ขอเสริมว่าเห็นนายกเพิ่งตอบสื่อมวลชนเมื่อสักครู่ ตอบได้ดีมากครับ ตอนนี้ต้องเข้าถึง ทำความเข้าใจ กับเด็กๆให้ได้ เขาอาจไม่ดูสื่อหลักหรือรับฟังพ่อแม่ อาจต้องดูวิธีอื่นๆที่จะเข้าถึง คนรุ่นนี้ที่กำลังเชื่อตามๆกันโดยไม่คิดวิเคราะห์เอง
ขอเสนอแนวทางให้ผู้มีอำนาจระดับสูงพิจารณาดู ท่านอาจจะพยายามอยู่ก็ได้
ผมเห็นว่า ไม่ว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนี้ ต้องมองเกมให้ขาด หาฝ่ายเสนาธิการ (Strategic Advisor) ที่เข้าใจ Game Theory และเข้าใจจุดประสงค์ของหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามและ bargaining power ของฝ่ายตรงข้าม เพื่อทำ Scenario Planning และวาง Strategy ให้สามารถสัมฤทธิ์ผลในระยะยาว ตัวอย่างการมองเกมต้องเริ่มจาก
Statement of the Problem: สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา (root cause) ซึ่งต่างจากข้อเรียกร้องที่เห็นๆกันอยู่ นายกน่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริงอยู่แล้ว ตัวอย่าง
- การแย่งชิงอำนาจรัฐ หรือ
- ความขัดแย้งของผู้มีบารมีทั้ง 2 ฝ่าย หรืออื่นๆ
Amplifier: ตัวขยายปัญหาซึ่งมีได้หลายตัว หรือเหตุต่างๆที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเลือกเล่นเกมลงถนน ตัวอย่าง
- กติกาการเข้าสู่อำนาจ เช่น วุฒิสมาชิกลงคะแนนเลือกนายกได้
- ผู้มีบารมีฝ่ายหนึ่งต้องการกลับบ้าน หรืออื่นๆ
Real Objective: ต่อมา ต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของฝ่ายที่อยู่ในอำนาจปัจจุบัน ตัวอย่าง
- ดำรงไว้ซึ่งอำนาจรัฐ (must win)
- ไม่ติดกับอำนาจ แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่
- ไม่ติดกับอำนาจ แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่ แต่ต้องไม่มีผลกระทบต่อสถาบัน
- หรืออื่นๆ
Opposition bargaining power & tools: ตัวหมากที่ใช้เล่นเกมนี้
- ม็อบนักเรียน
- Social Media
- นักวิชาการ สื่อมวลชน
- นักการเมืองทุกฝ่าย ที่สามารถร่วมกับฝ่ายชนะ
- ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ที่อาจไม่ชอบฝ่ายปัจจุบัน
- เศรษฐกิจที่ตกต่ำจาก Covid
- ประชาชน นักธุรกิจ ที่ได้รับผลจากเศรษฐกิจ
- มหาอำนาจที่ต้องการครอบงำ
- อื่นๆ
People Perception: การต่อสู้จะชนะได้ ต้องชนะใจประชาชน วิธีชนะใจประชาชนมีหลายวิธี บางวิธีอาจไม่ได้ผลในยุคนี้หรือกับบางช่วงอายุวัย เช่น
- Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ (อาจไม่ค่อยได้ผลในสมัยนี้)
- Social media & networking ต้องหา idols/speakers หลายๆคนในทุกช่วงวัย ที่จะทำให้กลุ่มคนต่างๆเห็นดีเห็นงามด้วย
- ลดภาษี แจกเงิน (อาจไม่ได้ผลกับนักเรียน ที่ไม่ต้องเสียภาษี และยังได้เงินจากพ่อแม่)
- เมตตา กรุณา มีคุณธรรม ทำให้เห็นว่าเป็นคนดี
- นโยบายขายฝัน ทำให้เห็นว่าเก่ง ฉลาด
- อื่นๆ
หลังจากนั้น นายกและฝ่ายเสนาธิการ ต้องวาง Short Term “Desired Outcome” สำหรับ current crisis เช่นยอมรับบางเงื่อนไขที่รับได้ในหลักการ หรือหาทางออกที่ฝ่ายตรงข้ามพอรับได้ เช่นทำประชามติให้ประชาชนตัดสินว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนการลาออกซึ่งจะทำให็รัฐบาลทั้งชุดสิ้นสุดลง แล้วจะให้ใครมาเป็นแทน เป็นคำถามกลับให้มีผู้ชุมนุมต้องใช้สมองคิดบ้าง
ทีมงานต้องแก้ปัญหาตามกรอบการทำงานด้านมวลชน ให้ได้ผลในระยะกลางและยาว กรมประชาสัมพันธ์ที่ทำงานแบบเก่าคงต้องสังคยานาขนาดใหญ่ ต้องหาบุคลากรที่เข้าใจ มวลชนสัมพันธ์สมัย digital
สุดท้าย การเจรจาระหว่างผู้มีบารมีของทั้ง 2 ฝ่ายหัวหน้าน่าจะให้ผลดีที่สุด
ขอบคุณที่อ่านครับ
นายกจะแก้ปัญหาอย่างไร
ขอเสนอแนวทางให้ผู้มีอำนาจระดับสูงพิจารณาดู ท่านอาจจะพยายามอยู่ก็ได้
ผมเห็นว่า ไม่ว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนี้ ต้องมองเกมให้ขาด หาฝ่ายเสนาธิการ (Strategic Advisor) ที่เข้าใจ Game Theory และเข้าใจจุดประสงค์ของหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามและ bargaining power ของฝ่ายตรงข้าม เพื่อทำ Scenario Planning และวาง Strategy ให้สามารถสัมฤทธิ์ผลในระยะยาว ตัวอย่างการมองเกมต้องเริ่มจาก
Statement of the Problem: สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา (root cause) ซึ่งต่างจากข้อเรียกร้องที่เห็นๆกันอยู่ นายกน่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริงอยู่แล้ว ตัวอย่าง
- การแย่งชิงอำนาจรัฐ หรือ
- ความขัดแย้งของผู้มีบารมีทั้ง 2 ฝ่าย หรืออื่นๆ
Amplifier: ตัวขยายปัญหาซึ่งมีได้หลายตัว หรือเหตุต่างๆที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเลือกเล่นเกมลงถนน ตัวอย่าง
- กติกาการเข้าสู่อำนาจ เช่น วุฒิสมาชิกลงคะแนนเลือกนายกได้
- ผู้มีบารมีฝ่ายหนึ่งต้องการกลับบ้าน หรืออื่นๆ
Real Objective: ต่อมา ต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของฝ่ายที่อยู่ในอำนาจปัจจุบัน ตัวอย่าง
- ดำรงไว้ซึ่งอำนาจรัฐ (must win)
- ไม่ติดกับอำนาจ แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่
- ไม่ติดกับอำนาจ แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่ แต่ต้องไม่มีผลกระทบต่อสถาบัน
- หรืออื่นๆ
Opposition bargaining power & tools: ตัวหมากที่ใช้เล่นเกมนี้
- ม็อบนักเรียน
- Social Media
- นักวิชาการ สื่อมวลชน
- นักการเมืองทุกฝ่าย ที่สามารถร่วมกับฝ่ายชนะ
- ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ที่อาจไม่ชอบฝ่ายปัจจุบัน
- เศรษฐกิจที่ตกต่ำจาก Covid
- ประชาชน นักธุรกิจ ที่ได้รับผลจากเศรษฐกิจ
- มหาอำนาจที่ต้องการครอบงำ
- อื่นๆ
People Perception: การต่อสู้จะชนะได้ ต้องชนะใจประชาชน วิธีชนะใจประชาชนมีหลายวิธี บางวิธีอาจไม่ได้ผลในยุคนี้หรือกับบางช่วงอายุวัย เช่น
- Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ (อาจไม่ค่อยได้ผลในสมัยนี้)
- Social media & networking ต้องหา idols/speakers หลายๆคนในทุกช่วงวัย ที่จะทำให้กลุ่มคนต่างๆเห็นดีเห็นงามด้วย
- ลดภาษี แจกเงิน (อาจไม่ได้ผลกับนักเรียน ที่ไม่ต้องเสียภาษี และยังได้เงินจากพ่อแม่)
- เมตตา กรุณา มีคุณธรรม ทำให้เห็นว่าเป็นคนดี
- นโยบายขายฝัน ทำให้เห็นว่าเก่ง ฉลาด
- อื่นๆ
หลังจากนั้น นายกและฝ่ายเสนาธิการ ต้องวาง Short Term “Desired Outcome” สำหรับ current crisis เช่นยอมรับบางเงื่อนไขที่รับได้ในหลักการ หรือหาทางออกที่ฝ่ายตรงข้ามพอรับได้ เช่นทำประชามติให้ประชาชนตัดสินว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนการลาออกซึ่งจะทำให็รัฐบาลทั้งชุดสิ้นสุดลง แล้วจะให้ใครมาเป็นแทน เป็นคำถามกลับให้มีผู้ชุมนุมต้องใช้สมองคิดบ้าง
ทีมงานต้องแก้ปัญหาตามกรอบการทำงานด้านมวลชน ให้ได้ผลในระยะกลางและยาว กรมประชาสัมพันธ์ที่ทำงานแบบเก่าคงต้องสังคยานาขนาดใหญ่ ต้องหาบุคลากรที่เข้าใจ มวลชนสัมพันธ์สมัย digital
สุดท้าย การเจรจาระหว่างผู้มีบารมีของทั้ง 2 ฝ่ายหัวหน้าน่าจะให้ผลดีที่สุด
ขอบคุณที่อ่านครับ