วันนี้จะมารีวิวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Edifier นะครับ คือรุ่น Edifier NeoBuds Plus ครับ จะเป็นรุ่นต่อยอดจากรุ่น NeoBuds Pro 2 ที่ปีก่อนขายดีมากๆ ครับ รุ่นนี้ฟีเจอร์ครบเครื่อง หลายเรื่องมาก ทั้งเรื่องการฟังเพลงนะครับ การคุยผ่านไมโครโฟนที่มีให้ถึง 6 ตัว การเชื่อมต่อแอป ที่ปรับแต่งหูฟังแบบละเอียดมากๆครับ
ดูรีวิวตัวเป็นๆได้ที่ Youtube ครับ
อุปกรณ์ในกล่อง
- หูฟัง Edifier NeoBuds Plus สีดำ
- ถุงผ้า
- จุกหูฟังสำรอง 6 ไซส์ 6 คู่
- สายชาร์จ USB-C
- คู่มือการใช้งานเป็นภาษาไทย
เรามาดูวัสดุตัวเครื่องกันก่อนนะครับ
เริ่มจากเคสชาร์จนะครับ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จับพอดีมือ ผิวตัวเคสเป็นแบบผิวด้าน สีจะออกดำเทานะครับ ไม่ได้ดำสนิท ตรงด้านหน้าเคสจะเป็นไฟ LED อันนี้ผมผมค่อนข้างชอบเลย มันเป็นไฟ LED แบบเป็นการไล่สี และก็สามารถปรับสีได้ด้วย ผ่านแอป Edifier connect นะครับ มีทั้งหมด 6 สี สีเริ่มต้นจะเป็นสีขาวครับ แล้วด้านหลังก็เป็นพอร์ตชาร์จ Type C ครับ
เปิดเคสขึ้นมา ก็จะเจอกับตัวหูฟังแล้วก็ ปุ่ม ตรงกลาง ปุ่มนี้เอาไว้สำหรับ Reset และ ใช้ในการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันครับ
มาดูในส่วนหูฟังกันต่อนะครับ
หูฟังเป็นแบบ in ear นะครับก็เป็นเอกลักษณ์นะครับสำหรับรุ่น Neobuds ที่ก้านมันจะยาวและเป็นทรงแบบนี้พร้อม Logo นะครับ คือถ้าใครเห็นก็จะรู้เลยว่าเป็นหูฟัง Edifier แน่นอนครับ รุ่นนี้มีไมโครโฟนให้มา 3 ตัวนะครับ ตำแหน่งด้านล่าง ตรงข้างบนและด้านในครับ ส่วน Touch Control จะอยู่ตรงด้านข้าง แผงค่อนข้างใหญ่ กดง่าย แก้มไม่ชนแน่นอนครับ
ตรงตำแหน่งหูฟังข้างใน ขนาดค่อนข้างใหญ่ เวลาใส่ ไม่ต้องเข้าไปลึกมาก ก็จะแน่นพอดีครับ ในส่วนของจุกสำรองที่พูดไปตอนแรกว่าให้มาทั้งหมด 6 คู่ 6 ไซส์ด้วยกันรวมกับที่ติดมากับหูฟังรวมเป็น 7 อัน ให้มาเยอะขนาดนี้คือต้องมีสักอันที่พอดีกับหูของเราครับ แต่ของผมที่ติดมากับหูฟัง ก็ใส่พอดีเลย ยังไม่เปลี่ยนครับ
การเชื่อมต่อหูฟังกับ App Edifier Connext ครับ
หลังจากเชื่อมต่อแล้ว หลักๆ จะมี 2 หน้าครับ ที่ใช้งานบ่อยๆ หน้าแรก เราก็จะเห็นสัญลักษณ์ Hi-res ตรงนี้โผล่มานะครับ อันนี้หมายความว่า หูฟ้งเราเชื่อมต่อกับมือถือที่รองรับ Codec LDAC แล้วนะครับ และจะมีแสดงแบตเตอรี่ทั้ง 2 ข้างครับ
ระบบตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้มีให้มาถึง 5 โหมด
- โหมดแรกคือ ตัดเสียงแบบสูง ในสถานที่เสียงดังมากๆ เช่นบนเครื่องบิน ตัวนี้จะตัดเสียงได้เงียบสุด ประมาณ -45 เดซิเบลนะครับ
- โหมดสองคือโหมดตัดเสียงแบบกลาง ก็ยังเงียบอยู่ แต่จะได้ยินเสียงข้างนอกบ้างเล็กน้อย
- โหมดที่สามคือตัดเสียงแบบต่ำ เหมือนกับแบบกลางครับ แต่ได้ยินเสียงลมครับ
- โหมดที่สี่เสียงรอบข้าง คือมันจะดูดเสียงข้างนอกให้เราได้ยิน สามารถปรับระดับความดังเสียงด้านนอกได้ครับ
- โหมดสุดท้ายลดเสียงลม โหมดนี้ใช้ได้จริง ผมเปิดพัดลมอยู่ด้านหลังคือ จะเสียงพัดลมดังพรึบๆ พอใช้โหมดนี้ ไม่มีเสียงลมเลย แต่จะได้ยินเสียงด้านนอกบ้างครับ
การปรับ EQ
มีทั้งแบบมี Preset มาให้และ ปรับเองก็ได้ แนะนำถ้าชอบเสียงเบสหนัก เบสเยอะ เสียงแน่นๆ เลือกแบบไดนามิก นะครับ
แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ เลือกปรับแต่งเองเลยก็ได้ครับ ปรับเรื่องเกน เรื่องคิวแฟกเตอร์ ปรับความถี่ ถ้าปรับแล้วเราสามารถบันทึกและก็แชร์การปรับผ่านไฟล์ QR Code ได้ด้วยนะครับ หรือว่าเราไปเพิ่มการปรับจากคนอื่นๆ ผ่าน QR Code ก็ได้ครับ
โหมดการใช้ ก็มีให้เลือก 3 โหมดนะครับ โหมดเพลง โหมดเกมส์ดีเลย์ต่ำ และโหมดภาพยนต์ แล้วแต่การใช้งานครับ
การตั้งค่าหูฟังแบบละเอียด ให้เข้ามาตรงรูปเฟืองครับ
เอาที่ใช้งานหลักๆ ก็จะเป็นการตั้งค่าระบบควบคุม หูฟังด้านซ้าย ด้านขวา คำสั่งมีค่อนข้างเยอะ แล้วแต่การใช้งาน
การใช้งานส่วนนี้จะเป็นการบีบนิ้วหัวแม่มือนะครับ เพราะมันอยู่ตรงด้านข้าง ต้องบีบ แตะก็ได้ครับ แต่มันจะดันทำให้หูฟังหลุดได้ครับ
ที่ตั้งค่ามาจากโรงงานเลยก็จะเป็น กด 1 ครั้งหยุดเพลง 2 ครั้งเปลี่ยนเพลง 3 ครั้ง เลือกเพลงก่อนหน้านี้ และมีกดแช่ไว้ สามารถตั้งค่าได้เองครับ
การเลือกสัญญานเสียงแบบ HD
อันนี้ต้องดูอุปกรณ์ของเราเป็นหลักก่อนนะครับ สำหรับ LDAC กับ LHDC จะมีมือถือ Android และก็เครื่องเล่น HI res นะครับ ส่วนไอโฟนตอนนี้ก็ยังเป็น AAC อยู่ มือถือของเรารองรับแบบไหน ให้เลือกอันนั้นครับ
สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ก็มีมาให้ครบครับ เช่น
- มีการเลือกความไวในการกด Touch control ที่โรงงานตั้งมาผมว่าก็พอดีครับ
-
มีการตรวจจับการใส่มาให้ด้วยนะครับ คือเวลาเอาหูฟังออกจากหู 1 ข้างเพลงจะหยุดทันที พอกลับไปใส่ที่หูอีกรอบ เพลงก็จะเล่นต่อ หรือตั้งว่าไม่ให้เล่นก็ได้ครับ
- รุ่นนี้สามารถเชือมต่ออุปกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกันได้นะครับ ถ้าใครมีมือถืออีกตัวหรือต่อกับ Laptop ก็มาเปิดตรงนี้นะครับ แต่ LDAC จะใช้ไม่ได้นะครับ -
มีการค้นหาหูฟังด้วย สมุติถ้าเราลืมหูฟังไว้ ที่ไหนสักที่ แล้วสถานะยังเชื่อมต่ออยู่ กดปุ่มค้นหา จะมีเสียงจากหูฟัง
มาถึงเรื่องของเสียงกันบ้างนะครับ
ใครได้มา ผมแนะนำเปิด LDAC ฟังเลย เรื่องแบตอาจจะมีลดบ้าง แต่ฟังแล้วคุ้มครับ ผมลองเปิดทั้ง LDAC และ LHDC ฟังผ่านแอป Tidal เลือกทุกอย่างเป็น Max นะครับ โจทย์ของผมคือมี 2 วงที่เคยฟังจากหูฟังตัวอื่นที่เป็น LDAC แล้วแยกเสียงไม่ถึง เสียงปนกัน คือ Linkin Park กับ Dream theater นะครับ
วงแรก Linkin Park ฟังเพลง Crawling จะมีท่อนร้องตอนแรก เสียงเชสเตอร์จะสูงปนกับเสียงไฮแฮทเลย แล้วเสียงกีต้าร์จะเป็นเสียงแตกละเอียดเหมือนกัน ถ้าหูฟังแยกไม่ได้ จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เสียงแหลมปนกัน แต่ตัวนี้ผมฟังแล้วผ่านเลย เสียงไม่กลบ เสียงมาครบ เบสบวมลูกใหญ่ตั้งแต่ช่วงต้นเพลง เพราะเพลงนี้เปิดด้วยเสียงกระเดื่องครับ ที่หูฟังตัวนี้ทำได้ก็เพราะรุ่นนี้มีเทคโนโลยี DPS และมี driver 2 ตัว คือ Knowles armature กับ Dynamic driver ขนาด 10 มิลลิเมตร ซึ่ง 2 ตัวเนี่ยมันจะช่วยเกลี่ยเสียงทุกย่านให้เสียงสมดุลเท่าๆ กันครับ ทำให้เสียงไม่ปนกัน แยกกันชัดเจนขึ้นนะครับ
วงที่ 2 Dream theater เพลง the miracle and sleeper เพลงนี้เสียงไม่ได้ปนกันมาก แต่มีเครื่องดนตรีหลายเสียงให้ฟัง และตอนเข้าท่อนดนตรีหลัก ทุกอย่างจะรวมกัน เสียงที่ฟังไม่ค่อยออกคือเสียงเบส เพราะกลองจะดังปนทับ แต่หูฟังนี้ยังได้ยินเสียงเบสตอนดีดอยู่นะครับ จริงๆ ใครก็พูดได้ครับ แต่อยากให้ฟังจริงๆ ใครมีโอกาสได้ลอง ลองดูเพลงนี้ครับ ของผมนี้เพลงนี้เพลงปราบเซียนเลย
สรุปสำหรับเรื่องเสียง ใครชอบฟังเพลงร็อค หนักๆ หูฟังตัวนี้เอาอยู่ครับ และเพลงที่เบากว่านี้ก็ฟังสบาย เบสมาเต็ม ฟังสนุกแน่นอน
ส่วนของไมโครโฟน
รุ่นนี้มีมาให้ถึง 6 ตัว แบบ beam forming ข้างละ 3 ตัว มี ENC มาด้วย จากที่ทดสอบเสียงค่อนข้างเงียบ ผมไปอยู่ในที่เสียงดังเอามากๆ บนสะพานลอย เสียงข้างนอกมีเข้ามาบ้าง แต่แทบไม่ได้ยินเลยครับ มีเทสบนวิดีโอ ลองฟังดูได้ครับ เรื่องไมค์ก็เป็นอีกเรื่องที่สอบผ่านครับ
การเล่นเกมส์
รุ่นนี้ใช้บลูทูธ 5.4 รุ่นใหม่ล่าสุด จะความแฝงต่ำอยู่แล้วครับ แต่ก็มี Game mode มาให้ ความหน่วงต่ำประมาณ 60ms ถือว่าหน่วงน้อยอยู่นะครับ ปกติรุ่นอื่นจะมากกว่านี้ ผมลองกับ Pubg เสียงค่อนข้างตรง เสียงปืน เสียงเดืนซ้าย ขวา แยกชัดดี เสียงเดืนฝั่งตรงข้าม ฟัง Youtube ที่เป็นตีกลอง ก็ตรงกับสะแนร์ตอนตีครับ สามารถเปิดโหมดนี้ผ่านแอปหรือผ่านหูฟังได้เลยครับ
การกันน้ำรุ่นนี้ ใช้งานออกกำลังกายนอกบ้าน โดนเหงื่อ โดนฝนได้ เพราะรองรับมาตรฐานการกันน้ำที่ IP54 ครับ
ส่วนเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่
รุ่นนี้ใช้งานได้สูงสุดข้างละ 11 ชั่วโมง รวมกับเคสชาร์จฟังได้ 47 ชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งสายและชาร์จไร้สาย สำหรับสายมีระบบ Fast Charge มาให้ด้วย ชาร์จ 15 นาทีฟังได้ 4 ชั่วโมงครับ แต่ถ้าเปิด ANC / LDAC แบตก็จะลดลงตามการใช้งานครับ
ความประทับใจหลังใช้งาน
ผมใช้ตัวนี้มาประมาณ 1 อาทิตย์ ลองฟังเพลงที่ไม่ค่อยได้ฟัง เพราะหูฟังไปไม่ถึงจริงๆ แต่ตัวนี้ประทับใจเรื่องเสียงมาก การแยกเสียงชัดเจน การตัดเสียง ANC ที่ใช้งานได้จริงๆ
ไมค์ 6 ตัวใช้งานได้จริง เสียงดังฟังชัด แอปที่สามารถปรับแต่งค่าได้ตามใจ ละเอียด ที่สำคัญผมชอบไฟ LED วิ่งๆอันนี้มาก
ชี้เป้าราคาและแหล่งซิ้อ : ใครสนใจลองเข้าไปที่ร้าน Edifier Official Store บน Shopee Mall ได้เลยนะครับ ของแท้ 100% ศูนย์ไทย รับประกันให้ 1 ปีครับ ราคาพิเศษตอนนี้แค่ 3,xxx บาทเท่านั้น พร้อมโค้ดส่วนลดมากมายครับ มีขายทั้งสีดำและสีขาว
[SR] รีวิว Edifier NeoBuds Plus หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ ใครชอบฟัง Hi-Res LDAC ต้องลอง
วันนี้จะมารีวิวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Edifier นะครับ คือรุ่น Edifier NeoBuds Plus ครับ จะเป็นรุ่นต่อยอดจากรุ่น NeoBuds Pro 2 ที่ปีก่อนขายดีมากๆ ครับ รุ่นนี้ฟีเจอร์ครบเครื่อง หลายเรื่องมาก ทั้งเรื่องการฟังเพลงนะครับ การคุยผ่านไมโครโฟนที่มีให้ถึง 6 ตัว การเชื่อมต่อแอป ที่ปรับแต่งหูฟังแบบละเอียดมากๆครับ
ดูรีวิวตัวเป็นๆได้ที่ Youtube ครับ
อุปกรณ์ในกล่อง
- หูฟัง Edifier NeoBuds Plus สีดำ
- ถุงผ้า
- จุกหูฟังสำรอง 6 ไซส์ 6 คู่
- สายชาร์จ USB-C
- คู่มือการใช้งานเป็นภาษาไทย
เรามาดูวัสดุตัวเครื่องกันก่อนนะครับ
เริ่มจากเคสชาร์จนะครับ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จับพอดีมือ ผิวตัวเคสเป็นแบบผิวด้าน สีจะออกดำเทานะครับ ไม่ได้ดำสนิท ตรงด้านหน้าเคสจะเป็นไฟ LED อันนี้ผมผมค่อนข้างชอบเลย มันเป็นไฟ LED แบบเป็นการไล่สี และก็สามารถปรับสีได้ด้วย ผ่านแอป Edifier connect นะครับ มีทั้งหมด 6 สี สีเริ่มต้นจะเป็นสีขาวครับ แล้วด้านหลังก็เป็นพอร์ตชาร์จ Type C ครับ
เปิดเคสขึ้นมา ก็จะเจอกับตัวหูฟังแล้วก็ ปุ่ม ตรงกลาง ปุ่มนี้เอาไว้สำหรับ Reset และ ใช้ในการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันครับ
มาดูในส่วนหูฟังกันต่อนะครับ
หูฟังเป็นแบบ in ear นะครับก็เป็นเอกลักษณ์นะครับสำหรับรุ่น Neobuds ที่ก้านมันจะยาวและเป็นทรงแบบนี้พร้อม Logo นะครับ คือถ้าใครเห็นก็จะรู้เลยว่าเป็นหูฟัง Edifier แน่นอนครับ รุ่นนี้มีไมโครโฟนให้มา 3 ตัวนะครับ ตำแหน่งด้านล่าง ตรงข้างบนและด้านในครับ ส่วน Touch Control จะอยู่ตรงด้านข้าง แผงค่อนข้างใหญ่ กดง่าย แก้มไม่ชนแน่นอนครับ
ตรงตำแหน่งหูฟังข้างใน ขนาดค่อนข้างใหญ่ เวลาใส่ ไม่ต้องเข้าไปลึกมาก ก็จะแน่นพอดีครับ ในส่วนของจุกสำรองที่พูดไปตอนแรกว่าให้มาทั้งหมด 6 คู่ 6 ไซส์ด้วยกันรวมกับที่ติดมากับหูฟังรวมเป็น 7 อัน ให้มาเยอะขนาดนี้คือต้องมีสักอันที่พอดีกับหูของเราครับ แต่ของผมที่ติดมากับหูฟัง ก็ใส่พอดีเลย ยังไม่เปลี่ยนครับ
การเชื่อมต่อหูฟังกับ App Edifier Connext ครับ
หลังจากเชื่อมต่อแล้ว หลักๆ จะมี 2 หน้าครับ ที่ใช้งานบ่อยๆ หน้าแรก เราก็จะเห็นสัญลักษณ์ Hi-res ตรงนี้โผล่มานะครับ อันนี้หมายความว่า หูฟ้งเราเชื่อมต่อกับมือถือที่รองรับ Codec LDAC แล้วนะครับ และจะมีแสดงแบตเตอรี่ทั้ง 2 ข้างครับ
ระบบตัดเสียงรบกวน รุ่นนี้มีให้มาถึง 5 โหมด
- โหมดแรกคือ ตัดเสียงแบบสูง ในสถานที่เสียงดังมากๆ เช่นบนเครื่องบิน ตัวนี้จะตัดเสียงได้เงียบสุด ประมาณ -45 เดซิเบลนะครับ
- โหมดสองคือโหมดตัดเสียงแบบกลาง ก็ยังเงียบอยู่ แต่จะได้ยินเสียงข้างนอกบ้างเล็กน้อย
- โหมดที่สามคือตัดเสียงแบบต่ำ เหมือนกับแบบกลางครับ แต่ได้ยินเสียงลมครับ
- โหมดที่สี่เสียงรอบข้าง คือมันจะดูดเสียงข้างนอกให้เราได้ยิน สามารถปรับระดับความดังเสียงด้านนอกได้ครับ
- โหมดสุดท้ายลดเสียงลม โหมดนี้ใช้ได้จริง ผมเปิดพัดลมอยู่ด้านหลังคือ จะเสียงพัดลมดังพรึบๆ พอใช้โหมดนี้ ไม่มีเสียงลมเลย แต่จะได้ยินเสียงด้านนอกบ้างครับ
การปรับ EQ
มีทั้งแบบมี Preset มาให้และ ปรับเองก็ได้ แนะนำถ้าชอบเสียงเบสหนัก เบสเยอะ เสียงแน่นๆ เลือกแบบไดนามิก นะครับ
แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ เลือกปรับแต่งเองเลยก็ได้ครับ ปรับเรื่องเกน เรื่องคิวแฟกเตอร์ ปรับความถี่ ถ้าปรับแล้วเราสามารถบันทึกและก็แชร์การปรับผ่านไฟล์ QR Code ได้ด้วยนะครับ หรือว่าเราไปเพิ่มการปรับจากคนอื่นๆ ผ่าน QR Code ก็ได้ครับ
โหมดการใช้ ก็มีให้เลือก 3 โหมดนะครับ โหมดเพลง โหมดเกมส์ดีเลย์ต่ำ และโหมดภาพยนต์ แล้วแต่การใช้งานครับ
การตั้งค่าหูฟังแบบละเอียด ให้เข้ามาตรงรูปเฟืองครับ
เอาที่ใช้งานหลักๆ ก็จะเป็นการตั้งค่าระบบควบคุม หูฟังด้านซ้าย ด้านขวา คำสั่งมีค่อนข้างเยอะ แล้วแต่การใช้งาน
การใช้งานส่วนนี้จะเป็นการบีบนิ้วหัวแม่มือนะครับ เพราะมันอยู่ตรงด้านข้าง ต้องบีบ แตะก็ได้ครับ แต่มันจะดันทำให้หูฟังหลุดได้ครับ
ที่ตั้งค่ามาจากโรงงานเลยก็จะเป็น กด 1 ครั้งหยุดเพลง 2 ครั้งเปลี่ยนเพลง 3 ครั้ง เลือกเพลงก่อนหน้านี้ และมีกดแช่ไว้ สามารถตั้งค่าได้เองครับ
การเลือกสัญญานเสียงแบบ HD
อันนี้ต้องดูอุปกรณ์ของเราเป็นหลักก่อนนะครับ สำหรับ LDAC กับ LHDC จะมีมือถือ Android และก็เครื่องเล่น HI res นะครับ ส่วนไอโฟนตอนนี้ก็ยังเป็น AAC อยู่ มือถือของเรารองรับแบบไหน ให้เลือกอันนั้นครับ
สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ก็มีมาให้ครบครับ เช่น
- มีการเลือกความไวในการกด Touch control ที่โรงงานตั้งมาผมว่าก็พอดีครับ
- มีการตรวจจับการใส่มาให้ด้วยนะครับ คือเวลาเอาหูฟังออกจากหู 1 ข้างเพลงจะหยุดทันที พอกลับไปใส่ที่หูอีกรอบ เพลงก็จะเล่นต่อ หรือตั้งว่าไม่ให้เล่นก็ได้ครับ
- รุ่นนี้สามารถเชือมต่ออุปกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกันได้นะครับ ถ้าใครมีมือถืออีกตัวหรือต่อกับ Laptop ก็มาเปิดตรงนี้นะครับ แต่ LDAC จะใช้ไม่ได้นะครับ - มีการค้นหาหูฟังด้วย สมุติถ้าเราลืมหูฟังไว้ ที่ไหนสักที่ แล้วสถานะยังเชื่อมต่ออยู่ กดปุ่มค้นหา จะมีเสียงจากหูฟัง
มาถึงเรื่องของเสียงกันบ้างนะครับ
ใครได้มา ผมแนะนำเปิด LDAC ฟังเลย เรื่องแบตอาจจะมีลดบ้าง แต่ฟังแล้วคุ้มครับ ผมลองเปิดทั้ง LDAC และ LHDC ฟังผ่านแอป Tidal เลือกทุกอย่างเป็น Max นะครับ โจทย์ของผมคือมี 2 วงที่เคยฟังจากหูฟังตัวอื่นที่เป็น LDAC แล้วแยกเสียงไม่ถึง เสียงปนกัน คือ Linkin Park กับ Dream theater นะครับ
วงแรก Linkin Park ฟังเพลง Crawling จะมีท่อนร้องตอนแรก เสียงเชสเตอร์จะสูงปนกับเสียงไฮแฮทเลย แล้วเสียงกีต้าร์จะเป็นเสียงแตกละเอียดเหมือนกัน ถ้าหูฟังแยกไม่ได้ จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เสียงแหลมปนกัน แต่ตัวนี้ผมฟังแล้วผ่านเลย เสียงไม่กลบ เสียงมาครบ เบสบวมลูกใหญ่ตั้งแต่ช่วงต้นเพลง เพราะเพลงนี้เปิดด้วยเสียงกระเดื่องครับ ที่หูฟังตัวนี้ทำได้ก็เพราะรุ่นนี้มีเทคโนโลยี DPS และมี driver 2 ตัว คือ Knowles armature กับ Dynamic driver ขนาด 10 มิลลิเมตร ซึ่ง 2 ตัวเนี่ยมันจะช่วยเกลี่ยเสียงทุกย่านให้เสียงสมดุลเท่าๆ กันครับ ทำให้เสียงไม่ปนกัน แยกกันชัดเจนขึ้นนะครับ
วงที่ 2 Dream theater เพลง the miracle and sleeper เพลงนี้เสียงไม่ได้ปนกันมาก แต่มีเครื่องดนตรีหลายเสียงให้ฟัง และตอนเข้าท่อนดนตรีหลัก ทุกอย่างจะรวมกัน เสียงที่ฟังไม่ค่อยออกคือเสียงเบส เพราะกลองจะดังปนทับ แต่หูฟังนี้ยังได้ยินเสียงเบสตอนดีดอยู่นะครับ จริงๆ ใครก็พูดได้ครับ แต่อยากให้ฟังจริงๆ ใครมีโอกาสได้ลอง ลองดูเพลงนี้ครับ ของผมนี้เพลงนี้เพลงปราบเซียนเลย
สรุปสำหรับเรื่องเสียง ใครชอบฟังเพลงร็อค หนักๆ หูฟังตัวนี้เอาอยู่ครับ และเพลงที่เบากว่านี้ก็ฟังสบาย เบสมาเต็ม ฟังสนุกแน่นอน
ส่วนของไมโครโฟน
รุ่นนี้มีมาให้ถึง 6 ตัว แบบ beam forming ข้างละ 3 ตัว มี ENC มาด้วย จากที่ทดสอบเสียงค่อนข้างเงียบ ผมไปอยู่ในที่เสียงดังเอามากๆ บนสะพานลอย เสียงข้างนอกมีเข้ามาบ้าง แต่แทบไม่ได้ยินเลยครับ มีเทสบนวิดีโอ ลองฟังดูได้ครับ เรื่องไมค์ก็เป็นอีกเรื่องที่สอบผ่านครับ
การเล่นเกมส์
รุ่นนี้ใช้บลูทูธ 5.4 รุ่นใหม่ล่าสุด จะความแฝงต่ำอยู่แล้วครับ แต่ก็มี Game mode มาให้ ความหน่วงต่ำประมาณ 60ms ถือว่าหน่วงน้อยอยู่นะครับ ปกติรุ่นอื่นจะมากกว่านี้ ผมลองกับ Pubg เสียงค่อนข้างตรง เสียงปืน เสียงเดืนซ้าย ขวา แยกชัดดี เสียงเดืนฝั่งตรงข้าม ฟัง Youtube ที่เป็นตีกลอง ก็ตรงกับสะแนร์ตอนตีครับ สามารถเปิดโหมดนี้ผ่านแอปหรือผ่านหูฟังได้เลยครับ
การกันน้ำรุ่นนี้ ใช้งานออกกำลังกายนอกบ้าน โดนเหงื่อ โดนฝนได้ เพราะรองรับมาตรฐานการกันน้ำที่ IP54 ครับ
ส่วนเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่
รุ่นนี้ใช้งานได้สูงสุดข้างละ 11 ชั่วโมง รวมกับเคสชาร์จฟังได้ 47 ชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งสายและชาร์จไร้สาย สำหรับสายมีระบบ Fast Charge มาให้ด้วย ชาร์จ 15 นาทีฟังได้ 4 ชั่วโมงครับ แต่ถ้าเปิด ANC / LDAC แบตก็จะลดลงตามการใช้งานครับ
ความประทับใจหลังใช้งาน
ผมใช้ตัวนี้มาประมาณ 1 อาทิตย์ ลองฟังเพลงที่ไม่ค่อยได้ฟัง เพราะหูฟังไปไม่ถึงจริงๆ แต่ตัวนี้ประทับใจเรื่องเสียงมาก การแยกเสียงชัดเจน การตัดเสียง ANC ที่ใช้งานได้จริงๆ
ไมค์ 6 ตัวใช้งานได้จริง เสียงดังฟังชัด แอปที่สามารถปรับแต่งค่าได้ตามใจ ละเอียด ที่สำคัญผมชอบไฟ LED วิ่งๆอันนี้มาก
ชี้เป้าราคาและแหล่งซิ้อ : ใครสนใจลองเข้าไปที่ร้าน Edifier Official Store บน Shopee Mall ได้เลยนะครับ ของแท้ 100% ศูนย์ไทย รับประกันให้ 1 ปีครับ ราคาพิเศษตอนนี้แค่ 3,xxx บาทเท่านั้น พร้อมโค้ดส่วนลดมากมายครับ มีขายทั้งสีดำและสีขาว
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้