เริ่ม ถุงมือเรื่องสั้น ประจำสัปดาห์ที่ 17 เรื่องที่ 1 ครับ ^^
เป็นเรื่องราวของหญิงสติไม่ดีคนหนึ่ง คิดอยู่เสมอว่าตนเองคือเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา อาศัยเพิงริมถนนเป็นราชวัง มีนางรับใช้ผู้ติดตามหนึ่งคน
วันหนึ่ง ได้พบคนใจดี ให้ที่พักอาศัยใหม่ให้อยู่ด้วยความสงสาร
เหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไรต่อ ติดตามไปด้วยกันครับ ^^
……..
อาจจะเป็นเพราะฝนตก จึงทำให้หัวใจที่เหงาหงอย กลับยิ่งทวีความเหงารุนแรงมากขึ้น สายลมพัดผ่าน หอบอุ้มเอาความหนาวยะเยือกเย็นพัดมาฝากเจ้าหญิงริมถนน
"
มาราตรี ไปหาผ้าห่มหนา ๆ มาห่มให้เราหน่อยสิ เราหนาวเหลือเกิน"
"ได้เพคะ เจ้าหญิง หม่อมฉันจะไปบัดเดี๋ยวนี้"
ร่างผอมแห้ง ใบหน้าตอบ ผิวคล้ำกระดำกระด่าง หากไม่ใส่เสื้อผ้าปิดบังร่างกายเอาไว้ คงมองเห็นซี่โครงชัดเจน ขยับกายลุกขึ้น เดินมาหยิบผ้าห่มที่พาดอยู่บนราวไม้ แล้วเดินกลับมาที่เดิม
นางล้มตัวลงนอน บนกระดาษลัง ซึ่งเก็บมาจากถังขยะ สะบัดผ้าห่มแล้ว ห่มกายให้ตัวเอง
"ขอบใจนะมาราตรี"
เจ้าหญิงใต้ผ้าห่มสีเทาเอ่ยปากขอบคุณ ใบหน้าอันเหนื่อยล้า จากการตรากตรำ ขุดคุ้ยถังขยะรอบเมือง ทำให้เจ้าหญิงริมถนน พาตัวเองเข้าสู่นิทราโดยเร็วพลัน
"ลำไยหวานเจี๊ยบ หวานเจี๊ยบ ลำไยหวานเจี๊ยบ สามร้อยโลครับ สามโลร้อย มะนาวแป้นหวานเจี๊ยบ เอ๊ย! มะนาวแป้นไม่หวานนะครับ โลละหกสิบครับ โลละหกสิบ เชิญครับ....เชิญ....เร่เข้ามา ไม่ซื้อไม่เป็นไร มาดูไว้ก่อนได้ครับ"
เสียงจากลำโพงขยายเสียงของรถกระบะ ขายผลไม้ แล่นมาจอดริมทาง ในจุดที่เจ้าหญิงริมถนนกำลังหลับใหลอย่างเป็นสุข แต่เสียงดังจากลำโพง เป็นผลให้เจ้าหญิง จำต้องสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา ด้วยอารมณ์หงุดหงิดงัวเงีย
"มาราตรี ไปบอกเจ้าคนนั้นให้หยุดส่งเสียงดังทีเถอะ เรานอนไม่ได้แล้ว"
"เพคะ เจ้าหญิง"
ร่างผอมแห้งรีบลุกโดยพลัน โดยมิได้สนใจต่อใบหน้ามันเยิ้ม ที่ไร้ซึ่งการประทินโฉม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิง จนเหมือนรังนกเข้าไปทุกที มิมีความงามใดแต่งแต้มบนตัวมาราตรีเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงความภักดีต่อเจ้าหญิง ที่นำพานางให้มาเผชิญหน้ากับบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น
ร่างผอมแห้งก้าวขาฉับๆ มาหยุดที่รถกระบะ
"หยุดส่งเสียงดังบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าหญิงของข้ากำลังนอนหลับใหล" มาราตรีชี้นิ้ว ตวาดใส่บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น
"ขออภัยเจ้าหญิง ที่กระหม่อมเสียงดังไปหน่อย กระหม่อมจำต้องทำมากิน หากการส่งเสียงดังเป็นการรบกวนเจ้าหญิง กระหม่อมจึงขอมอบสิ่งนี้เป็นการไถ่โทษ"
บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ยื่นกล่องโฟมสีขาวมาให้มาราตรี ภายในกล่องโฟมนี้ มีข้าวคะน้าหมูกรอบไข่ดาวร้อนๆ ที่เขาเพิ่งซื้อมาหมาด ๆ กะจะเอาไว้กินเอง
มือเล็กเปรอะเปื้อน ยื่นออกมาจับกล่องโฟม แล้ววิ่งกลับที่เดิม
*************************************************************
"ไม่น่าเลย คนดี ๆ แท้ กลายเป็นบ้าไปซะงั้น เห็นแล้วป้าละเวทนาจริง ๆ"
ผู้หญิงสูงวัยที่กำลังยืนเลือกมะนาวพูดขึ้น ใบหน้าอวบส่ายไปมา เมื่อมองดูมาราตรีวิ่งจากไป
"เวลาผมมาขายแถวนี้ทีไร ผมเห็นเธอวิ่งมาหาผมทุกที และก็พูดแบบเดิม ผมเห็นแล้วสงสารเลยให้ข้าวเธอไปกิน"
บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น พูดกับลูกค้าหญิงสูงวัย
"พ่อหนุ่มใจดีจริงๆ"
"เมื่อกี้ที่ป้าพูดเหมือน เมื่อก่อนเธอยังปกติ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือครับ"
"เธอชื่อมาราตรี เป็นลูกจ้างร้านหมูกระทะ อาศัยอยู่กับสามีและลูกอีกสองคนตรงฝั่งโน้นแน่ะ"
ลูกค้าหญิงสูงวัย ชี้นิ้วไปยังห้องเช่าซึ่งอยู่ไกลจากจุดนี้ ราวสองร้อยเมตร เป็นห้องเช่าขนาดกะทัดรัด ที่ปลูกเรียงรายเป็นแถว ห้องเช่าราคาถูก เหมาะสำหรับผู้มีรายได้น้อย
ลูกค้าหญิงสูงวัยพูดต่อ
"เมื่อสามปีก่อน สามีและลูกของมาราตรีถูกรถสิบล้อ พุ่งชนตายไปต่อหน้าต่อตา มาราตรีนอนกอดศพลูกและสามีร่ำไห้...ภาพน่าสงสารนี้ยังติดตาป้าอยู่เลย"
ลูกค้าหญิงสูงวัย ยื่นถุงมะนาวที่เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น
"เธอเลยกลายเป็นคนสติไม่ดีใช่ไหมครับ"
บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ยื่นถุงมะนาวคืนให้ ลูกค้าหญิงสูงวัย
"เท่าไหร่ละพ่อหนุ่ม"
"หกสิบบาทครับ...ขอบคุณครับ นี่ครับเงินทอน....แล้วเธอไม่มีญาติที่ไหนหรือครับ"
"ไม่มีหรอกพ่อหนุ่ม ป้าอยู่แถวนี้มาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นใครมาหาเธอเลย มีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาพาตัวเธอไปรักษาครั้งหนึ่ง แต่มาราตรีก็หนีออกมา แล้วมาสร้างเพิง ๆ เล็กนอนอยู่ตรงนั้นแหละ"
"น่าสงสารเธอนะครับ"
"ใช่ คนแถวนี้ใครมีอะไรก็จะเอามาให้มาราตรีกิน แต่เราก็ช่วยได้ไม่มากหรอก ไอ้เราก็คนจนปากกัดตีนถีบเหมือนกัน....
พ่อหนุ่มอย่าไปถือสาคนสติไม่ดีเลยนะ นั่นก็ชอบพูดคนเดียว คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง เฮ้อ..."
ลูกค้าหญิงสูงวัยส่ายหน้า แล้วเดินถือถุงมะนาวกลับบ้านไป ลูกค้าสองสามคนที่ยืนเลือกลำไย มะนาว ก็ต่างได้ฟังเรื่องราวของมาราตรีไปด้วย ทุกคนจึงหันไปมอง เจ้าหญิงริมถนนที่นั่งอยู่ในเพิงไม้ริมทาง กำลังตักข้าวใส่ปากด้วยอากัปกิริยาที่หิวโหย
**************************************************************
"เจ้าหญิงเพคะ บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น มอบกล่องข้าวนี้มาเพื่อเป็นการขอโทษเจ้าหญิง"
มาราตรีนั่งลงและเปิดกล่องโฟมออก น้ำลายไหลหยดติ๋งลงคะน้าหมูกรอบ ใบหน้าตอบฉีกยิ้มกว้าง หันหน้ามามองบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น แล้วพยักหน้า แต่บุรุษผู้นั้นมองไม่เห็นเพราะกำลังยุ่ง กับการชั่งสินค้าให้ลูกค้า
"น่ากินยิ่งนัก เรากินก่อนนะมาราตรี เราจะแบ่งไว้ให้มาราตรีกินทีหลัง"
เจ้าหญิงริมถนน ตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนหมดเกลี้ยง แล้วเรอออกมาเสียงดัง ล้มตัวลงนอน ตีพุงตัวเองอย่างมีความสุข
บ่ายแล้ว อากาศร้อนอบอ้าว การนอนอยู่ในราชวังเพิงจึงไม่เหมาะยิ่งนัก สมควรออกท่องเที่ยวตากลมให้คลายร้อน
"มาราตรี เราไปเที่ยวกันเถอะ"
มาราตรีพยักหน้า แล้วลุกขึ้น จับถุงกระสอบขึ้นมาสะพายพาดไหล่ แล้วออกเดินท่องโลกกว้าง
"เราเป็นเจ้าหญิง แต่เราไม่มีมงกุฎใส่เลย วันนี้เราต้องหามงกุฎให้เจอให้ได้เลย"
เจ้าหญิงริมถนน โน้มหน้าเข้าไปในถังขยะใบเขื่องสีดำ คุ้ยเขี่ยหามงกุฎ ตามที่ใจปรารถนา แต่ดูเหมือนจะไม่เจอ ของที่หาได้กลับกลายเป็นขวดน้ำพลาสติกและกระป๋องน้ำอัดลม เจ้าหญิงริมถนนจึงโยนของสองสิ่งนี้ลงถุงกระสอบ
"มันขายได้นะมาราตรี"
"เพคะ ขายได้ ได้เงินเพคะ"
"เจ้าก็ช่วยเราหาสิ"
"ช่วยหาเพคะ ช่วยหา ไปหาที่ถังอื่นกันดีกว่าเพคะเจ้าหญิง"
"ได้ ๆ ไปถังอื่นกัน อยากได้มงกุฎแล้ว"
ร่างผอมแห้งสะพายถุงกระสอบ พาดไหล่ เดินกระโดดโหยง ๆ ไปตามถนนคนเดียว แต่ปากขยับพูดอย่างสนุกสนานกับบุคคลในจินตนาการ บุคคลที่คนทั่วไปมองไม่เห็น แต่มีอยู่จริงสำหรับเจ้าหญิงริมถนน
"มาราตรี ถังขุมทรัพย์ตรงนั้นมีเยอะมาก พวกเรารีบไปค้นหากันเถอะ"
ถังขยะสีเหลืองใบใหญ่สี่ถังตั้งเรียงราย เจ้าหญิงริมถนนรีบวิ่งกระโจนเข้าหาถังขยะ ด้วยอารมณ์ดีอกดีใจ ถุงกระสอบถูกทิ้งลงพื้น มือสองข้างควานหามงกุฎ
และแล้วความปรารถนาของเจ้าหญิงพลันเป็นจริง เมื่อได้ค้นพบ มงกุฎของเล่นสีเงินแวววาว แอบซ่อนอยู่ในถุงขยะใบหนึ่ง แม้บางส่วนบนมงกุฎจะแตกหักไปบ้าง แต่ทว่าเสียงกรีดร้องดีใจของเจ้าหญิง ก็แสดงให้ได้รู้แล้วว่า มงกุฎนี้มีค่ากับเธอมากแค่ไหน
"กรี๊ดดด...มาราตรี เราเจอมงกุฎของเราแล้ว เจ้าหญิงต้องมีมงกุฎ" เจ้าหญิงริมถนน จัดการสวมมงกุฎไว้บนศีรษะ
"เราสวยไหม มาราตรี"
"งดงามมากเพคะ"
"กลับราชวังกันเถอะ เราเจอมงกุฎแล้ว ดีใจ เราดีใจที่สุด"
เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องในบริเวณนั้น ใครผ่านไปมาต่างหันมามอง แต่ทุกคนล้วนมองด้วยความคิดที่แตกต่างกัน บางคนยิ้มขบขันและอาจรู้สึกยินดีกับเจ้าหญิงริมถนน บางคนทำหน้าเหยเก บางคนนิ่งเฉยจ้องมองอย่างครุ่นคิด บางคนรู้สึกสงสาร และบางคนรีบเดินหนีอย่างเร็ว
แต่ใครจะว่าเจ้าหญิงริมถนนเป็นเช่นไร นางหาได้สนใจไม่ ไม่จำเป็นต้องสนใจ แค่ได้สิ่งที่ต้องการแค่นี้ก็สุขล้นในหัวใจดวงน้อยนี้แล้ว
.........
ค่ำคืน....ความหนาวพัดมาตามสายลม เจ้าหญิงริมถนนนอนขดตัวกลม ปากงึมงำๆ...พร่ำเพ้อถึงบุคคลที่ไร้ตัวตนบนโลกใบนี้
"น้องต้น น้องตั้ม.....ลูกแม่อยู่ไหนลูก.....ฮือๆ.....ฮือๆ"
"หยุดร้องไห้เถอะเจ้าหญิงของมาราตรี เจ้าหญิงพูดถึงใครก็ไม่รู้"
ร่างผอมแห่งพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง ยกมือปาดน้ำตาจนแห้ง
"มาราตรี เจ้ารู้จักคนที่เราเอ่ยชื่อเมื่อกี้หรือไม่"
"ไม่รู้จักเพคะ เจ้าหญิงคงละเมอ นอนเถอะเพคะ หม่อมฉันจะนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ”
"เจ้าน่ารักจังเลยมาราตรี งั้นเรานอนละนะ"
เจ้าหญิงริมถนน ยกมือโอบกอดตัวเอง นั่งโยกตัวไปมาก่อนจะล้มตัวลงนอน โดยไม่ได้ถอดมงกุฎออกจากศีรษะ
*******************************************************************
หลังจากที่บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ได้ทราบเรื่องราวของหญิงสติไม่ดี จึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้ภรรยาฟัง ทั้งคู่เกิดความสงสาร จึงคิดอยากช่วยเหลือ
พวกเขามีสวนมะนาวและสวนลำไย หลายสิบไร่ มีกระต๊อบสภาพดีสองหลัง ซึ่งตั้งอยู่ในสวน สามารถให้หญิงสาวสติไม่ดีคนนี้พักหลบแดดหลบฝนได้ ดีกว่านอนอยู่ที่เพิงริมถนน และหากเธอยังพอพูดจารู้เรื่อง อาจสอนงานเล็กๆ น้อยๆ ในสวนให้เธอทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านคิดมาก
"มาราตรี...มาราตรีตื่น มากินข้าวมา"
น้ำเสียงนุ่มละมุน ร้องเรียกร่างผอมแห้งที่นอนขดอยู่บนกระดาษลัง ดวงตาคล้ำค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา จึงมองเห็นผู้หญิงร่างบางผิวขาว กับชายคนนั้น...คนที่ให้ข้าวนางมากิน
ร่างผอมแห้งลุกขึ้นนั่ง เหลียวมองคนแปลกหน้าสองคนด้วยอาการงุนงง
"มาราตรี...ใครมา" เอ่ยพูดกับตัวเอง และตอบตัวเองในคราเดียวกัน
"หม่อมฉันจำได้แล้ว นั่นคือบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น อีกคนเป็นใครก็ไม่รู้เพคะ"
"ฉันเป็นภรรยาของเขา" หญิงสาวที่เรียกชื่อมาราตรีพูดขึ้น แล้วยื่นปิ่นโตขนาดสามชั้น และถุงลำไยให้หญิงสติไม่ดีตรงหน้า
"เอามาให้กินน่ะ กินซะนะ กินอิ่มแล้วมาคุยกัน"
"กินข้าว....กินข้าว....กินกิน เราหิวแล้ว กินข้าวกันมาราตรี....จะ..จะ...ใจดี เธอใจดีจังเลย...."
ร่างผอมแห้งปรบมือแปะแปะ ยกมือไหว้ท่วมหัว แล้วยื่นมือออกไปรับปิ่นโตจากหญิงสาวใจดี..
หลังจากที่สามีภรรยาผู้ใจดี พูดเกลี่ยกล่อมมาราตรีอยู่นานสองนาน เพื่อเชื้อเชิญให้มาราตรีมาพักอยู่กับพวกเขา มาราตรีเจ้าหญิงริมถนน ตกลงทันทีในชั่วโมงที่สองของการเกลี่ยกล่อม ด้วยข้อเสนอที่ภรรยาบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้นเสนอ คือ เธอจะซื้อมงกุฎให้ใหม่ มีอาหารให้กินทุกวัน และมอบราชวังหลังใหม่ให้ ซึ่งจะใหญ่กว่าราชเพิงริมถนนนี้
"มงกุฎ....มงกุฎ เราอยากได้มงกุฎสวย ๆ เราไป เราไปกับพวกเธอ"
กระต๊อบไม้ขนาดเล็ก มีหน้าต่างประตูที่ต่อเติมขึ้นใหม่ มีห้องน้ำข้างกระต๊อบ ที่มองดูก็รู้ว่าพื้นปูนยังแห้งไม่สนิท
ภายในกระต๊อบ มีฟูก ผ้าห่ม หมอน มุ้งและเสื้อผ้าผู้หญิง ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของภรรยาบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้นที่แบ่งมาให้เจ้าหญิงริมถนน
"เธอพักอยู่ที่นี่นะ นี่คือราชวังใหม่ของเธอ" หญิงสาวผู้ใจดีพูดกับหญิงสาวสติฟั่นเฟือน
"ชอบ...เราชอบ....น่านอน"
มาราตรีรีบวิ่งพรวดพราดขึ้นมาบนกระต๊อบแล้วล้มตัวลงนอนบนฟูก
"ห้ามนอนถ้ายังไม่อาบน้ำ ลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำก่อน ไม่งั้นฉันไม่ชื้อมงกุฎให้เธอ"
หญิงสาวผู้ใจดีพูดขู่ ยกมือง้างขึ้นทำท่าจะตี ถ้าไม่ยอมทำตาม.....ในขณะที่บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เขาปลีกตัวไปทำงาน ปล่อยให้ผู้หญิงสองคนคุยกันเอง
(มีต่ออีกนิดครับ) ^^
🐕👩🏿🌴 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#62 Week#17, 19 - 24 ตุลาคม/ "เจ้าหญิงริมถนน" - ถุงมือ ราชวังเพิง🌴👩🏿🐕
เป็นเรื่องราวของหญิงสติไม่ดีคนหนึ่ง คิดอยู่เสมอว่าตนเองคือเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา อาศัยเพิงริมถนนเป็นราชวัง มีนางรับใช้ผู้ติดตามหนึ่งคน
วันหนึ่ง ได้พบคนใจดี ให้ที่พักอาศัยใหม่ให้อยู่ด้วยความสงสาร
เหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไรต่อ ติดตามไปด้วยกันครับ ^^
……..อาจจะเป็นเพราะฝนตก จึงทำให้หัวใจที่เหงาหงอย กลับยิ่งทวีความเหงารุนแรงมากขึ้น สายลมพัดผ่าน หอบอุ้มเอาความหนาวยะเยือกเย็นพัดมาฝากเจ้าหญิงริมถนน
"มาราตรี ไปหาผ้าห่มหนา ๆ มาห่มให้เราหน่อยสิ เราหนาวเหลือเกิน"
"ได้เพคะ เจ้าหญิง หม่อมฉันจะไปบัดเดี๋ยวนี้"
ร่างผอมแห้ง ใบหน้าตอบ ผิวคล้ำกระดำกระด่าง หากไม่ใส่เสื้อผ้าปิดบังร่างกายเอาไว้ คงมองเห็นซี่โครงชัดเจน ขยับกายลุกขึ้น เดินมาหยิบผ้าห่มที่พาดอยู่บนราวไม้ แล้วเดินกลับมาที่เดิม
นางล้มตัวลงนอน บนกระดาษลัง ซึ่งเก็บมาจากถังขยะ สะบัดผ้าห่มแล้ว ห่มกายให้ตัวเอง
"ขอบใจนะมาราตรี"
เจ้าหญิงใต้ผ้าห่มสีเทาเอ่ยปากขอบคุณ ใบหน้าอันเหนื่อยล้า จากการตรากตรำ ขุดคุ้ยถังขยะรอบเมือง ทำให้เจ้าหญิงริมถนน พาตัวเองเข้าสู่นิทราโดยเร็วพลัน
"ลำไยหวานเจี๊ยบ หวานเจี๊ยบ ลำไยหวานเจี๊ยบ สามร้อยโลครับ สามโลร้อย มะนาวแป้นหวานเจี๊ยบ เอ๊ย! มะนาวแป้นไม่หวานนะครับ โลละหกสิบครับ โลละหกสิบ เชิญครับ....เชิญ....เร่เข้ามา ไม่ซื้อไม่เป็นไร มาดูไว้ก่อนได้ครับ"
เสียงจากลำโพงขยายเสียงของรถกระบะ ขายผลไม้ แล่นมาจอดริมทาง ในจุดที่เจ้าหญิงริมถนนกำลังหลับใหลอย่างเป็นสุข แต่เสียงดังจากลำโพง เป็นผลให้เจ้าหญิง จำต้องสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา ด้วยอารมณ์หงุดหงิดงัวเงีย
"มาราตรี ไปบอกเจ้าคนนั้นให้หยุดส่งเสียงดังทีเถอะ เรานอนไม่ได้แล้ว"
"เพคะ เจ้าหญิง"
ร่างผอมแห้งรีบลุกโดยพลัน โดยมิได้สนใจต่อใบหน้ามันเยิ้ม ที่ไร้ซึ่งการประทินโฉม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิง จนเหมือนรังนกเข้าไปทุกที มิมีความงามใดแต่งแต้มบนตัวมาราตรีเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงความภักดีต่อเจ้าหญิง ที่นำพานางให้มาเผชิญหน้ากับบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น
ร่างผอมแห้งก้าวขาฉับๆ มาหยุดที่รถกระบะ
"หยุดส่งเสียงดังบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าหญิงของข้ากำลังนอนหลับใหล" มาราตรีชี้นิ้ว ตวาดใส่บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น
"ขออภัยเจ้าหญิง ที่กระหม่อมเสียงดังไปหน่อย กระหม่อมจำต้องทำมากิน หากการส่งเสียงดังเป็นการรบกวนเจ้าหญิง กระหม่อมจึงขอมอบสิ่งนี้เป็นการไถ่โทษ"
บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ยื่นกล่องโฟมสีขาวมาให้มาราตรี ภายในกล่องโฟมนี้ มีข้าวคะน้าหมูกรอบไข่ดาวร้อนๆ ที่เขาเพิ่งซื้อมาหมาด ๆ กะจะเอาไว้กินเอง
มือเล็กเปรอะเปื้อน ยื่นออกมาจับกล่องโฟม แล้ววิ่งกลับที่เดิม
ผู้หญิงสูงวัยที่กำลังยืนเลือกมะนาวพูดขึ้น ใบหน้าอวบส่ายไปมา เมื่อมองดูมาราตรีวิ่งจากไป
"เวลาผมมาขายแถวนี้ทีไร ผมเห็นเธอวิ่งมาหาผมทุกที และก็พูดแบบเดิม ผมเห็นแล้วสงสารเลยให้ข้าวเธอไปกิน"
บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น พูดกับลูกค้าหญิงสูงวัย
"พ่อหนุ่มใจดีจริงๆ"
"เมื่อกี้ที่ป้าพูดเหมือน เมื่อก่อนเธอยังปกติ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือครับ"
"เธอชื่อมาราตรี เป็นลูกจ้างร้านหมูกระทะ อาศัยอยู่กับสามีและลูกอีกสองคนตรงฝั่งโน้นแน่ะ"
ลูกค้าหญิงสูงวัย ชี้นิ้วไปยังห้องเช่าซึ่งอยู่ไกลจากจุดนี้ ราวสองร้อยเมตร เป็นห้องเช่าขนาดกะทัดรัด ที่ปลูกเรียงรายเป็นแถว ห้องเช่าราคาถูก เหมาะสำหรับผู้มีรายได้น้อย
ลูกค้าหญิงสูงวัยพูดต่อ
"เมื่อสามปีก่อน สามีและลูกของมาราตรีถูกรถสิบล้อ พุ่งชนตายไปต่อหน้าต่อตา มาราตรีนอนกอดศพลูกและสามีร่ำไห้...ภาพน่าสงสารนี้ยังติดตาป้าอยู่เลย"
ลูกค้าหญิงสูงวัย ยื่นถุงมะนาวที่เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น
"เธอเลยกลายเป็นคนสติไม่ดีใช่ไหมครับ"
บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ยื่นถุงมะนาวคืนให้ ลูกค้าหญิงสูงวัย
"เท่าไหร่ละพ่อหนุ่ม"
"หกสิบบาทครับ...ขอบคุณครับ นี่ครับเงินทอน....แล้วเธอไม่มีญาติที่ไหนหรือครับ"
"ไม่มีหรอกพ่อหนุ่ม ป้าอยู่แถวนี้มาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นใครมาหาเธอเลย มีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาพาตัวเธอไปรักษาครั้งหนึ่ง แต่มาราตรีก็หนีออกมา แล้วมาสร้างเพิง ๆ เล็กนอนอยู่ตรงนั้นแหละ"
"น่าสงสารเธอนะครับ"
"ใช่ คนแถวนี้ใครมีอะไรก็จะเอามาให้มาราตรีกิน แต่เราก็ช่วยได้ไม่มากหรอก ไอ้เราก็คนจนปากกัดตีนถีบเหมือนกัน....พ่อหนุ่มอย่าไปถือสาคนสติไม่ดีเลยนะ นั่นก็ชอบพูดคนเดียว คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง เฮ้อ..."
ลูกค้าหญิงสูงวัยส่ายหน้า แล้วเดินถือถุงมะนาวกลับบ้านไป ลูกค้าสองสามคนที่ยืนเลือกลำไย มะนาว ก็ต่างได้ฟังเรื่องราวของมาราตรีไปด้วย ทุกคนจึงหันไปมอง เจ้าหญิงริมถนนที่นั่งอยู่ในเพิงไม้ริมทาง กำลังตักข้าวใส่ปากด้วยอากัปกิริยาที่หิวโหย
มาราตรีนั่งลงและเปิดกล่องโฟมออก น้ำลายไหลหยดติ๋งลงคะน้าหมูกรอบ ใบหน้าตอบฉีกยิ้มกว้าง หันหน้ามามองบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น แล้วพยักหน้า แต่บุรุษผู้นั้นมองไม่เห็นเพราะกำลังยุ่ง กับการชั่งสินค้าให้ลูกค้า
"น่ากินยิ่งนัก เรากินก่อนนะมาราตรี เราจะแบ่งไว้ให้มาราตรีกินทีหลัง"
เจ้าหญิงริมถนน ตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนหมดเกลี้ยง แล้วเรอออกมาเสียงดัง ล้มตัวลงนอน ตีพุงตัวเองอย่างมีความสุข
บ่ายแล้ว อากาศร้อนอบอ้าว การนอนอยู่ในราชวังเพิงจึงไม่เหมาะยิ่งนัก สมควรออกท่องเที่ยวตากลมให้คลายร้อน
"มาราตรี เราไปเที่ยวกันเถอะ"
มาราตรีพยักหน้า แล้วลุกขึ้น จับถุงกระสอบขึ้นมาสะพายพาดไหล่ แล้วออกเดินท่องโลกกว้าง
"เราเป็นเจ้าหญิง แต่เราไม่มีมงกุฎใส่เลย วันนี้เราต้องหามงกุฎให้เจอให้ได้เลย"
เจ้าหญิงริมถนน โน้มหน้าเข้าไปในถังขยะใบเขื่องสีดำ คุ้ยเขี่ยหามงกุฎ ตามที่ใจปรารถนา แต่ดูเหมือนจะไม่เจอ ของที่หาได้กลับกลายเป็นขวดน้ำพลาสติกและกระป๋องน้ำอัดลม เจ้าหญิงริมถนนจึงโยนของสองสิ่งนี้ลงถุงกระสอบ
"มันขายได้นะมาราตรี"
"เพคะ ขายได้ ได้เงินเพคะ"
"เจ้าก็ช่วยเราหาสิ"
"ช่วยหาเพคะ ช่วยหา ไปหาที่ถังอื่นกันดีกว่าเพคะเจ้าหญิง"
"ได้ ๆ ไปถังอื่นกัน อยากได้มงกุฎแล้ว"
ร่างผอมแห้งสะพายถุงกระสอบ พาดไหล่ เดินกระโดดโหยง ๆ ไปตามถนนคนเดียว แต่ปากขยับพูดอย่างสนุกสนานกับบุคคลในจินตนาการ บุคคลที่คนทั่วไปมองไม่เห็น แต่มีอยู่จริงสำหรับเจ้าหญิงริมถนน
"มาราตรี ถังขุมทรัพย์ตรงนั้นมีเยอะมาก พวกเรารีบไปค้นหากันเถอะ"
ถังขยะสีเหลืองใบใหญ่สี่ถังตั้งเรียงราย เจ้าหญิงริมถนนรีบวิ่งกระโจนเข้าหาถังขยะ ด้วยอารมณ์ดีอกดีใจ ถุงกระสอบถูกทิ้งลงพื้น มือสองข้างควานหามงกุฎ
และแล้วความปรารถนาของเจ้าหญิงพลันเป็นจริง เมื่อได้ค้นพบ มงกุฎของเล่นสีเงินแวววาว แอบซ่อนอยู่ในถุงขยะใบหนึ่ง แม้บางส่วนบนมงกุฎจะแตกหักไปบ้าง แต่ทว่าเสียงกรีดร้องดีใจของเจ้าหญิง ก็แสดงให้ได้รู้แล้วว่า มงกุฎนี้มีค่ากับเธอมากแค่ไหน
"กรี๊ดดด...มาราตรี เราเจอมงกุฎของเราแล้ว เจ้าหญิงต้องมีมงกุฎ" เจ้าหญิงริมถนน จัดการสวมมงกุฎไว้บนศีรษะ
"เราสวยไหม มาราตรี"
"งดงามมากเพคะ"
"กลับราชวังกันเถอะ เราเจอมงกุฎแล้ว ดีใจ เราดีใจที่สุด"
เสียงหัวเราะคิกคักดังก้องในบริเวณนั้น ใครผ่านไปมาต่างหันมามอง แต่ทุกคนล้วนมองด้วยความคิดที่แตกต่างกัน บางคนยิ้มขบขันและอาจรู้สึกยินดีกับเจ้าหญิงริมถนน บางคนทำหน้าเหยเก บางคนนิ่งเฉยจ้องมองอย่างครุ่นคิด บางคนรู้สึกสงสาร และบางคนรีบเดินหนีอย่างเร็ว
แต่ใครจะว่าเจ้าหญิงริมถนนเป็นเช่นไร นางหาได้สนใจไม่ ไม่จำเป็นต้องสนใจ แค่ได้สิ่งที่ต้องการแค่นี้ก็สุขล้นในหัวใจดวงน้อยนี้แล้ว
.........ค่ำคืน....ความหนาวพัดมาตามสายลม เจ้าหญิงริมถนนนอนขดตัวกลม ปากงึมงำๆ...พร่ำเพ้อถึงบุคคลที่ไร้ตัวตนบนโลกใบนี้
"น้องต้น น้องตั้ม.....ลูกแม่อยู่ไหนลูก.....ฮือๆ.....ฮือๆ"
"หยุดร้องไห้เถอะเจ้าหญิงของมาราตรี เจ้าหญิงพูดถึงใครก็ไม่รู้"
ร่างผอมแห่งพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง ยกมือปาดน้ำตาจนแห้ง
"มาราตรี เจ้ารู้จักคนที่เราเอ่ยชื่อเมื่อกี้หรือไม่"
"ไม่รู้จักเพคะ เจ้าหญิงคงละเมอ นอนเถอะเพคะ หม่อมฉันจะนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ”
"เจ้าน่ารักจังเลยมาราตรี งั้นเรานอนละนะ"
เจ้าหญิงริมถนน ยกมือโอบกอดตัวเอง นั่งโยกตัวไปมาก่อนจะล้มตัวลงนอน โดยไม่ได้ถอดมงกุฎออกจากศีรษะ
พวกเขามีสวนมะนาวและสวนลำไย หลายสิบไร่ มีกระต๊อบสภาพดีสองหลัง ซึ่งตั้งอยู่ในสวน สามารถให้หญิงสาวสติไม่ดีคนนี้พักหลบแดดหลบฝนได้ ดีกว่านอนอยู่ที่เพิงริมถนน และหากเธอยังพอพูดจารู้เรื่อง อาจสอนงานเล็กๆ น้อยๆ ในสวนให้เธอทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านคิดมาก
"มาราตรี...มาราตรีตื่น มากินข้าวมา"
น้ำเสียงนุ่มละมุน ร้องเรียกร่างผอมแห้งที่นอนขดอยู่บนกระดาษลัง ดวงตาคล้ำค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา จึงมองเห็นผู้หญิงร่างบางผิวขาว กับชายคนนั้น...คนที่ให้ข้าวนางมากิน
ร่างผอมแห้งลุกขึ้นนั่ง เหลียวมองคนแปลกหน้าสองคนด้วยอาการงุนงง
"มาราตรี...ใครมา" เอ่ยพูดกับตัวเอง และตอบตัวเองในคราเดียวกัน
"หม่อมฉันจำได้แล้ว นั่นคือบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น อีกคนเป็นใครก็ไม่รู้เพคะ"
"ฉันเป็นภรรยาของเขา" หญิงสาวที่เรียกชื่อมาราตรีพูดขึ้น แล้วยื่นปิ่นโตขนาดสามชั้น และถุงลำไยให้หญิงสติไม่ดีตรงหน้า
"เอามาให้กินน่ะ กินซะนะ กินอิ่มแล้วมาคุยกัน"
"กินข้าว....กินข้าว....กินกิน เราหิวแล้ว กินข้าวกันมาราตรี....จะ..จะ...ใจดี เธอใจดีจังเลย...."
ร่างผอมแห้งปรบมือแปะแปะ ยกมือไหว้ท่วมหัว แล้วยื่นมือออกไปรับปิ่นโตจากหญิงสาวใจดี..
หลังจากที่สามีภรรยาผู้ใจดี พูดเกลี่ยกล่อมมาราตรีอยู่นานสองนาน เพื่อเชื้อเชิญให้มาราตรีมาพักอยู่กับพวกเขา มาราตรีเจ้าหญิงริมถนน ตกลงทันทีในชั่วโมงที่สองของการเกลี่ยกล่อม ด้วยข้อเสนอที่ภรรยาบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้นเสนอ คือ เธอจะซื้อมงกุฎให้ใหม่ มีอาหารให้กินทุกวัน และมอบราชวังหลังใหม่ให้ ซึ่งจะใหญ่กว่าราชเพิงริมถนนนี้
"มงกุฎ....มงกุฎ เราอยากได้มงกุฎสวย ๆ เราไป เราไปกับพวกเธอ"
กระต๊อบไม้ขนาดเล็ก มีหน้าต่างประตูที่ต่อเติมขึ้นใหม่ มีห้องน้ำข้างกระต๊อบ ที่มองดูก็รู้ว่าพื้นปูนยังแห้งไม่สนิท
ภายในกระต๊อบ มีฟูก ผ้าห่ม หมอน มุ้งและเสื้อผ้าผู้หญิง ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของภรรยาบุรุษขายลำไยและมะนาวแป้นที่แบ่งมาให้เจ้าหญิงริมถนน
"เธอพักอยู่ที่นี่นะ นี่คือราชวังใหม่ของเธอ" หญิงสาวผู้ใจดีพูดกับหญิงสาวสติฟั่นเฟือน
"ชอบ...เราชอบ....น่านอน"
มาราตรีรีบวิ่งพรวดพราดขึ้นมาบนกระต๊อบแล้วล้มตัวลงนอนบนฟูก
"ห้ามนอนถ้ายังไม่อาบน้ำ ลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำก่อน ไม่งั้นฉันไม่ชื้อมงกุฎให้เธอ"
หญิงสาวผู้ใจดีพูดขู่ ยกมือง้างขึ้นทำท่าจะตี ถ้าไม่ยอมทำตาม.....ในขณะที่บุรุษขายลำไยและมะนาวแป้น ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เขาปลีกตัวไปทำงาน ปล่อยให้ผู้หญิงสองคนคุยกันเอง
(มีต่ออีกนิดครับ) ^^