[CR] รีวิวการรักษาสิว และการทำเลเซอร์ Red Touch จาก Rampada Clinic

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาแชร์ความประทับใจเรื่องผิวกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะเป็นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือรีวิวรักษาสิว และการทำเลเซอร์ Red Touch ที่เน้นเรื่องฟื้นฟูปัญหาผิวโดยรวม และยกกระชับ จาก Rampada Clinic โดยคุณหมอรัมภา pinkrose

เท้าความว่ารู้จัก Rampada จากรีวิวเรื่องเลเซอร์หลุมสิวที่มีสมาชิกในเว็บ Pantip เคยลงรีวิวไว้ ซึ่งบังเอิญมากเพราะว่าคลินิคอยู่ในซอยบางนาตราด 25 ใกล้ๆกับห้างที่เราไปบ่อยๆ คลินิคเป็นตึกสูง 4 ชั้น บรรยากาศดูมีความหรูหรา และน่าเชื่อถือ

อันที่จริงเรามีความตั้งใจเข้ารับบริการทำเลเซอร์ที่ชื่อว่า Deka เพราะช่วงประมาณ 3 เดือนที่แล้วรู้สึกว่าผิวไม่ค่อยเนียนละเอียดเหมือนแต่ก่อน และหลุมสิวที่เกิดจากสิวอักเสบอยู่ก่อนหน้านี้ดูชัดขึ้น

แต่ผลปรากฏว่าจากการเข้าพบคุณหมอรัมภาครั้งแรก คุณหมอรัมภาไม่อนุญาตให้ทำเลเซอร์ Deka เนื่องจากดูจากสภาพผิวแล้วเห็นว่ายังมีสิวที่อยู่ใต้ผิวหนังอีกมากมาย บริเวณ T-zone ซึ่งหากทำเลเซอร์ไปจะทำให้สิวเห่อ อย่างในรูปนี้ถ่ายในวันแรกที่ได้ไปปรึกษาคุณหมอรัมภาและรับยามาทา จะเห็นว่าที่หน้าหากมีสิวอุดตัน และช่วงแก้ม จมูก และใต้คางก็มีทั้งสิวอุดตันและรอยสิว 

คุณหมอรัมภาบอกว่าสิวของเราเกิดจากการทาครีมบำรุง ซึ่งพบเยอะมากจากบรรดาคนไข้ที่มาเข้ารับการรักษา (อย่าเชื่อโฆษณามาก! คุณหมอบอก) จึงแนะนำให้หยุดทาครีมทุกประเภทและทาฆ่าเชื้อสิวเพียงอย่างเดียว 

สำหรับตัวยาที่คุณหมอมามีดังนี้

โดยคุณหมอแนะนำให้ทา BP 2.5 ก่อนทายาแต้มสิว Robaz ทั้งเช้าเย็น(กลางคืน) ส่วน 0.025% หรือ Vitamin A ให้ทาเฉพาะช่วง  T-zone ทับเฉพาะตอนกลางคืน
เข้าสู่ส่วนที่ 2 เนื่องจากมีความตั้งใจอยากทำเลเซอร์มากๆ จึงสอบถามคุณหมอว่าแล้วพอจะมีเลเซอร์ตัวไหนที่ทำได้ในขณะนี้บ้างที่ช่วยให้ Texture ผิวดูเนียนขึ้นกว่านี้ และยกกระชับผิวได้บ้าง คุณหมอจึงแนะนำเป็นเลเซอร์ Red Touch ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรา และไม่กระตุ้นให้สิวขึ้น

คุณหมอรัมภาเล่าให้ฟังว่าว่าเทคโนโลยีของเลเซอร์ Red Touch ใหม่และดีกว่าเลเซอร์ทั่วๆไป ซึ่งหาได้ยากจากคลินิกความงามที่อื่น เพราะไม่ค่อยมีใครกล้าสั่งเจ้าเครื่องนี้ในตอนนี้ ซึ่งคุณหมอรัมภาได้สั่งเข้ามาเป็นเจ้าแรกก่อนช่วง Covid พอดี ดังนั้นในเรื่องของการเห็นผลจึงสูงมากในการทำเพียงครั้งแรก สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมากเป็นพิเศษจะยิ่งเห็นความต่างได้ชัด และราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการทำเลเซอร์ที่อาจจะมีเทคโนโลยีที่ไม่ทันสมัยเท่า ซึ่งราคาโปรโมชั่นตอนที่เราทำอยู่ที่ประมาณ 8,000.-9,000.- แล้วแต่ปัญหาผิว

ด้านซ้ายคือหลังทำเลเซอร์ Red Touch 1 วัน และด้านขวาคือหลังทำ 2  สัปดาห์ ร่วมกับการใช้ยาทาสิว 3 ตัวด้านบน  และหยุดทาครีมบำรุงทุกตัว!


ขอเพิ่มรูปหลังทำเลเซอร์ Red Touch เป็นเวลา 4 สัปดาห์เนื่องจากมีเพื่อนสมาชิกหลังไมค์มาถามว่าผ่านไป 1 เดือนแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง
ระหว่างนี้ก็ทายาสิว 3 ตัวด้านบนตามปกติทุกวันค่ะ (7/10/63)


เนื่องจากเป็นการถ่ายคนละวันเวลา แสงจึงไม่เหมือนกัน(พยายามที่สุดแล้ว) อยากเพื่อนๆเน้นดูที่สภาพผิวโดยรวมว่ามีความแตกต่างอย่างไรบ้าง ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงแก้ม และใต้คางจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

ข้อเสียของการทำ Red Touch ระหว่างที่ยิงเลเซอร์ แสงของเลเซอร์ที่สว่างกว่าเลเซอร์ทั่วๆไป โดยเฉพาะเมื่อยิงที่บริเวณหน้าแก้ม หรือหัวคิ้วจะสว่างจ้าค่อนข้างมาก ใส่แว่นตากันแสงก็เอาไม่อยู่ ในคนที่เครียดง่ายหน่อยอาจทำให้รู้สึก Panic ได้ 

สุดท้ายนี้ สำหรับเรา Rampada Clinic เป็นอีกคลินิกความงามที่คุณหมอรัมภา และทีมงานมีประสบการณ์ในการรักษาสูง สื่อสารอย่างจริงใจ อะไรไม่เหมาะก็ไม่แนะนำ แต่จะทำการรักษาในแนวทางที่เหมาะสมกับปัญหาและเน้นใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในราคาเข้าถึงได้ หากใครชื่นชอบการดำเนินการของคลินิกความงามรูปแบบนี้ เราแนะนำเลย รับรองว่าไม่ผิดหวัง 

และพบกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ leaf
ชื่อสินค้า:   รัมภาดา คลินิก
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่