ตามหัวข้อเลยค่ะ คือต้องขอเล่าตั้งแต่เริ่มเลยนะคะ ยาวหน่อยขอระบายในตัวด้วยนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่าตอนนี้อยู่ปี 4 ค่ะ ต้องทำวิจัย
ตอนแรกเรามีคู่นะคะ เราสนิทกันค่ะ พอทำวิจัยด้วยกันเรารู้สึกว่า เขาไม่ค่อยที่จะทักมาถามว่า เราควรเอายังไง หรือสั้นๆ ไม่ค่อยทักมาปรึกษา ส่วนมากมีแต่เราฝ่ายเดียวที่ทักถาม จนรู้สึกว่ามันแบบ ทำไมไม่ทักมาถามบ้าง จนมันเกิดความคิดหลายๆ อย่างค่ะ ไม่รู้เรียกว่า นอยหรือป่าว แต่เราคิดมากค่ะ ไหนจะเพื่อนสนิทกัน
ถ้าเกิดแยกกันจะมี ปห ตามมาไหม จะแตกกันไหม
นิสัยเราเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของเพื่อนพอสมควร
ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทยิ่งแล้วใหญ่ เรารู้สึกแบบนี้มา 1 เดือนได้ก่อนเปิดเทอม จนเปิดเทอมเราก็ยังไม่แยกกันะคะ
ก็ยังดูๆ เขาอยู่ว่าจะมีท่าทีทักมาถามไหม แต่ไม่เลย
จนเราต้องตุยแชทปรับความเข้าใจไปรอบที่ 1 เขาก็บอกว่าจะพยายาม อะไรประมาณนี้ พอผ่านมานานเข้า มันก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จนเราทนไม่ไหว เราเลยเข้าไป พบ กับ อาจารย์ที่สอนวิชานี้เป็นอาจารย์ที่ตั้งสาขาขึ้นมาด้วย เราก็ปรึกษาจะขอแยก มาทำกับอีกกลุ่ม หรือขออยู่กลุ่ม 3 คน แล้วเราเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง เพราะอะไรถึงขอแยก เพื่อนเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ อาจารย์ก็เป็นห่วง แต่ทางเราก็เป็นห่วงเช่นกัน
หลังเพื่อนจะไม่รอด แล้วก็บอก อาจารย์ไปว่า ขอฝากเขาอยู่กับอีกกลุ่มได้ไหมคะ อาจารย์ก็รับปากไม่ได้ค่ะ
อาจารย์บอกว่าให้ที่ปรึกษาตัดสินใจ แต่ทางจารย์นี้ก็อยากให้อยู่กลุ่ม 3 คนค่ะ ขอบอกอีกอย่าง เราก็ไม่ได้เก่งค่ะ พอผ่านไป อาจารย์ที่ปรึกษาได้เรียกคู่ที่ทำวิจัยเราไปพบก่อนค่ะ ส่วนนัดเรานัดตอนบ่าย ซึ่งก่อนที่จะไปพบที่ปรึกษา เราได้ทำความเข้าใจกับเพื่อนอีกครั้ง
ก็คุยๆ กัน เราก็เสียใจ ร้องให้ไป 1 รอบ ทางเพื่อนบอกว่า เขาเลือกขอทำคนเดียว ซึ่งตอนแรก อาจารย์จะให้เขาอยู่ทีม 3 แต่เขาขอไม่เอา เพราะไม่อยากโดนนิทนาลับหลัง แต่เขาก็อยากอยู่คนเดียว แต่ไม่บอก จนมันสายเกินแก้ ที่ไม่สามารถเลือกกลุ่มได้
วาปมาที่ จข กระทู้ พบ ที่ปรึกษาเลยนะคะ
อาจารย์ถามค่ะ ว่าทำไมถึงขอแยก เราก็บอกไปแล้วค่ะ ถามที่พิม ทางอาจารย์เล่าว่า เพื่อนของเราก็ช่วยหาข้อมูล แต่ไม่ทักมาหา เขารู้จุดบกพร่อง แต่เขาไม่ปรับ
อาจารย์ก็ถามเขานะคะ ถ้ารู้ทำไมไม่ปรับ แล้วก็อะไรอีกจำไม่ได้แล้วค่ะ เรารู้สึกว่าอาจารย์จะเป็นห่วงเพื่อนของเรา จนเรารู้สึกลืมสนใจฝั่งเราไป อาจารย์พูดแค่ว่า เราทำได้อยู่แล้ว เราเก่ง แต่เรารู้ศักยภาพตัวเราดีค่ะ ว่าไม่ได้เก่ง วิจัย ใครๆก็กลัว แล้ว อาจารย์พูดว่า ให้อยู่ 3 คนไม่ได้นะ เดียวกลัวจะมีปัญหาตามมา ณ จุดๆนั้นคือเหมือนมันพังไปหมดเลยค่ะ สภาพจิตใจ ความรู้สึก เราได้แต่กลั่นน้ำตา แล้วพูดว่า ค่ะอาจารย์ แต่พอมาทำจริงๆ เรารู้สึกไม่ไหวค่ะ เราร้องให้ เครียด กดดันตัวเอง
สำหรับเรา แค่ต้องการเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกัน มองไปก็ยังมีอีกความคิดที่คอยสนับสนุน แค่นี้พอ แต่เรารู้สึกมันว่างเปล่าค่ะ จนความเครียดสะสม เราร้องให้ต่อหน้าเพื่อน นาทีนั้นคือสมเพชตัวเองมากเลย จนเพื่อน ทักไปหาอาจารย์ไปช่วยขออาจารย์ แต่เหมือนจะได้ แต่ก็ไม่ได้ค่ะ คำพูดที่อาจารย์บอกคือ “ ไปหากำลังใจมาซะ อาจารย์ให้เวลา 1 อาทิตย์ “ เราเครียดมาก จนมีแต่ความคิดลบ ไม่มีคิดบวกใดๆ เคยคิดว่าจะฆ่าตัวตายดีไหม ตายไปจะดีไหม แต่เอาเข้าจริงๆ เราไม่กล้าค่ะ เพราะเราเป็นลูกคนเดียว ถ้าเราเป็นอะไรไป พ่อแม่จะอยู่ยังไง สุดท้ายแล้วเราก็ไปตรวจสภาพจิต
หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ นาทีนั้นก็ช็อคค่ะ
ไม่คิดว่าเราจะเป็น เราเก็บความลับไว้ รู้แค่เพื่อนที่เหลืออีก 2 คน 2 คนนี้กลายเป็นเพื่อนในมหาลัยที่คอยอยู่ข้างๆตลอด จนสุดท้ายเราทำใจบอกแฟนค่ะ ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า นาทีนั้นแฟนก็เงียบค่ะ แต่เขาก็ถามว่าทำไมถึงเป็น เราก็บอกไปตามความจริง เพราะ วิจัย
เขาก็เข้าใจค่ะ พอรู้ว่าเราเป็นเรารู้สึกเขาซอฟลง พูดให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต คอยปลอบใจ
แต่พอมาเป็นโรคนี้บางทีสภาพจิตใจมันก็ซึมไปเลย
เราเป็นคนที่ให้พลังบวกกับคนอื่นได้ แต่ไม่สามารถให้ตัวเองได้ มันรู้สึกยากมาก บางทีก็นอนร้องให้ สมองไม่หยุดคิด อะไรที่มากระทบจิตใจก็คือจะคิดมาก คิดลบ
ไม่คิดบวกได้อีก พอเราเป็นเรารู้สึกนิสัยเปลี่ยนไปต่อให้ทำตัวร่าเริงก็ตาม แต่เราจะเย็นชา ไม่สน ไม่แคร์ใคร แม้แต่อาจารย์ที่ปรึกษา เรารู้แค่ว่า ใครรับได้ก็รับรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ แต่สำหรับเพื่อนที่เหลืออยู่เราก็ไม่เคยที่จะเย็นชาใส่เขา แต่เราปฏิบัติกับเขาด้วยความจริงใจค่ะ
เราไม่คิดเลยนะคะ วิจัย จะทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้
ตอนนี้เราก็ยังไม่หายดีค่ะ มีดีมีทรุดลงบ้าง ภูมิคุ้มกันเรามันบอบบางด้วย เราไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
จากใจจริง
มีใครเคยเครียดเพราะวิจัย จนเป็นโรคซึมเศร้าไหมคะ
เรื่องมีอยู่ว่าตอนนี้อยู่ปี 4 ค่ะ ต้องทำวิจัย
ตอนแรกเรามีคู่นะคะ เราสนิทกันค่ะ พอทำวิจัยด้วยกันเรารู้สึกว่า เขาไม่ค่อยที่จะทักมาถามว่า เราควรเอายังไง หรือสั้นๆ ไม่ค่อยทักมาปรึกษา ส่วนมากมีแต่เราฝ่ายเดียวที่ทักถาม จนรู้สึกว่ามันแบบ ทำไมไม่ทักมาถามบ้าง จนมันเกิดความคิดหลายๆ อย่างค่ะ ไม่รู้เรียกว่า นอยหรือป่าว แต่เราคิดมากค่ะ ไหนจะเพื่อนสนิทกัน
ถ้าเกิดแยกกันจะมี ปห ตามมาไหม จะแตกกันไหม
นิสัยเราเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของเพื่อนพอสมควร
ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทยิ่งแล้วใหญ่ เรารู้สึกแบบนี้มา 1 เดือนได้ก่อนเปิดเทอม จนเปิดเทอมเราก็ยังไม่แยกกันะคะ
ก็ยังดูๆ เขาอยู่ว่าจะมีท่าทีทักมาถามไหม แต่ไม่เลย
จนเราต้องตุยแชทปรับความเข้าใจไปรอบที่ 1 เขาก็บอกว่าจะพยายาม อะไรประมาณนี้ พอผ่านมานานเข้า มันก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จนเราทนไม่ไหว เราเลยเข้าไป พบ กับ อาจารย์ที่สอนวิชานี้เป็นอาจารย์ที่ตั้งสาขาขึ้นมาด้วย เราก็ปรึกษาจะขอแยก มาทำกับอีกกลุ่ม หรือขออยู่กลุ่ม 3 คน แล้วเราเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง เพราะอะไรถึงขอแยก เพื่อนเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ อาจารย์ก็เป็นห่วง แต่ทางเราก็เป็นห่วงเช่นกัน
หลังเพื่อนจะไม่รอด แล้วก็บอก อาจารย์ไปว่า ขอฝากเขาอยู่กับอีกกลุ่มได้ไหมคะ อาจารย์ก็รับปากไม่ได้ค่ะ
อาจารย์บอกว่าให้ที่ปรึกษาตัดสินใจ แต่ทางจารย์นี้ก็อยากให้อยู่กลุ่ม 3 คนค่ะ ขอบอกอีกอย่าง เราก็ไม่ได้เก่งค่ะ พอผ่านไป อาจารย์ที่ปรึกษาได้เรียกคู่ที่ทำวิจัยเราไปพบก่อนค่ะ ส่วนนัดเรานัดตอนบ่าย ซึ่งก่อนที่จะไปพบที่ปรึกษา เราได้ทำความเข้าใจกับเพื่อนอีกครั้ง
ก็คุยๆ กัน เราก็เสียใจ ร้องให้ไป 1 รอบ ทางเพื่อนบอกว่า เขาเลือกขอทำคนเดียว ซึ่งตอนแรก อาจารย์จะให้เขาอยู่ทีม 3 แต่เขาขอไม่เอา เพราะไม่อยากโดนนิทนาลับหลัง แต่เขาก็อยากอยู่คนเดียว แต่ไม่บอก จนมันสายเกินแก้ ที่ไม่สามารถเลือกกลุ่มได้
วาปมาที่ จข กระทู้ พบ ที่ปรึกษาเลยนะคะ
อาจารย์ถามค่ะ ว่าทำไมถึงขอแยก เราก็บอกไปแล้วค่ะ ถามที่พิม ทางอาจารย์เล่าว่า เพื่อนของเราก็ช่วยหาข้อมูล แต่ไม่ทักมาหา เขารู้จุดบกพร่อง แต่เขาไม่ปรับ
อาจารย์ก็ถามเขานะคะ ถ้ารู้ทำไมไม่ปรับ แล้วก็อะไรอีกจำไม่ได้แล้วค่ะ เรารู้สึกว่าอาจารย์จะเป็นห่วงเพื่อนของเรา จนเรารู้สึกลืมสนใจฝั่งเราไป อาจารย์พูดแค่ว่า เราทำได้อยู่แล้ว เราเก่ง แต่เรารู้ศักยภาพตัวเราดีค่ะ ว่าไม่ได้เก่ง วิจัย ใครๆก็กลัว แล้ว อาจารย์พูดว่า ให้อยู่ 3 คนไม่ได้นะ เดียวกลัวจะมีปัญหาตามมา ณ จุดๆนั้นคือเหมือนมันพังไปหมดเลยค่ะ สภาพจิตใจ ความรู้สึก เราได้แต่กลั่นน้ำตา แล้วพูดว่า ค่ะอาจารย์ แต่พอมาทำจริงๆ เรารู้สึกไม่ไหวค่ะ เราร้องให้ เครียด กดดันตัวเอง
สำหรับเรา แค่ต้องการเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกัน มองไปก็ยังมีอีกความคิดที่คอยสนับสนุน แค่นี้พอ แต่เรารู้สึกมันว่างเปล่าค่ะ จนความเครียดสะสม เราร้องให้ต่อหน้าเพื่อน นาทีนั้นคือสมเพชตัวเองมากเลย จนเพื่อน ทักไปหาอาจารย์ไปช่วยขออาจารย์ แต่เหมือนจะได้ แต่ก็ไม่ได้ค่ะ คำพูดที่อาจารย์บอกคือ “ ไปหากำลังใจมาซะ อาจารย์ให้เวลา 1 อาทิตย์ “ เราเครียดมาก จนมีแต่ความคิดลบ ไม่มีคิดบวกใดๆ เคยคิดว่าจะฆ่าตัวตายดีไหม ตายไปจะดีไหม แต่เอาเข้าจริงๆ เราไม่กล้าค่ะ เพราะเราเป็นลูกคนเดียว ถ้าเราเป็นอะไรไป พ่อแม่จะอยู่ยังไง สุดท้ายแล้วเราก็ไปตรวจสภาพจิต
หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ นาทีนั้นก็ช็อคค่ะ
ไม่คิดว่าเราจะเป็น เราเก็บความลับไว้ รู้แค่เพื่อนที่เหลืออีก 2 คน 2 คนนี้กลายเป็นเพื่อนในมหาลัยที่คอยอยู่ข้างๆตลอด จนสุดท้ายเราทำใจบอกแฟนค่ะ ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า นาทีนั้นแฟนก็เงียบค่ะ แต่เขาก็ถามว่าทำไมถึงเป็น เราก็บอกไปตามความจริง เพราะ วิจัย
เขาก็เข้าใจค่ะ พอรู้ว่าเราเป็นเรารู้สึกเขาซอฟลง พูดให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต คอยปลอบใจ
แต่พอมาเป็นโรคนี้บางทีสภาพจิตใจมันก็ซึมไปเลย
เราเป็นคนที่ให้พลังบวกกับคนอื่นได้ แต่ไม่สามารถให้ตัวเองได้ มันรู้สึกยากมาก บางทีก็นอนร้องให้ สมองไม่หยุดคิด อะไรที่มากระทบจิตใจก็คือจะคิดมาก คิดลบ
ไม่คิดบวกได้อีก พอเราเป็นเรารู้สึกนิสัยเปลี่ยนไปต่อให้ทำตัวร่าเริงก็ตาม แต่เราจะเย็นชา ไม่สน ไม่แคร์ใคร แม้แต่อาจารย์ที่ปรึกษา เรารู้แค่ว่า ใครรับได้ก็รับรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ แต่สำหรับเพื่อนที่เหลืออยู่เราก็ไม่เคยที่จะเย็นชาใส่เขา แต่เราปฏิบัติกับเขาด้วยความจริงใจค่ะ
เราไม่คิดเลยนะคะ วิจัย จะทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้
ตอนนี้เราก็ยังไม่หายดีค่ะ มีดีมีทรุดลงบ้าง ภูมิคุ้มกันเรามันบอบบางด้วย เราไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
จากใจจริง