2X TelePhoto และในส่วนของกล้องหน้านั้นให้มาที่ 16 MP, f/2.0 ใช้งานหน้าจอ AMOLED 90HZ Fluid Display มาในขนาด 6.55 นิ้ว แต่มีติ่งหน้าจออยู่ครับ และให้แบต 3,800 mAh รองรับ WARPCHARGE 30T และ ลำโพงคู่ Dolby Atmos มาพร้อมกับ Oxygen OS10 และ Android 10 ครับ ทางด้านสแกนนิ้วก็ได้พัฒนาขึ้นและใช้งานใต้หน้าจอแบบเดียวกับรุ่น 7T Pro เลยนั้นเอง
Oneplus 7T เปิดราคา 17,990 บาท
มาพร้อมสี Frosted Silver และ Glasier Blue ความจุเดียวนะครับ 8/128GB
UNBOX
มา UNBOX ตัวกล่องมือถือกันบ้าง ทางด้านการออกแบบนั้นยังคงเอกลักษณ์แบบเดียวกับตัว 7T Pro ก่อนหน้านั้นครับเป็นเขียนเยอะๆและกล่องโทนสีแดงยาวๆก็ถือว่าเป็นกล่องมือถือที่อินดี้และเท่ที่สุดอันนึงเลยไม่ต้องมีรูปเครื่องอะไรมาโชว์ครับ TEXT ล้วนๆแต่จัดวางอะไรได้สวยและมีแนวคิดที่ดีครับ ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องที่ทุกคนจะได้เวลาซื้อนั้นจะเป็น
- ที่ชาร์จ Warpcharge 30T
- สายชาร์จ USB-C
- เคสใส
- สติกเกอร์
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ฟิล์มกันรอยหน้าจอที่ติดตั้งมาให้แล้วครับ
ตัวเคสที่แถมมาในกล่องนั้นเป็นเคสใสนิ่ม สามารถคลุมได้รอบเครื่องและไม่กัดเครื่องครับ เป็นเคสที่ปกป้องตัวเครื่องได้ดีงามมากๆครับทั้งการออกแบบและวัสดุที่เอามาใช้งาน ตัวเคสสามารถเอาไปใช้งานได้สบายๆโดยสามารถปกป้องหน้าจออะไรได้และรวมถึงด้านหลัง มีการใช้วัสดุที่ดีและมีความหนาที่ตามมุมก็มีขอบที่สูงขึ้นมาเพื่อปกป้องหน้าจออีกทั้งด้านหลังก็ปกป้องเลนส์ได้ดีครับ แต่ด้วยความที่มันเป็นเคสใสนั้นอาจจะทำให้มันเหลืองง่ายเวลาใช้งานไปนานๆตัวขอบมุมหน้าจอทั้ง 4 มุมชอบที่การออกแบบนั้นใส่ใจและตั้งใจมากๆในการทำขอบมุมเครื่องสูงขึ้นเวลาใส่เคสจะช่วยให้เวลาเราวางคว่ำลงไปหน้าจอนั้นจะไม่โดนพื้นอีกทั้งยังมีความสูงพอประมาณแม้จะใส่ฟิล์มกระจกก็ยังปกป้องได้อีกทั้งช่วยในเวลาทำตกได้เป็นอย่างดี
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าได้ชัดเจนที่สุดครับมองแล้วรู้เลยว่ามีการเปลี่ยนแปลง การออกแบบซึ่งหลักๆเลยคือเป็นกล้องหลังและการออกแบบด้านหลังที่ใช้โมดูลแบบวงกลมใหญ่ๆและจัดวางเรียงกล้อง 3 ตัวไว้ด้านในแต่วางแบบแนวนอนปกติครับ ส่วนกล้องหลังนั้นใหญ่มากจริงๆและมีความนูนออกมานิดหน่อยถือว่ามองแล้วรู้เลยว่ารุ่นอะไรแต่การจัดวางน่าจะทำได้สวยกว่านี้ครับ ส่วนตัวหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบติ่งหยดน้ำที่เต็มตามากกว่าเดิมติ่งเล็กลง หน้าจอขอบบางขึ้นครับ และฝาหลังก็เป็นแบบด้านสวยงามพอสมควร
ทางด้านหน้าจอนั้นจะเป็นหน้าจอแบบติ่งหยดน้ำซึ่งจะเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆระหว่าง 7T Pro ครับและในตัวหน้าจอนี้มาพร้อมกับหน้าจอ Fluid AMOLED เช่นกันมาพร้อมความละเอียด FHD+ 90Hz และรองรับ DCI-P3 รวมถึงหน้าจอใช้วัสดุ Gorilla Glass 5 ด้วยถือว่าไม่แพ้รุ่นพี่เลยแตกต่างกันแค่ความละเอียดและดีไซน์เท่านั้น แต่ข้อดีของ7T คือหน้าจอมันเรียบๆไม่มีส่วนโค้งแต่อย่างใดครับ
ทางด้านบนของหน้าจอนั้นเป็นตัวที่อยู่ของกล้องหน้าแบบติ่งหยดน้ำ ซึ่งใส่กล้อง 16MP F2.0 มาให้รวมถึงช่องลำโพงที่ใหญ่และเรียงยาวกว่าตัว 7T Pro พอสมควรและเรื่องของเสียงนั้นดังชัดเจนดีมากๆเลย
ในส่วนของขอบหน้าจอในด้านล่างจะเป็นที่อยู่ในส่วนของปุ่มควบคุมครับ ตัวขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นบางขึ้นเยอะเลยดีไซน์ได้เต็มตามากกว่าเดิมครับ แต่ก็ยังไม่ได้เท่ากับขอบข้างๆที่จะทำได้บางกว่านั้นเอง
ส่วนขอบเครื่องในส่วนบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของไมค์ตัดเสียงครับ และจะเห็นวัสดุเงาสวยงามและฝาหลังโค้งเล็กน้อยครับ
มาที่ด้านล่างนั้นจะเป็นลำโพงตัวหลัก และ ช่อง USB-C รวมถึงไมค์และ ถาดซิม แบบ 2 SIM เพิ่มเมมโมรี่ไม่ได้ครับ
เมื่อมาดูด้านข้างขวานั้นจะเป็นปุ่ม Alert Slider เปลี่ยนเสียง สั่น หรือ เงียบครับ มีพื้นผิวเล็กน้อย และปุ่ม Power นั้นเอง ส่วนมองแบบนี้จะเห็นเลยว่ากล้องหลังนั้นค่อนข้างใหญ่และนูนขึ้นมาในส่วนนี้ต้องระวังกันนิดหน่อยครับ
ในด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และจะเห็นฝาหลังนั้นมีการเอียงลงตรงขอบนิดหน่อยให้จับถือได้ง่ายกว่าแบบเรียบๆครับ
ในด้านหลังนั้นมีการใช้งานวัสดุแบบด้านเล่นกับแสงสีได้สวยไม่เป็นรอยนิ้วมือและทนทานต่อรอยต่างๆได้ดีกว่าแบบเงาครับ โลโก้อะไรวางตรงกลางสวยงาม ส่วนสแกนนิ้วนั้นไปอยู่บนหน้าจอแล้วเรียบร้อย รวมถึงการออกแบบกล้องหลังนั้นเด่นและแปลกตาที่สุดจากรุ่นก่อนหน้าครับ แต่เหมือนจะใช้พื้นที่ใหญ่ไปหน่อยเพราะกล้องแค่ 3 ตัววางตรงกลางแนวนอนจริงๆไม่ต้องทำใหญ่หรือจัดวางแบบ 3 มุมก็น่าจะสวยและลงตัวกว่านี้นิดหน่อยครับและแอบนูนขึ้นมาชัดเจนไปนิดหน่อยเวลาใช้งานแบบไม่ใส่เคสนั้นมันจะรับหน้าที่โดนรอยได้ง่ายที่สุดเลย
ในส่วนของกล้องหลังนั้นมาให้ทั้งหมด 3 ตัววางเรียงแนวยาว มีทั้งเลนส์หลัก 48MP (f/1.6) OIS , เลนส์ซูมออฟติคอล 2x ความละเอียด 12MP (f/2.4), เลนส์ Ultra-wide angle 117 องศา ความละเอียด 16MP (f/2.2) วางเรียงแนวนอน และ ไฟแฟลช รวมถึง เลเซอร์โฟกัสนั้นแทรกอยู่ในวงกลมทั้งหมดเลยครับ และมีเขียนบอกระยะเลนส์จริงๆนั้นคิดว่าจะมีการวางกล้องที่แปลกตากว่านี้ แต่แอบเสียดายว่ามันแค่วางแนวนอนธรรมดาๆ
SPEC
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400) รีเฟรชเรท 90Hz Corning Gorilla Glass 5
- CPU Qualcomm Snapdragon 855+
- RAM 8GB
- ความจุ (UFS 3.0) 128GB ไม่รองรับ MicroSD Card
- กล้องหลัง เลนส์หลัก 48MP (f/1.6) OIS , เลนส์ซูมออฟติคอล 2x ความละเอียด 12MP (f/2.4), เลนส์ Ultra-wide angle 117 องศา ความละเอียด 16MP (f/2.2) วางเรียงแนวนอน
- กล้องหน้า 16MP (f/2.0)
- ระบบเสียง ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม., ลำโพงคู่สเตอริโอ, Dolby Atmos
- สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ขนาด 3,800 mAh รองรับระบบ Warp Charge 30T (เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 23%)
- รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS 10 เวอร์ชันล่าสุด
- สี Frosted Silver, Glacier Blue
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องตัวนี้พกพาความแรงระดับสูงอยู่แล้วด้วย Snapdragon 855 + ที่แรงกว่าเดิม พร้อมกับ RAM 8GB และใช้งานหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ตัวนี้คือเร็วมากๆ และทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 473178 คะแนน เวอร์ชันนี้คะแนนจะเวอร์กว่าเดิมนะครับ * และ Geekbench ได้ไป 769/2702 รวมถึงหน่วยความจำอ่านเขียนไปได้สูงมากๆ ทำความเร็วไปได้ 1,394 MB/s และ DRM L1
SYSTEM UI
Android 10 ที่ครอบด้วย Oxygen OS 10 และหลายๆคนคงทราบกันดีกว่าแบรนด์ OnePlus มักจะได้รับการอัพเกรดซอฟแวร์เร็วเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ Google เท่านั้น และซัพพอร์ตยาวๆเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งตลอด 2 ปีนี้จะได้รับการอัพเกรดใหญ่ๆทั้งหมด (จะอัพเกรดไปถึง Android 11 และ Android 12) และได้รับการอัพเกรดด้านความปลอดภัยไปอีก 3 ปี เป็นรุ่นที่ทำระบบมาค่อนข้างดีมากๆและใช้งานได้ดีอันดับต้นๆของ Android การแจ้งเตือนอะไรทำได้ไวและไม่เจอหน่วงเลย
แน่นอนว่าลากลงมา 1 ครั้งเจอตั้งค่า ลากลงมาอีกรอบก็ เหมือนรุ่นอื่นๆที่ใช้ Android และยังคงหน้าตาแบบเดียวกับทาง 7Pro ก่อนหน้าที่เรารีวิวไปครับผม สำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม สามารถกดเข้าหน้าเคลียร์แอพและกด 3 จุดมุมขวาบนได้เลยครับ
ตัวระบบ ใช้งานได้ 228 ครับ และ RAM 8 GB ใช้ไป 4.8 GB โดยเป็นการนับเฉลี่ย 1 วันที่แอดมินใช้งานปกติครับผม สำหรับทางแป้นพิมพ์ ตัวนี้ใช้ของ G board อันนี้แอดมินชอบสุดละตัวนี้ เรียบสวยและเสถียรมากๆ
ส่วนแถบนำทางนั้นจะมีทั้งหมด 3 แบบคือ แบบ 3 ปุ่มปกติ / แบบ Android 10 / และแบบ Gesture ล้วนครับผม หหน้าจอนั้นรองรับการปรับแต่ง Hz ได้รวมถึงความละเอียดและโทนสีของภาพครับ และในรุ่นนี้สามารถปรับแต่งธีมได้เยอะมาก ทั้งตัว ธีมสีหลัก ธีมสีรองตามตัวอักษร หัวข้อต่างๆเปลี่ยนได้ตามใจเราเลย อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปทรงของแอพ และ ไอคอนได้อีกด้วยครับถือว่ารองรับการปรับแต่งที่หลากหลายขึ้นเยอะและไม่น่าเบื่อด้วยเช่นกัน แต่ยังคงมาในแนวเรียบๆไม่ได้มีพวกตัวการ์ตูนอะไรพวกนั้นครับ
[SR] รีวิว Oneplus 7T สเปค Snap 855+ จอ 90Hz รองรับ Warp Charge 30T ในราคาคุ้มๆ
Oneplus นั้นได้เปิดตัว 7T ในไทยเป็นที่เรียบร้อยอาจจะต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้มีความน่าสนใจและกระแสดีกว่ารุ่น Pro ที่ออกมาก่อนหน้าแบบรู้สึกได้ด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายมาพร้อมกับสเปคที่ดีและแรงรวมถึงหน้าจอที่อัพเกรดขึ้นมาด้วย ทำให้มันน่าสนใจและหลายๆคนนั้นให้ความสนใจ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบที่ชัดเจนกว่ารุ่นเดิมครับทั้งตัวกล้องด้านหลังและวัสดุอะไรก็สวยงามขึ้นเยอะ สเปคที่ให้มาทั้งตัว Snapdragon 855+ มาพร้อมกับหน้าจอ 90Hz และ เทคโนโลยีชาร์จไว Warpcharge 30T ที่ให้มาก็ต้องบอกว่าไม่น้อยหน้ารุ่น Pro กันเลย แต่มันก็ยังมีส่วนต่างกันอยู่นะ ทั้งเรื่องของกล้อง หน้าจอการออกแบบต่างๆนั้นก็ยังมจุดแตกต่างกันแต่จะเป็นยังไงบ้างทั้งในเรื่องของคุณภาพต่างๆในการใช้งานนั้นไปอ่านรีวิวกันได้เลยครับ รวมถึงการเล่นเกมจะเป็นยังไงมาชมกันเลย
Oneplus7T นั้นเป็นรุ่นเล็กแต่สเปคจัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่ตัว Pro กันเลยมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 855+ พร้อมด้วย RAM 8GB STORAGE 128GB ใช้งาน UFS3.0 และยังมาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ในด้านหลังมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว โดยตัวหลักนั้นจะเป็น กล้อง 48MP f/1.6, OIS รวมถึงมี กล้อง 12MP f/2.2, Ultrawide 117 องศา รองรับ AF และ 16MP f/2.2, 2X TelePhoto และในส่วนของกล้องหน้านั้นให้มาที่ 16 MP, f/2.0 ใช้งานหน้าจอ AMOLED 90HZ Fluid Display มาในขนาด 6.55 นิ้ว แต่มีติ่งหน้าจออยู่ครับ และให้แบต 3,800 mAh รองรับ WARPCHARGE 30T และ ลำโพงคู่ Dolby Atmos มาพร้อมกับ Oxygen OS10 และ Android 10 ครับ ทางด้านสแกนนิ้วก็ได้พัฒนาขึ้นและใช้งานใต้หน้าจอแบบเดียวกับรุ่น 7T Pro เลยนั้นเอง
Oneplus 7T เปิดราคา 17,990 บาท
มาพร้อมสี Frosted Silver และ Glasier Blue ความจุเดียวนะครับ 8/128GB
UNBOX
มา UNBOX ตัวกล่องมือถือกันบ้าง ทางด้านการออกแบบนั้นยังคงเอกลักษณ์แบบเดียวกับตัว 7T Pro ก่อนหน้านั้นครับเป็นเขียนเยอะๆและกล่องโทนสีแดงยาวๆก็ถือว่าเป็นกล่องมือถือที่อินดี้และเท่ที่สุดอันนึงเลยไม่ต้องมีรูปเครื่องอะไรมาโชว์ครับ TEXT ล้วนๆแต่จัดวางอะไรได้สวยและมีแนวคิดที่ดีครับ ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องที่ทุกคนจะได้เวลาซื้อนั้นจะเป็น
- ที่ชาร์จ Warpcharge 30T
- สายชาร์จ USB-C
- เคสใส
- สติกเกอร์
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ฟิล์มกันรอยหน้าจอที่ติดตั้งมาให้แล้วครับ
ตัวเคสที่แถมมาในกล่องนั้นเป็นเคสใสนิ่ม สามารถคลุมได้รอบเครื่องและไม่กัดเครื่องครับ เป็นเคสที่ปกป้องตัวเครื่องได้ดีงามมากๆครับทั้งการออกแบบและวัสดุที่เอามาใช้งาน ตัวเคสสามารถเอาไปใช้งานได้สบายๆโดยสามารถปกป้องหน้าจออะไรได้และรวมถึงด้านหลัง มีการใช้วัสดุที่ดีและมีความหนาที่ตามมุมก็มีขอบที่สูงขึ้นมาเพื่อปกป้องหน้าจออีกทั้งด้านหลังก็ปกป้องเลนส์ได้ดีครับ แต่ด้วยความที่มันเป็นเคสใสนั้นอาจจะทำให้มันเหลืองง่ายเวลาใช้งานไปนานๆตัวขอบมุมหน้าจอทั้ง 4 มุมชอบที่การออกแบบนั้นใส่ใจและตั้งใจมากๆในการทำขอบมุมเครื่องสูงขึ้นเวลาใส่เคสจะช่วยให้เวลาเราวางคว่ำลงไปหน้าจอนั้นจะไม่โดนพื้นอีกทั้งยังมีความสูงพอประมาณแม้จะใส่ฟิล์มกระจกก็ยังปกป้องได้อีกทั้งช่วยในเวลาทำตกได้เป็นอย่างดี
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าได้ชัดเจนที่สุดครับมองแล้วรู้เลยว่ามีการเปลี่ยนแปลง การออกแบบซึ่งหลักๆเลยคือเป็นกล้องหลังและการออกแบบด้านหลังที่ใช้โมดูลแบบวงกลมใหญ่ๆและจัดวางเรียงกล้อง 3 ตัวไว้ด้านในแต่วางแบบแนวนอนปกติครับ ส่วนกล้องหลังนั้นใหญ่มากจริงๆและมีความนูนออกมานิดหน่อยถือว่ามองแล้วรู้เลยว่ารุ่นอะไรแต่การจัดวางน่าจะทำได้สวยกว่านี้ครับ ส่วนตัวหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบติ่งหยดน้ำที่เต็มตามากกว่าเดิมติ่งเล็กลง หน้าจอขอบบางขึ้นครับ และฝาหลังก็เป็นแบบด้านสวยงามพอสมควร
ทางด้านหน้าจอนั้นจะเป็นหน้าจอแบบติ่งหยดน้ำซึ่งจะเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆระหว่าง 7T Pro ครับและในตัวหน้าจอนี้มาพร้อมกับหน้าจอ Fluid AMOLED เช่นกันมาพร้อมความละเอียด FHD+ 90Hz และรองรับ DCI-P3 รวมถึงหน้าจอใช้วัสดุ Gorilla Glass 5 ด้วยถือว่าไม่แพ้รุ่นพี่เลยแตกต่างกันแค่ความละเอียดและดีไซน์เท่านั้น แต่ข้อดีของ7T คือหน้าจอมันเรียบๆไม่มีส่วนโค้งแต่อย่างใดครับ
ทางด้านบนของหน้าจอนั้นเป็นตัวที่อยู่ของกล้องหน้าแบบติ่งหยดน้ำ ซึ่งใส่กล้อง 16MP F2.0 มาให้รวมถึงช่องลำโพงที่ใหญ่และเรียงยาวกว่าตัว 7T Pro พอสมควรและเรื่องของเสียงนั้นดังชัดเจนดีมากๆเลย
ในส่วนของขอบหน้าจอในด้านล่างจะเป็นที่อยู่ในส่วนของปุ่มควบคุมครับ ตัวขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นบางขึ้นเยอะเลยดีไซน์ได้เต็มตามากกว่าเดิมครับ แต่ก็ยังไม่ได้เท่ากับขอบข้างๆที่จะทำได้บางกว่านั้นเอง
ส่วนขอบเครื่องในส่วนบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของไมค์ตัดเสียงครับ และจะเห็นวัสดุเงาสวยงามและฝาหลังโค้งเล็กน้อยครับ
มาที่ด้านล่างนั้นจะเป็นลำโพงตัวหลัก และ ช่อง USB-C รวมถึงไมค์และ ถาดซิม แบบ 2 SIM เพิ่มเมมโมรี่ไม่ได้ครับ
เมื่อมาดูด้านข้างขวานั้นจะเป็นปุ่ม Alert Slider เปลี่ยนเสียง สั่น หรือ เงียบครับ มีพื้นผิวเล็กน้อย และปุ่ม Power นั้นเอง ส่วนมองแบบนี้จะเห็นเลยว่ากล้องหลังนั้นค่อนข้างใหญ่และนูนขึ้นมาในส่วนนี้ต้องระวังกันนิดหน่อยครับ
ในด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และจะเห็นฝาหลังนั้นมีการเอียงลงตรงขอบนิดหน่อยให้จับถือได้ง่ายกว่าแบบเรียบๆครับ
ในด้านหลังนั้นมีการใช้งานวัสดุแบบด้านเล่นกับแสงสีได้สวยไม่เป็นรอยนิ้วมือและทนทานต่อรอยต่างๆได้ดีกว่าแบบเงาครับ โลโก้อะไรวางตรงกลางสวยงาม ส่วนสแกนนิ้วนั้นไปอยู่บนหน้าจอแล้วเรียบร้อย รวมถึงการออกแบบกล้องหลังนั้นเด่นและแปลกตาที่สุดจากรุ่นก่อนหน้าครับ แต่เหมือนจะใช้พื้นที่ใหญ่ไปหน่อยเพราะกล้องแค่ 3 ตัววางตรงกลางแนวนอนจริงๆไม่ต้องทำใหญ่หรือจัดวางแบบ 3 มุมก็น่าจะสวยและลงตัวกว่านี้นิดหน่อยครับและแอบนูนขึ้นมาชัดเจนไปนิดหน่อยเวลาใช้งานแบบไม่ใส่เคสนั้นมันจะรับหน้าที่โดนรอยได้ง่ายที่สุดเลย
ในส่วนของกล้องหลังนั้นมาให้ทั้งหมด 3 ตัววางเรียงแนวยาว มีทั้งเลนส์หลัก 48MP (f/1.6) OIS , เลนส์ซูมออฟติคอล 2x ความละเอียด 12MP (f/2.4), เลนส์ Ultra-wide angle 117 องศา ความละเอียด 16MP (f/2.2) วางเรียงแนวนอน และ ไฟแฟลช รวมถึง เลเซอร์โฟกัสนั้นแทรกอยู่ในวงกลมทั้งหมดเลยครับ และมีเขียนบอกระยะเลนส์จริงๆนั้นคิดว่าจะมีการวางกล้องที่แปลกตากว่านี้ แต่แอบเสียดายว่ามันแค่วางแนวนอนธรรมดาๆ
SPEC
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400) รีเฟรชเรท 90Hz Corning Gorilla Glass 5
- CPU Qualcomm Snapdragon 855+
- RAM 8GB
- ความจุ (UFS 3.0) 128GB ไม่รองรับ MicroSD Card
- กล้องหลัง เลนส์หลัก 48MP (f/1.6) OIS , เลนส์ซูมออฟติคอล 2x ความละเอียด 12MP (f/2.4), เลนส์ Ultra-wide angle 117 องศา ความละเอียด 16MP (f/2.2) วางเรียงแนวนอน
- กล้องหน้า 16MP (f/2.0)
- ระบบเสียง ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม., ลำโพงคู่สเตอริโอ, Dolby Atmos
- สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ขนาด 3,800 mAh รองรับระบบ Warp Charge 30T (เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 23%)
- รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS 10 เวอร์ชันล่าสุด
- สี Frosted Silver, Glacier Blue
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องตัวนี้พกพาความแรงระดับสูงอยู่แล้วด้วย Snapdragon 855 + ที่แรงกว่าเดิม พร้อมกับ RAM 8GB และใช้งานหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ตัวนี้คือเร็วมากๆ และทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 473178 คะแนน เวอร์ชันนี้คะแนนจะเวอร์กว่าเดิมนะครับ * และ Geekbench ได้ไป 769/2702 รวมถึงหน่วยความจำอ่านเขียนไปได้สูงมากๆ ทำความเร็วไปได้ 1,394 MB/s และ DRM L1
SYSTEM UI
Android 10 ที่ครอบด้วย Oxygen OS 10 และหลายๆคนคงทราบกันดีกว่าแบรนด์ OnePlus มักจะได้รับการอัพเกรดซอฟแวร์เร็วเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ Google เท่านั้น และซัพพอร์ตยาวๆเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งตลอด 2 ปีนี้จะได้รับการอัพเกรดใหญ่ๆทั้งหมด (จะอัพเกรดไปถึง Android 11 และ Android 12) และได้รับการอัพเกรดด้านความปลอดภัยไปอีก 3 ปี เป็นรุ่นที่ทำระบบมาค่อนข้างดีมากๆและใช้งานได้ดีอันดับต้นๆของ Android การแจ้งเตือนอะไรทำได้ไวและไม่เจอหน่วงเลย
แน่นอนว่าลากลงมา 1 ครั้งเจอตั้งค่า ลากลงมาอีกรอบก็ เหมือนรุ่นอื่นๆที่ใช้ Android และยังคงหน้าตาแบบเดียวกับทาง 7Pro ก่อนหน้าที่เรารีวิวไปครับผม สำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม สามารถกดเข้าหน้าเคลียร์แอพและกด 3 จุดมุมขวาบนได้เลยครับ
ตัวระบบ ใช้งานได้ 228 ครับ และ RAM 8 GB ใช้ไป 4.8 GB โดยเป็นการนับเฉลี่ย 1 วันที่แอดมินใช้งานปกติครับผม สำหรับทางแป้นพิมพ์ ตัวนี้ใช้ของ G board อันนี้แอดมินชอบสุดละตัวนี้ เรียบสวยและเสถียรมากๆ
ส่วนแถบนำทางนั้นจะมีทั้งหมด 3 แบบคือ แบบ 3 ปุ่มปกติ / แบบ Android 10 / และแบบ Gesture ล้วนครับผม หหน้าจอนั้นรองรับการปรับแต่ง Hz ได้รวมถึงความละเอียดและโทนสีของภาพครับ และในรุ่นนี้สามารถปรับแต่งธีมได้เยอะมาก ทั้งตัว ธีมสีหลัก ธีมสีรองตามตัวอักษร หัวข้อต่างๆเปลี่ยนได้ตามใจเราเลย อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปทรงของแอพ และ ไอคอนได้อีกด้วยครับถือว่ารองรับการปรับแต่งที่หลากหลายขึ้นเยอะและไม่น่าเบื่อด้วยเช่นกัน แต่ยังคงมาในแนวเรียบๆไม่ได้มีพวกตัวการ์ตูนอะไรพวกนั้นครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้