✌️😁 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#59 Week#16, 13 - 17 ตุลาคม/ น้องวิทย์ กับคดีดินสอสีฟ้าที่หายไป-ถุงมือ Q.E.D.😁✌️

กระทู้คำถาม
อมยิ้ม49
ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 16 เรื่องที่ 3 ครับ... ^^

เป็นเรื่องที่น่ารักอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ชั้นอนุบาล กับคุณครู

เด็กชายคนหนึ่งวาดมาดเป็นนักสืบ เหมือนกับว่าจะเลียนแบบ "โคนัน" ช่วยคุณครูไขปริศนา ดินสอสีน้ำ เอ๊ยไม่ใช่! โทษที ^^ ดินสอสีฟ้า...ปัดโธ่เอ๋ยย ดินสอสีฟ้า ครับ ของนักเรียนคนหนึ่งหายไป เด็กๆ คนอื่นๆ ช่วยกันหากันจ้าละหวั่น แต่เด็กชายผู้สวมบท "โคนันคุง" ที่ว่านี่ เฉย มีแต่เดินดูนั่นนี่โน่นบ้าง พูดคุยกะคนโน้นคนนี้ แต่คุณครูผู้กำลังสอนอยู่ในห้องนั้นก็พอรู้กิตตศัพท์ของเด็กชายคนนี้มาบ้างว่า ฉลาด ไม่ธรรมดา...

ไปดูกันว่า น้อง "โคนัน" นี่ จะไขปริศนาอย่างไรครับ ^^ อมยิ้ม04หัวใจ

เพี้ยนแช๊ะเพี้ยนส่องอมยิ้ม03
อีกาหลายตัวยังคงบินตีวง ส่งเสียงร้องฟังน่ากลัว อยู่ภายนอกห้องเรียนชั้นอนุบาล 3/1 เด็กชายวิทย์ยืนตีหน้าขรึมอยู่ที่ช่องหน้าต่างบานนั้นพอดิบพอดี นี่ถ้าท้องฟ้าครึ้มหน่อย เพิ่มฟ้าแลบฟ้าร้องอีกนิด ก็เข้าบรรยากาศนิยายสืบสวนสอบสวนเป๊ะ

    “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว และผมจะเป็นคนไขข้อข้องใจนั้นเอง” แล้วเด็กชายตัวน้อยก็ประกาศกร้าวออกมา

    ในขณะที่เด็กๆ ชั้นอนุบาล 3/1 กำลังช่วยกันหาดินสอสีฟ้าที่หายไปของน้องมายด์ ฉันแอบสังเกตเห็นว่า แทนที่น้องวิทย์จะช่วยกันรื้อค้น ช่วยกันสอดส่องตามซอกโต๊ะตู้ เขากลับเอาเวลาไปเดินดูตรงนั้นตรงนี้ คุยกับเพื่อนคนนั้นคนนี้แทน

    ครูดาว ครูประจำชั้นอนุบาล 3/1 ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงลาคลอดเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ เกี่ยวกับความฉลาดของน้องวิทย์ นึกไม่ถึงว่าฉันกำลังจะได้เห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้

    เริ่มแล้วสินะ มาเลย ฉันรอฟังอยู่แล้ว

    “เรื่องเริ่มจาก อั่งเปาที่อยู่กลุ่มเดียวกับน้องมายด์ เป็นคนบอกว่าสีไม้ของน้องมายด์หายไปแท่งหนึ่ง”

    พอเริ่มเรื่อง เด็กๆ ที่กำลังกึ่งเล่นกึ่งหากันอยู่ก็เริ่มเงียบเสียงลง แล้วก็ค่อยๆ เดินมาจับกลุ่มกันจนเป็นวงกลม โดยมีน้องวิทย์และฉันอยู่กึ่งกลาง

    “น้องมายด์ไม่กล้าบอกใครครับ อั่งเปาทนเห็นผู้หญิงร้องไห้ไม่ได้ เลยเป็นคนบอกแทน”

    น้องอั่งเปา เด็กน้อยตาตี่ อ้วนจ้ำม่ำ จนแก้มเบียดปากสีชมพูเหลือเล็กนิดเดียว ยกมือขึ้นให้ข้อมูลอย่างกับรู้คิวการแสดง

    “น้องมายด์ยืมสีมาจากพี่มิ้นท์ พี่มิ้นท์ต้องดุน้องมายด์แน่เลย ถ้าสีหายไปแท่งหนึ่ง”

    ถึงคราวของเด็กหญิงผมเปีย เจ้าของสีฟ้าที่หายไปให้ข้อมูลบ้าง พี่มิ้นท์ที่เด็กน้อยพูดถึง หมายถึงพี่สาวแท้ๆ ของเธอเอง ที่เรียนอยู่ชั้น ป.2 พูดไปก็เสียงสั่น เบะปากทำท่าจะร้องไห้ออกมา

    เห็นน้องวิทย์ฟังข้อมูลอย่างสงบ แล้วก็ยิ้มออกมา

    “ก่อนอื่น ถ้าสีไม้ของน้องมายด์ตกพื้น กลิ้งหายไป หรือมีใครหยิบไปวางไว้ตามโต๊ะ ตู้ แล้วทำไมพวกเราตั้ง 20 คน ช่วยกันหาตั้งนาน ถึงไม่เจอเสียที”

    ฟังแล้วก็ต้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ห้องเรียนไม่ได้กว้างขวางอะไร แถมยังค่อนข้างโล่งอีกต่างหาก หากสีไม้แท่งนั้นตกหล่นจริง ก็น่าจะหาเจอได้ไม่ยาก

    “ก็แสดงว่า สีแท่งนั้นไม่ได้หล่นพื้น...”

    “จากความจริงข้อนี้ ก็คิดได้แบบนั้นแบบเดียวครับ”

    น้องวิทย์พูดเสริมคำพูดฉัน ขยับแว่นตากรอบดำรูปทรงสี่เหลี่ยมหนาเตอะ ที่มีขนาดใหญ่ไปนิดเมื่อเทียบกับรูปหน้า ให้เข้าที่เข้าทางอย่างมีสไตล์ เห็นแล้วก็รู้สึกคุ้นตาพิกล

    “ถ้าสีไม้ไม่ได้กลิ้งตกพื้นหายไป ก็คิดได้อย่างเดียวว่ามีคนหยิบมันไปไว้ที่ไหนสักแห่ง และถ้าเป็นอย่างนั้น คนที่น่าสงสัยที่สุด ก็ต้องเป็น อั่งเปา มิกซ์ เอ และใบข้าว

    น้ำเสียงของเด็กน้อยนักสืบผ่อนหนักเบาอย่างมีจังหวะจะโคน แต่แทนที่จะน่าเกรงขาม ฉันกลับรู้สึกว่าน่ารักไปอีกแบบ

    ทั้งสี่ชื่อที่น้องวิทย์อ้างถึง เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มระบายสีเดียวกันกับน้องมายด์ นั่งโต๊ะเดียวกัน ใช้สีที่แจกให้กล่องเดียวกัน แต่น้องมายด์เอาสีมาเองด้วย ก็เลยกลายเป็นมีดินสอสีสองกล่องในกลุ่มนี้ ไม่ต้องแย่งกัน รอคิวใช้สีเดียวกันแบบกลุ่มอื่น

    แต่ก็กลายเป็นเกิดปัญหาขึ้นมาจนได้เสียนี่

    ฉันหันไปมองเด็กน้อยทั้งสี่ที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ทางด้านซ้ายมือ พวกเขาเริ่มออกอาการเสียขวัญ หันมองกันเอง แล้วก็ส่งสายตาวิงวอนมาทางฉัน

    “หนูไม่ได้เอาไปนะคะ ครูแอน

    น้องใบข้าวอาการหนักสุด แก้ตัวเสียงสั่น แทบจะร้องไห้ออกมาเลยเชียว

    “โอ๋ ไม่ร้องนะจ๊ะ เด็กดี ครูเชื่อว่าหนูไม่ได้เอาไปจ้ะ” ทำเอาฉันต้องรีบเข้าไปกอดปลอบ ก่อนที่เด็กน้อยจะปล่อยโฮออกมาจริงๆ

    “ปัญหาคือ ตอนที่พวกเราช่วยกันหาเมื่อกี้ จากการสังเกต ผมไม่เห็นว่าใครมีพิรุธเลยสักคน ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าหนึ่งในสี่คนนี้เป็นคนเอาดินสอสีฟ้าของน้องมายด์ไป ก็น่าจะยังเร็วเกินไป”

    โธ่ แล้วจะพูดทำไมเนี่ย ทำไมไม่รีบบอกประโยคนี้มาก่อน เห็นไหมว่าเพื่อนๆ จะยกกลุ่มร้องไห้กันหมดแล้วเนี่ย...ประโยคนี้ฉันพูดในใจ ส่วนที่ทำก็แค่ยิ้มให้เด็กชายผู้พูดไปเท่านั้น

    น้องวิทย์เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนกอดอก แล้วใช้มือข้างหนึ่งจับบริเวณคางของตัวเอง เอียงตัวนิดหน่อยแบบรู้ท่า รู้มุมกล้องอีกต่างหาก

    “ถ้าเป็นอย่างนั้น ใครเป็นคนหยิบดินสอสีไม้ของน้องมายด์ไป โดยที่คนทั้งกลุ่มตั้งห้าคนไม่รู้กันล่ะ”

    จังหวะนี้เด็กน้อยนักสืบก้มหน้าลงนิดหน่อย พึมพำเบาๆ กับตัวเอง แล้วก็เงยหน้าขึ้น เหลียวมองออกไปทางนอกหน้าต่าง คล้ายกำลังสังเกตฝูงอีกา ซึ่งบินวนไปมาตั้งแต่ช่วงกลางชั่วโมงเรียนวิชาวาดเขียนแล้ว

    “เอ๊ะ หรือว่าอีกาตัวที่บินเข้ามาในห้องจะเอาไป” ฉันพึมพำออกมาบ้าง ก็มีเหตุผลอยู่นะ ถึงจะไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ฟังจากผู้เฒ่าผู้แก่เล่า เขาว่ากันว่าอีกามีนิสัยชอบขโมยของอยู่เหมือนกัน

    ตอนที่เจ้านกขนดำบินเข้ามา ทำเอาเด็กๆ ตกใจจนชุนมุนกันไปหมด ฉันต้องรีบให้ทุกคนเก็บของ รวบรวมสมุดวาดเขียน เอากลับมาวางไว้บนโต๊ะครู เลิกวิชาเรียนกลางคันเลยทีเดียว

    “อีกามี 6 ตัว เท่าเดิม ถ้ามีตัวไหนเอาสีไป มันน่าจะบินกลับรังไปมากกว่าที่จะยังวนเวียนอยู่ที่นี่ครับ”

    คราวนี้ทำเอาฉันนึกทึ่งจริงๆ เพราะไม่คิดว่านักสืบจิ๋วคนนี้จะช่างสังเกตขนาดนับจำนวนนกเอาไว้ตั้งแต่แรกด้วย ขณะกำลังนึกชื่นชม เด็กชายเอกก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาเดินไปที่โต๊ะครู หยิบสมุดวาดเขียนมาเปิดดูหลายเล่ม แล้วก็ยิ้มออกมา

    “ได้เวลาคลี่คลายปริศนาแล้วครับ”

    จังหวะนั้น ฉันเหมือนกับเห็นกระจกแว่นตาสะท้อนแสงวิบวับอย่างไรชอบกล

    “คดีนี้ จะว่าไปก็คล้ายการโจรกรรมเพชร ในห้องที่มีการคุ้มกันหนาแน่น เป็นทริคของปีศาจร้ายอันคาดไม่ถึงครับ”

    หืม โจรกรรมเพชรอะไร ใครคุ้มกันหนาแน่น  โอ๊ย ฉันคันปาก อยากตบมุกเด็กน้อยชะมัด แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวจะเสียรูปคดี เอ๊ย เดี๋ยวพ่อนักสืบจิ๋วจะโดนเบรคจนขาดความมั่นใจ

    “สีไม้ไม่ได้หล่นลงพื้น ไม่อยู่ตามโต๊ะตู้ ซอกมุมต่างๆ อีกาไม่ได้เป็นคนเอาไป แล้วดินสอสีฟ้าของน้องมายด์หายไปได้ยังไง”

    หลังพูดสรุปเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง น้องวิทย์ก็หยิบดินสอมาเขียนขยุกขยิกอะไรสักอย่างบนกระดาษ ฉันชะโงกหน้าไปอ่าน ก็เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัว

    Q.E.D.

    “เอ่อ เฉลยเลยดีกว่านะจ๊ะ น้องวิทย์ น้องมายด์คงอยากจะได้สีคืนเต็มแก่แล้วละจ้ะ” ฉันต้องรีบตัดบท เพราะไม่แน่ใจว่าจะยังมีการ์ตูนเรื่องอื่นเหลืออยู่ไหม ด้วยกลัวว่ามันจะยาวออกทะเลจนหาทางกลับฝั่งไม่เจอ

    “คนที่ทำให้ดินสอสีฟ้าของน้องมายด์หายไป ก็คือนายนั่นแหละ มิกซ์

    อ้าว...คราวนี้บทจะเร็วก็เร็วจนไม่ทันตั้งตัว น้องมิกซ์ที่ถูกพาดพิงถึงกับตกใจหน้าถอดสี

    “เราไม่ได้ขโมยนะ ผมไม่ได้เอาไปนะครับ ครูแอน”

    เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องรีบเข้าไปปลอบก่อนที่น้ำตาลูกผู้ชายของเด็กชายตัวน้อยจะไหลรินออกมา

    “ใจเย็นๆ เราไม่ได้ว่ามิกซ์ขโมยไปนะ เราแค่บอกว่ามิกซ์เป็นคนที่ทำให้ดินสอสีฟ้าหายไปเท่านั้นเอง”

    “ลองบอกเหตุผลมาหน่อยซิ น้องวิทย์ น้องวิทย์พูดมั่วๆ ไม่ได้นะครับ เห็นไหม เพื่อนตกใจกันหมดแล้ว” ฉันเร่งให้นักสืบจิ๋วเฉลย และปรามไปในเวลาเดียวกัน

    “จุดที่เป็นจุดหลักของเรื่องนี้ อยู่ที่อีกาครับ ถ้าไม่มีอีกา เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าจะให้พูดอีกอย่างก็คือ อีกาไม่ได้เอาดินสอสีไป แต่อีกาสร้างโอกาสให้ดินสอสีแท่งนั้นหายไป”

    ฉันเห็นเด็กๆ หลายคนคิดตาม คล้ายกำลังเล่นเกมนักสืบอย่างเอาจริงเอาจังกันอยู่ พอฉันเริ่มคิดตามบ้าง ก็ฉุกใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เหมือนกัน

    “อีกาทำให้ต้องเลิกเรียนกลางคัน ทำให้ทุกคนต้องรีบเก็บของ ในตอนนั้นไม่น่าจะมีใครสนใจใคร ถ้าสีฟ้าจะหายไป ก็ต้องเป็นเวลานั้นเท่านั้น”

    นักสืบตัวน้อยเกริ่นออกมาอย่างรู้บทรู้เวลา

    “ผมตรวจดูสมุดวาดเขียนเรียบร้อยแล้ว มิกซ์วาดรูปแม่น้ำกับท้องฟ้า อั่งเปาวาดรูปสวนดอกไม้ที่ปลูกต้นถั่วยักษ์ไว้ เอวาดรูปคุณหมอกำลังรักษาคนไข้ ส่วนใบข้าววาดรูปกระปุกออมสินสิงโต”

    ฉันเดินไปหยิบสมุดวาดเขียนของทั้งสี่คนมาดู

    เอ...บางรูปก็ใช่นะ ดูง่ายๆ ตรงไปตรงมาดี แต่อย่างต้นไม้ของน้องอั่งเปาต้นนี้ ใช่ต้นถั่วแน่เหรอ แล้วไอ้ก้อนๆ สีแดงที่คล้ายคนกำลังปีนอยู่นี่ใคร คุณหมอของน้องเอ หัวโตตาโตเหมือนมนุษย์ต่างดาวชะมัด แถมขายาวอีกตะหาก ส่วนของน้องใบข้าว ไอ้ข้างๆ กระปุกออมสินสิงโตนี่ วางแผนจะวาดกระปุกออมสินข้าวหลามเหรอ    นี่ถ้าคนวาดรูปพวกนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับฉัน คงตบมุกกันกระจาย ฮาท้องคัดท้องแข็งกันไปแล้ว

    แต่ด้วยจรรยาบรรณของครู ใครก็รู้ว่าต้องส่งเสริม ชื่นชมให้เด็กเกิดความมั่นใจ มากกว่าจะเอามาล้อเลียนให้เขาไม่กล้าแสดงออก

    “สีที่ระบายค้างอยู่ของใบข้าวคือสีชมพู ของเอคือสีดำ ของอั่งเปาเป็นสีเขียว ส่วนของมิกซ์เป็นสีฟ้า”

    “ก็แสดงว่า น้องมิกซ์ใช้สีฟ้าเป็นคนสุดท้ายก่อนเก็บสินะจ๊ะ” ฉันนึกออก จึงรีบเสริมคำพูดน้องวิทย์ “ถ้าอย่างนั้น น้องมิกซ์จำได้ไหมครับ ว่าเอาสีฟ้าของน้องมายด์ไปไว้ไหน”

    น้องมิกซ์ในอ้อมกอดทำท่านึก แล้วก็ส่ายหน้าอย่างคนนึกอะไรไม่ออก

    “ครูแอนรู้ไหมครับ รูปที่เด็กส่วนใหญ่มักวาดบ่อยที่สุด คือรูปดอกไม้ ต้นไม้ ทุ่งหญ้า ทะเล ท้องฟ้าครับ”

    น้องวิทย์ครับ น้องวิทย์ก็เด็กไม่ใช่เหรอครับ แหม คิดแล้วก็ชักอยากจะเห็น ว่าน้องวิทย์วาดรูปอะไร

    “ดังนั้น สีฟ้า สีเขียว สีชมพู จึงเป็นสีที่ถูกใช้มากที่สุด”

    เพราะสีเหล่านี้ถูกใช้บ่อยที่สุด จึงมักหมดเร็ว และเหลือแท่งสั้นที่สุดเสมอ โดยเฉพาะสีไม้ของทางโรงเรียนที่ถูกใช้บ่อย สีเหล่านี้จึงมักเหลือเป็นแท่งสั้นๆ จนจับไม่ถนัด...คำพูดของน้องวิทย์ ทำให้เรื่องราวไหลต่อเนื่องออกมาเป็นสาย

    “สีฟ้าในกล่องดินสอสีของโรงเรียนก็เลยไม่ได้ถูกใครหยิบเอามาใช้แต่แรก เพราะมันเหลือแท่งสั้นมาก จนพออยู่ในกล่องก็ไม่มีใครสังเกตเห็นสินะ”

    “ใช่แล้วครับ มิกซ์ใช้ดินสอสีฟ้าของมายด์ พอโดนเร่งให้เก็บของตอนที่อีกาบินเข้ามา เห็นช่องว่างในกล่องดินสอสีของโรงเรียน ก็เลยเสียบสีฟ้าของมายด์ลงไปในนั้นแทน ซึ่งแน่นอนว่า สีฟ้าของมายด์เองก็สั้นเหมือนกัน จึงใส่ซ้อนกับสีฟ้าในกล่องได้ ไม่ยื่นออกมาจากปากกล่อง”

    หลังจากนั้น ฉันและนักเรียนตัวน้อย จึงไปไล่เปิดหากล่องสีของโรงเรียนทีละกล่อง และก็พบดินสอสีฟ้าของน้องมายด์ถูกเสียบซ้อนอยู่กับสีฟ้าอีกแท่งจริงอย่างที่น้องวิทย์วิเคราะห์ไม่มีผิด

    ดินสอสีที่หายไปจึงถูกส่งคืนให้เจ้าของที่ยิ้มร่าออกมาได้ในที่สุด

(มีต่ออีกนิดครับ) ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่