(กระทู้ย้อนวัย) SONY FH-E939CD เครื่องเสียงอายุ (เกือบจะ) 30 ปี

ว่าก็ว่าเถิดท่านทั้งหลาย ผู้เขียนเองก็ไม่รู้จะเริ่มเขียนถึงเครื่องเสียงชุดนี้ยังไงเพราะรุ่นนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนมีความทรงจำกับมันมานับสิบปี ตั้งแต่เจอรุ่นนี้โดยบังเอิญในแคตตาล็อกเครื่องเสียงโซนี่ปี 2534 และไม่เคยได้จับตัวจริงเลยจนกระทั่งได้เป็นเจ้าของเมื่อไม่กี่วันมานี้ 

          เรื่องราวที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ผู้เขียนรวบรวมมาทั้งหมด อาจจะไม่ใช่บทความที่อ่านสนุกมากมายด้วยความที่ไม่ได้ถนัดงานเขียนแนวนี้สักเท่าไรนัก และแหล่งข้อมูลที่เป็นสื่อมัลติมีเดียหลายสื่อก็โดนลบออกจากสารบบของหลายๆ ช่องทางของระบบอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะในเว็บไซต์ YouTube ที่มีการคัดลอกคลิปโฆษณากันไปมาเผื่อปั่นยอดผู้ชม ทำให้เกิดปัญหาดราม่าจนต้องมีการลบคลิปออก เอาเป็นว่าผู้เขียนจะเขียนตามประสบการณ์และข้อมูลเท่าที่ผู้เขียนจะหาได้จากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อความถูกต้องของข้อมูลที่สุด หากผู้ใดที่ตามมาอ่านบทความนี้เคยมี เคยใช้เครื่องเสียงรุ่นนี้ หรือยังมีไว้ในครอบครองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากท่านได้แบ่งปันข้อมูลองค์ความรู้ให้ตัวผู้เขียนด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง
 
          ว่าด้วยเครื่องเสียงโซนี่ รุ่น FH-E939CD นั้น จากข้อมูลที่ผู้เขียนสืบค้นมาได้นั้น เป็นรุ่นบนสุดในอนุกรมเครื่องเสียง SONY SUPER FH ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกในช่วงปีพุทธศักราช 2534-2535 โดยในอนุกรม SUPER FH นี้ นอกจากรุ่น E939CD แล้ว ยังมีรุ่น E838, E737 และ E636 เป็นตัวเลือกตามงบประมาณที่เหมาะสม โดยรุ่น E939CD เปิดราคามาที่ 39,900 บาท ซึ่งถือว่าสูงทีเดียวในสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเกิดฟองสบู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ชนิดที่ว่ากันว่าราคาที่ดินในขณะนั้นมีมูลค่าสูงกว่าทองคำเสียอีก

         
          แต่หากท่านเป็นผู้เจนจัดในการซื้อสินค้าหนีภาษี ท่านอาจจะพบเครื่องเสียงรุ่นนี้ตามตลาดสะพานเหล็ก ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายตามย่านนี้ จะมีขายด้วยกันสองเกรด คือเกรดญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากร้านค้าปลอดภาษีในท่าอากาศยานนาริตะ กรุงโตเกียว โดยนำเข้าและชำระภาษีอย่างถูกต้องที่สนามบินดอนเมือง หรือนำเข้าจากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในฮ่องกง หรือไต้หวันโดยส่งผ่านมาทางเรือขนส่งสินค้า โดยมีจุดรับสินค้าอยู่ที่ท่าเรือคลองเตย กรุงเทพมหานคร ส่วนอีกเกรดหนึ่งคือเกรดมาเลเซีย ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากด่านสะเดาและปาดังเบซาร์ โดยมีจุดรับสินค้าอยู่ที่ตลาดกิมหยง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และส่งต่อมาที่สะพานเหล็กในกรุงเทพอีกทอดหนึ่ง โดยเครื่องเสียงโซนี่ รุ่น FH-E939CD เกรดญี่ปุ่นนั้น จะขายกันอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 30,000 บาท ส่วนเกรดมาเลเซียจะขายกันอยู่ที่ประมาณ 18,000 – 22,000 บาท ซึ่งคุณภาพในการผลิต และคุณภาพเสียงที่ได้จะแตกต่างกันชนิดฟ้ากับเหว


          โดยเครื่องเสียง SONY FH-E939CD ที่ผู้เขียนได้เอามานำเสนอให้ท่านผู้อ่านในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องเกรดญี่ปุ่นแท้สภาพมือสอง ซึ่งเจ้าของเดิมได้ซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการของโซนี่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพระรามเก้า ผ่านการใช้งานอย่างโชกโชนเป็นเวลาหลายปี ก่อนจะถูกทิ้งให้ฝุ่นจับ และถูกขายมาในสภาพยับเยิน ก่อนจะถูกบูรณะใหม่ให้สามารถใช้ได้ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่หลายจุดที่ยังเก็บงานไม่เสร็จ ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณ ทำให้ยังไม่สามารถใช้งานระบบวิทยุเอฟเอ็มได้ดีเท่าไรนัก (พูดง่ายๆ ว่าใช้ไม่ได้เลยอาจจะง่ายกว่า)

          รุ่นนี้มาพร้อมคุณสมบัติหลายอย่าง ตั้งแต่การออกแบบที่สามารถจัดวางได้อย่างอิสระ ระบบลำโพงเป็นลำโพงระบบไบ-แอมป์ (Bi-Amp) แยกเสียงกลาง-แหลม และเสียงทุ้มออกจากกัน ทำให้ได้ความพิสุทธิ์ของเนื้อเสียงชัดเจนมากยิ่งขึ้น ระบบปรับแต่งเสียงแบบ Digital Sound Processing (D.S.P) ที่สามารถจำลองสนามเสียงให้ผู้ฟังได้รับบรรยากาศที่คล้ายว่าอยู่ในสถานที่นั้นๆ และ วงจร Dynamic Bass Feedback (DBFB) เพิ่มเสียงเบสให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ระบบซีดีเป็นแบบ Digital Servo กันสะเทือนพร้อมช่องต่อสัญญาณขาออกแบบ Optical ระบบเทปเป็นแบบสองหัวพร้อมถาดใส่เทปแบบเทปเดี่ยว รองรับการขจัดสัญญาณรบกวนแบบ Dolby B และ C มาพร้อมวงจร HX Pro ให้เสียงคมชัดเสมือนฟังจากเครื่องเล่นซีดี มาพร้อมระบบปรับความดังเสียงอัตโนมัติในระบบอัดเพลงจากซีดีสู่เทป เพื่อให้ได้เสียงที่ดังเท่ากันทุกเพลง 
โดยระบบปรับแต่งเสียงแบบ Digital Sound Processing นั้น จะมีให้เลือกใช้มากถึง 12 แบบ และสามารถปรับตั้งค่าการใช้งานส่วนตัวได้ถึง 6 แบบ โดยในแต่ละแบบจะมีการตั้งค่าให้เลือก 3 การตั้งค่า ได้แก่
         
          Digital Dynamic Sound เป็นการเพิ่มมิติ และความอิ่มแน่นของเสียงในย่านกว้างและย่านลึก
          Digital Parametric Equalizer การปรับอีควอไลเซอร์สามย่านในลักษณะคลื่นพาราโบลา 
          Digital Presence Surround การปรับความก้องของเสียงในรูปแบบค่าความหน่วงระดับมิลลิวินาที

         และคุณสมบัติเสริมที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้คือ Dynamic Bass Feedback สามารถปรับความดังของย่านเสียงเบสได้สูงสุดถึง +14 เดซิเบล


         
          ระบบลำโพงเป็นลำโพงสามทาง สามารถวางจัดวางได้อย่างอิสระ ไดรเวอร์ทุกดอกใช้วัสดุเป็นกระดาษเคลือบน้ำยา ขอบลำโพงวูฟเฟอร์เป็นฟองน้ำ ทวีตเตอร์แบบซอฟท์โดม (Soft Dome)


          ว่าด้วยคุณภาพเสียงของ SONY FH-E939CD นั้น เนื้อเสียงส่วนใหญ่ออกไปทางนุ่มละมุน มีเนื้อเสียงที่ฟังสบายหู ไม่ล้า ไม่จัดจ้าน คึกคักเหมือนเครื่องเสียงยุคใหม่ของโซนี่ และไม่ยืดย้วยจนง่วงเหมือนเครื่องเสียงยุคเก่า ผู้เขียนได้ลองฟังกับแหล่งบันทึกเสียงทั้งการฟังจากแผ่นซีดีและเทปคาสเซ็ท โดยเลือกฟังเพลงแนวพ็อพ พ็อพร็อกและเพื่อชีวิตที่มีจังหวะหนักแน่น

          ทดสอบกับแผ่นซีดีซาวด์แทร็คประกอบภาพยนตร์ Pretty Woman และ the Bodyguard การขับเสียงร้องทำออกมาได้ใสเคลียร์ คมชัด  มีความหวานติดปลายเนื้อเสียงเล็กน้อย การจัดการเสียงทุ้มทำได้ค่อนข้างดี และเนื้อเสียงแหลมที่ทำได้ใสสมราคา ลองสลับจากแผ่นเพลงสากลที่เน้นเสียงร้อง มาเป็นแผ่นเพลงไทยทั่วไปอย่างมาลีวัลย์  เจมิน่า ตัวเครื่องก็สามารถถ่ายทอดเสียงได้อย่างคมชัด สดใส จะลองกับแผ่นเพลงรวมฮิตเพื่อชีวิตอย่าง “เสียงเพรียกแห่งชีวิต” ของค่ายรถไฟดนตรี เครื่องรุ่นนี้ก็ถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน เปลี่ยนเป็นการเล่นเพลงจากเทปคาสเซ็ทดูบ้าง อัลบั้มชีวิตและจิตใจของแอม เสาวลักษณ์ ตัวเครื่องเล่นเทปสามารถถ่ายทอดรายละเอียดเสียงมาได้ค่อนข้างครบถ้วน แม้จะสู้เครื่องเล่นที่ใช้หัวเทป Amorphous แบบในเครื่องเล่นเทปรุ่นใหญ่ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้วในระดับราคานี้ 

          ลองเปลี่ยนจากเพลงตลาดมาฟังเพลงที่เข้มข้นขึ้นอีกระดับ ผู้เขียนลองใช้อัลบั้ม ครั้งนั้น ณ วันนี้ ของนนทิยา จิวบางป่า ที่บันทึกด้วยระบบเสียงคุณภาพสูง และอัลบั้ม ชีวิตยังมีหวัง ของพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ การถ่ายทอดเสียงในอัลบั้มครั้งนั้น ณ วันนี้ ทำได้ออกมาหวาน พริ้ว สไตล์เครื่องเสียงรุ่นเรือธง แต่พอเปลี่ยนมาฟังเพลง “โง่” ของพงษ์สิทธิ์  คำภีร์ การถ่ายทอดเสียงกลอง ถึงจะมีแรงปะทะดี แต่การเก็บตัวของเสียงทุ้มกลับทำได้ค่อนข้างช้า เนิบ แต่ก็สามารถจัดการได้โดยการลดการเพิ่มระดับของเสียงทุ้มลง ทำให้เสียงทุ้มมีความกระชับมากยิ่งขึ้น

          ผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว FH-E939CD ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเหมือนเดิม ดังสมัยที่มันยังวางขายอยู่ในห้าง หลายคนได้เคยสัมผัสเครื่องเสียงเครื่องนี้เพียงผิวเผินเพราะเหตุผลทางกำลังทรัพย์ที่ไม่เพียงพอในยุคนั้น บางคนอาจจะยังมีรุ่นนี้อยู่ในครอบครองแม้จะอยู่ในสภาพใช้งานไม่ได้แล้ว บางคนอาจจะมีและยังใช้งานอยู่ ซึ่งก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี สำหรับตัวผู้เขียนเอง รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นเปิดประสบการณ์ให้ลองเล่นเครื่องเสียงยุคเก่า ไม่คิดว่าเครื่องเสียงเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วจะมีศักยภาพที่ทำได้ถึงขั้นนี้ ตอนนี้อาจจะต้องทำการซ่อมเพื่อเก็บงานในอีกหลายจุดแต่ ณ เวลานี้ก็ถือว่าใกล้สมบูรณ์เต็มที่พร้อมใช้งานอย่างจริงจังแล้ว และอาจจะอยู่กับผู้เขียนไปอีกนานหลายปีเลยทีเดียว

          ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ หวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะได้รำลึกความทรงจำร่วมกัน และหากใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องเสียงชุดนี้หรือใกล้เคียง สามารถแบ่งปันประสบการณ์กันได้ ถือว่าเป็นการสร้างสังคมร่วมกัน ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่เมื่อโอกาสอำนวย

ปามมี่  สาวเชียงใหม่
7 ตุลาคม 2563
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่