สวัสดีค่า วันนี้ฤกษ์งามยามดีเราอยากมาแบ่งปันประสบการณ์การรักษาหลุมสิวที่อยู่บนหน้าของเรามาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งตอนนี้จขก. อายุ 29 ปี โดยเริ่มจากการเป็นสิวจำนวนมากเป็นระยะเวลา 3 - 4 ปี (ยังเป็นสิวบ้างจนถึงปัจจุบัน) และใช้เวลารักษาหลุมสิวอย่างจริงจังเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ปัจจุบันผิวหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนทำมากๆๆ แต่ก็ยังมีร่องรอยอยู่บ้างนะคะ ไม่หายสนิท แต่ก็ถือว่าใช้ชีวิตได้ดีกว่าก่อนทำที่เมื่อก่อนร้องไห้หนักมาก ไม่กล้าเอาหน้าไปสู้ใครเลย ถ่ายรูปใช้แอปฯ แอปฯยังเอาไม่อยู่เลยค่ะTT
ก่อนอื่นขอเล่าที่มาที่ไปของการเกิดหลุมก่อนนะคะ (ถ้าใครอยากดูวิธีรักษาข้ามสปอยด์ได้เลยจ้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขก. เริ่มเป็นสิวเม็ดแรกตอน ป.6 เป็นสิวหัวช้างกลางจมูก ยังจำติดใจถึงปัจจุบันเลยค่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นสิวประปรายมาเรื่อยตามประสาวัยแรกแย้ม แต่ยังไม่เยอะมาก ด้วยความเป็นเด็กอยากสวยเห็นโฆษณาครีมอะไรก็อยากลองใช้ตอนนั้นเริ่มเข้าสู่ช่วง ม.1 ได้ใช้ครีมสีชมพูที่หาซื้อได้ตามเซเว่นมาทา ช่วงหลอดแรก หน้าขาวใสมาก เพื่อนทุกคนอิจฉาผิวหน้าเรามาก เพราะขาว ใส เนืยนสวย พอเข้าหลอดที่ 3 หน้าเริ่มดำ คล้ำ สิวขึ้นเยอะมาก เพื่อนทุกคนตกใจหมด เราเองก็ตะเวนไปรักษาตามคลีนิกต่างๆ ไปทุกคลีนิกก็ไม่หาย เราเป็นหนักมาก จนเพื่อนคิดว่าเป็นอีสุกอีใส แต่เปล่าจ้า เป็นสิวนี่แหละ -^- เรากลับจากโรงเรียนร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากเจอเพื่อน เราเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นสิวเวลาไปไหนมีคนทักหน้าไปทำอะไรมา มาแนะนำที่รักษา โดนคนล้อ คือช่วงม.ต้นเราไม่มีความทรงจำที่ทำร่วมกับเพื่อนเลย เพราะช่วงเย็นเราจะรีบกลับบ้านไม่อยากเจอใคร เสาร์ - อาทิตย์ เราก็ไปหาหมอสิว เราต้องอดค่าขนมเพื่อเอาเงินไปรักษาสิว เศร้ามากๆ ขนาดไปเที่ยวกับพ่อแม่เรายังไม่อยากไปเลย เก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน นอนร้องไห้น้อยใจโชคชะตา 555 พอเข้าสู่ช่วง ม.ปลาย สิวก็ไม่หาย ตอนนั้นความฝันของเด็กคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ความฝันของเราคือ ขอให้หน้าใส คือความสุขของเราแล้ว ช่วงม.5 เรากลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาลสงกรานต์ แน่นอนใครๆเขาก็เล่นน้ำ ปะแป้งกัน เราเองก็เล่นตามประสาวัยสนุก ผลสุดท้ายแพ้แป้ง สิวอักเสบเห่อขึ้นแก้มแทบไม่มีช่องว่าง ท้อใจจนจะเป็นโรคซึมเศร้าเพราะนังสิววว (ไม่รู้เราเป็นคนเดียวหรือเปล่า 55 ) เราเป็นสิวง่ายมาก แค่ยุงกัดหน้า ตรงนั้นก็เป็นสิวเลย หรือมีฝุ่นนิดนึงหน้าก็เป็นสิวแล้ว แต่สุดท้ายสิวก็ค่อยลดลงเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัย แต่สิ่งที่ตามมาคือ หลุมสิวเต็มสองแก้ม ขมับ และจมูก ซึ่งสิวว่ารักษายากแล้ว หลุมสิวรักษายากกว่าเป็นอีกสิบเท่า TT
ข้อสันนิษฐานอีกอย่างที่หน้าเราเป็นหลุมนะคะ (ข้อนี้คิดเอาเอง) อาจมาจากกรรมพันธุ์ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะพ่อกับแม่เราช่วงวัยรุ่นท่านก็เป็นสิวหนักมากเหมือนกัน และแม่เองก็เป็นหลุมสิว น้องเราก็หลุมสิวเหมือนกัน เหมือนครอบครัวโดนคำสาปหลุมสิว
เราเริ่มเป็นหลุมสิวตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 17-18 ปี และสะสมมาเรื่อยๆ เราพยายามหาวิธีรักษาหลุมสิวแบบด้วยตนเองก่อนเพราะยังไม่มีงบประมาณไม่มาก แต่ก็เหมือนไม่ได้ผล จนกระทั่งเราไปเจอกระทู้ในพันทิปเมื่อประมาณ 5 - 6 ปีที่แล้วที่แชร์การรักษาหลุมสิวด้วย e-matrix กับคุณหมอรัมภา ที่คลีนิกรัมภาดา เราเองก็สนใจมากแต่ตอนนั้นยังไม่ได้ทำงานเลยไม่มีเงินเลย เพราะค่าเลเซอร์แพงมาก เราเก็บไว้ในใจมาโดยตลอดว่าสักวันถ้าทำงานจะเก็บเงินรักษากับหมอท่านนี้ให้จงได้ 555 (มีความแน่วแน่) จนกระทั่งมาถึงช่วงที่เราทนไม่ไหวความหน้าปรุของตัวเราเอง คือเราถ่ายรูปรับปริญญา ตอนจบ ป.ตรี เราจ้างช่างถ่ายรูป และแน่นอนกล้องชัดมากกกกกกก ซึ่งก่อนหน้านี้เราใช้แอปถ่ายหน้าเรามาตลอด เพราะอย่างน้อยก็พอหลอกตัวเองได้ว่ายังเป็นไม่มาก แต่พอได้รูปจากช่างกล้อง ต้องบอกก่อนนะคะว่าในไฟล์รูปที่ได้จะมีทั้งแบบแต่งรูปแล้ว และแบบไม่แต่ง ซึ่งไอแบบไม่แต่งนี่แหละค่ะที่ทำให้เราต้องรีบไปเลเซอร์โดยด้วย เพราะดูรูปแล้วเราร้องไห้เลย คือหน้าเป็นหลุมชัดมาก ไม่สวยเลย ช่วงนั้นก็อ้วนด้วย ทั้งอ้วนทั้งหน้าปรุ เราอายช่างกล้องมากๆค่ะ และสงสารที่ต้องรีทัชหน้าเราให้เรียบคงเหนื่อยน่าดู - -
ภาพหน้าก่อนทำเลเซอร์แบบชัดๆเราไม่ได้ถ่ายไว้เลย เพราะไม่อยากถ่ายเก็บไว้ ใช้แอปตลอด (แต่ถ้าขอทางคลีนิคที่เขาถ่ายก่อนเริ่มเลเซอร์ได้จะเอามาแปะให้ดูเปรียบเทียบนะคะ) เอาเป็นภาพตอนช่างกล้องถ่ายให้ก็พอจะมองออก ขนาดแต่งหน้าโดยช่างแต่งหน้าก็เอาไม่อยู่จ้า
ภาพในสปอยอาจน่ากลัวหน่อยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเริ่มทำงานเก็บเงิน จนกลางปี 60 เรามีเงินพอที่จะทำเลเซอร์ เลยเสิร์จหาคลีนิกรัมภาดา ความตั้งใจแรกคืออยากทำ e-matrix แต่ไปเห็นวิธีรักษาหลุมสิวอีกวิธีชื่อว่า deka ซึ่งเราก็ค้นหาข้อมูล แต่ได้ข้อมูลที่น้อยมากเหมือนมีที่นี่ที่เดียว เลยปรึกษากับทางคลีนิกว่ามันต่างกันยังไง จึงได้ข้อมูลว่า
ตัว Deka เป็นเทคโนโลยีจากประเทศอิตาลีและเป็นแบรนด์ Co2 Laser ที่ดีที่สุดของการรักษาหลุมสิว ณ ปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีหลักคือ Fractional RF + Fractional Co2 ซึ่งต่างจาก e-matricx ที่ใช้เพียง Fractional RF ซึ่งทำให้สามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกระดับความลึก และสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้ง 1-3 ครั้งแรก เราก็จัดไป ถ้ามันจะทำให้หน้าเราดีขึ้นได้เร็วกว่าเดิม เรานัดคุณหมอ และเข้าไปปรึกษา
ซึ่งเราประทับใจแรกคือคลีนิคสะอาด และพนักงานบริการดีมากคะ ถ้าได้นัดคุณหมอก่อน ไปถึงก็ได้พบคุณหมอเลยไม่ต้องรอคิว เราตื่นเต้นมาก เพราะกำลังจะได้เจอกันไอดอลที่เราอยากให้เขารักษาหน้าเรามาตลอด 5 ปี ฮ่าๆๆ (อย่าเพิ่งหาว่าเราโอเวอร์เลยนะคะ เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะเราอยากมีใบหน้าเนียนใสแบบคนอื่นเขาบ้าง) คุณหมอใจดีมากค่ะ คุณหมอรัมภาให้คำแนะนำที่ดีมากคือ ดูสภาพผิวเรา และแนะนำให้เรางดครีมต่างๆ ให้ทานน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายเรา คุณหมอเขาคำนวณให้ว่าเราควรทานน้ำให้ได้วันละกี่ลิตร์ เพราะการบำรุงจากภายในก็มีสวนสำคัญเช่นกัน คณหมอให้ทำ subsition (คือการตัดพังผืดใต้ผิวหนังที่เป็นหลุมสิว) 2 ครั้ง ร่วมกับการทำ daka เราซื้อเป็นคอร์สเฉพาะแก้ม (3 ครั้ง ) ก่อนทำเลเซอร์คุณหมอจะดูสภาพผิวเราก่อนนะคะว่าพร้อมทำไหม ถ้าเป็นสิวอยู่จะยังไม่ให้ทำเลย เพราะอาจเกิดอักเสบของสิวได้ รักษาสิวให้หายก่อนจึงเริ่มทำเลเซอร์ได้ค่ะ
แต่คุณหมอจะบอกว่าคงไม่หาย 100% เราก็ทำใจยอมรับขอแค่ดีขึ้นบ้างก็ยังดี
ขั้นตอนในครั้งที่ 1 และ 2 : subsition ร่วมกับ Deka
การทำเลเซอร์แต่ละครั้งใช้เวลาห่างกัน 1- 2 เดือน
1. คุณหมอจะให้เคลียร์หน้าก่อน คือกดสิว และทำความสะอาดใบหน้า ซึ่งตอนกดสิวคนอื่นว่าเจ็บแต่สำหรับเรามันส์มากค่ะ แบบกดมันออกมาให้หมด เอาออกให้หมดเลยค่าหนูยอมมมเจ็บ
แล้วพยาบาลจะถ่ายภาพสภาพหน้าเราก่อนทำเลเซอร์ทุกครั้งเพื่อไว้เปรียบเทียบ
2. จากนั้นพยาบาลก็จะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง และเช็คยาชาออก ตอนนี้เรานอนหลับพักผ่อน ทำใจให้สงบและท่องไว้ว่า เราจะสวยแล้วว ^^
3. เริ่ม subsition นี้เป็นครั้งแรกเรา ซึ่งทำโดยคุณหมออีกท่าน คุณหมอจะฉีดยาชาเพื่อใม่ให้เจ็บมากอีกข้างละเข็ม แต่เรารู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาทรมานของเรา เพราะเรารู้สึกถึงใบมีดทีจิ้มเข้าไปในผิวหนังและเหมือนได้ยินเสียงเหมือนอะไรมันขาดตอนหมอกรีด แต่ไม่เจ็บนะคะ แต่รู้สึกแปลบๆ เราค่อนข้างอยากให้จบไวๆ
แต่การ subsition ครั้งที่ 2 ของเราได้ทำกับคุณหมอรัมภา ซึ่งน่าแปลกที่ครั้งนี้เราไม่ได้รู้สึกทรมาณเหมือนครั้งแรก อาจเป็นเพราะครั้งนี้คุณหมอเพิ่มยาชามากกว่าครั้งแรก และมือเบามาก เราไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนจิ้มเหมือนครั้งแรก พอคุณหมอบอกเสร็จแล้ว เรางงเลยว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
4. พยาบาล แปะยาชาให้อีก 30 นาที เตรียมหน้าเพื่อเลเซอร์
5. และก็ถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย คือทำเลเซอร์ ต้องบอกเลยว่า ไม่เจ็บเลย รู้สึกแค่จี๊ดๆ และได้กลิ่นไหม้ของขนอ่อน ซึ่งคุณหมอค่อนข้างยิงละเอียด และท่องไว้ว่า ฉันจะสวยๆๆ
5. หลังจากเลเซอร์เสร็จพยาบาลจะนำประคบเย็นมาประคบหน้า เราจะรู้สึกวูบ ร้อนๆที่หน้านิดนึง ไม่เจ็บ ไม่ทรมาณ และมีรอยแดงของเลเซอร์ หลังทำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาพในสปอยนี้ถ่ายตอนเลเซอร์ครั้งที่ 4 นะคะ ซึ่งช่วงนี้ที่ทำเลเซอร์ ครั้งที่ 1 2 และ 3 นี้ไม่มีรูปเพราะอยู่ในโทรศัพท์เครื่องเก่าที่พังไปแล้วเอารูปออกมาไม่ได้ TT (ถ้าขอภาพจากทางคลีนิคได้จะมาประกอบเพิ่มเติมนะคะ)
หลังทำเลเซอร์ของเราช่วงวันที่1 - 5 สะเก็ดจะเข้มขึ้น วันที่ 6 - 12 สะเก็ตจะค่อยหลุดจนหมด เกือบ 2 อาทิตย์หน้าถึงจะไม่มีสะเก็ต และไม่แต่งหน้า เหมือนถือโอกาสพักหน้าไปในตัว อย่าไปแกะสะเก็ตเด็ดขาดนะคะ ให้มันหลุดเองจะดีกว่า เพราะถ้าแกะเองอาจเกิดหลุมใหม่ก็ได้นะคะ
หลังจากจบคอร์ส มีแต่คนทักว่าหน้าเราดีขึ้นนอกจากหลุมสิวตื่นขึ้นแล้ว หน้ายังดูขาวใสขึ้นด้วย เพื่อนและน้องที่เป็นหลุมสิวพอเห็นก็ตัดสินใจไปเลเซอร์ตามเราเช่นกัน และดีขึ้นเช่นเดียวกัน รู้สึกดีใจเหมือนได้บอกบุญ ^^
สิ่งสำคัญทีอยากเตือนเพื่อนๆทุกคนคือ พยายามอย่าให้สิวขึ้นอีก เพราะมันจะเป็นวัฏจักร ฮือๆ เรามีสิวขึ้นที่เนื่องมาจากฮอร์โมนช่วงประจำเดือนอยู่บ้าง จึงมีรอยแดงและหลุมสิวเกิดขึ้นบ้างประปราย
การทำเลเซอร์เราไม่สามารถบอกได้ว่าทำกี่ครั้งถึงหาย แล้วแต่เคสของแต่ละคนไปนะคะ ตัวเราเองเป็นหลุมหลายชนิด แบบทั้งรักษาหายง่าย รักษายาก หลุมลึก หลุมกว้าง หลุมจิก และมีแบบทั้งหลุมใหม่ และเก่า ปะปนกันไป เรายังอยากรักษาให้มันดีขึ้นกว่านี้อีก จึงมีการทำครั้งที่ 4 และ 5 เกิดขึ้น การทำครั้งนี้เราจะดูไปตาม โปรที่ทางคลีนิคจัด ลดราคาเราก็จะไปทำ เหมือนไปเก็บแต้ม ฮ่าๆๆ
ช่วงเวลาที่เราไปเลเซอร์
เลเซอร์ ครั้งที่ 1 วันที่ 1 ก.ย.61
เลเซอร์ ครั้งที่ 2 วันที่ 6 ต.ค. 61
เลเซอร์ ครั้งที่ 3 วันที่ 10 พ.ย. 61
เลเซอร์ ครั้งที่ 4 วันที่ 23 มี.ค. 62
เลเซอร์ ครั้งที่ 5 วันที่ 8 มิ.ย 62
****ภาพเปรียบเทียบ****
จะเห็นว่า อาจยังไม่หาย 100% นะคะ ยังมีร่องรอยของหลุมอยู่บ้าง เพราะบางหลุมก็ลึกและต้องใช้เวลารักษาต่อไป ถึงอย่างไรเราก็รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆๆเลยค่ะ และหวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะช่วยเป็นแนวทางการรักษาอีกวิธีหนึ่งเพื่อใช้ในการตัดสินใจของคนที่เป็นหลุมเหมือนกันนะค่า ^^
สรุป
1. รักษาหลุมสิวด้วยวิธี Deka
2. ที่คลินิครัมภาดา (ใครอยากสอบถามเพิ่มเติมเข้าไปที่ fb: Rampada International Skin Clinic หรือLine : Rampada Skin Clinic)
3. ค่าใช้จ่ายเท่าไร : ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งค่อนข้างสูงอยู่นะคะสำหรับเราหมดเป็นหมื่นๆ แต่ทางคลีนิคจะมีโปรออกมาเรื่อยๆ ถ้าใครสนใจสอบถามกับทางคลีนิคได้เลยจ้า
4. ทำกี่ครั้ง : ทำทั้งหมด 5 ครั้ง โดยทำเฉพาะแก้ม 4 ครั้ง และทั้งหน้า 1 ครั้ง
5. ระยะเวลาที่ทำ : ของเราใช้เวลา ประมาณ ปีกว่า (ทำเมื่อเงินพร้อม ฮ่าๆๆ)
6. ทำต่อไหม : ทำต่อแน่จ้า ค่อยๆเก็บแต้มไปเรื่อยๆ
[CR] แชร์ประสบการณ์รักษาหลุมสิวด้วย Deka 5 ครั้ง
ก่อนอื่นขอเล่าที่มาที่ไปของการเกิดหลุมก่อนนะคะ (ถ้าใครอยากดูวิธีรักษาข้ามสปอยด์ได้เลยจ้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเริ่มเป็นหลุมสิวตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 17-18 ปี และสะสมมาเรื่อยๆ เราพยายามหาวิธีรักษาหลุมสิวแบบด้วยตนเองก่อนเพราะยังไม่มีงบประมาณไม่มาก แต่ก็เหมือนไม่ได้ผล จนกระทั่งเราไปเจอกระทู้ในพันทิปเมื่อประมาณ 5 - 6 ปีที่แล้วที่แชร์การรักษาหลุมสิวด้วย e-matrix กับคุณหมอรัมภา ที่คลีนิกรัมภาดา เราเองก็สนใจมากแต่ตอนนั้นยังไม่ได้ทำงานเลยไม่มีเงินเลย เพราะค่าเลเซอร์แพงมาก เราเก็บไว้ในใจมาโดยตลอดว่าสักวันถ้าทำงานจะเก็บเงินรักษากับหมอท่านนี้ให้จงได้ 555 (มีความแน่วแน่) จนกระทั่งมาถึงช่วงที่เราทนไม่ไหวความหน้าปรุของตัวเราเอง คือเราถ่ายรูปรับปริญญา ตอนจบ ป.ตรี เราจ้างช่างถ่ายรูป และแน่นอนกล้องชัดมากกกกกกก ซึ่งก่อนหน้านี้เราใช้แอปถ่ายหน้าเรามาตลอด เพราะอย่างน้อยก็พอหลอกตัวเองได้ว่ายังเป็นไม่มาก แต่พอได้รูปจากช่างกล้อง ต้องบอกก่อนนะคะว่าในไฟล์รูปที่ได้จะมีทั้งแบบแต่งรูปแล้ว และแบบไม่แต่ง ซึ่งไอแบบไม่แต่งนี่แหละค่ะที่ทำให้เราต้องรีบไปเลเซอร์โดยด้วย เพราะดูรูปแล้วเราร้องไห้เลย คือหน้าเป็นหลุมชัดมาก ไม่สวยเลย ช่วงนั้นก็อ้วนด้วย ทั้งอ้วนทั้งหน้าปรุ เราอายช่างกล้องมากๆค่ะ และสงสารที่ต้องรีทัชหน้าเราให้เรียบคงเหนื่อยน่าดู - -
ภาพหน้าก่อนทำเลเซอร์แบบชัดๆเราไม่ได้ถ่ายไว้เลย เพราะไม่อยากถ่ายเก็บไว้ ใช้แอปตลอด (แต่ถ้าขอทางคลีนิคที่เขาถ่ายก่อนเริ่มเลเซอร์ได้จะเอามาแปะให้ดูเปรียบเทียบนะคะ) เอาเป็นภาพตอนช่างกล้องถ่ายให้ก็พอจะมองออก ขนาดแต่งหน้าโดยช่างแต่งหน้าก็เอาไม่อยู่จ้า
ภาพในสปอยอาจน่ากลัวหน่อยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเริ่มทำงานเก็บเงิน จนกลางปี 60 เรามีเงินพอที่จะทำเลเซอร์ เลยเสิร์จหาคลีนิกรัมภาดา ความตั้งใจแรกคืออยากทำ e-matrix แต่ไปเห็นวิธีรักษาหลุมสิวอีกวิธีชื่อว่า deka ซึ่งเราก็ค้นหาข้อมูล แต่ได้ข้อมูลที่น้อยมากเหมือนมีที่นี่ที่เดียว เลยปรึกษากับทางคลีนิกว่ามันต่างกันยังไง จึงได้ข้อมูลว่า
ตัว Deka เป็นเทคโนโลยีจากประเทศอิตาลีและเป็นแบรนด์ Co2 Laser ที่ดีที่สุดของการรักษาหลุมสิว ณ ปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีหลักคือ Fractional RF + Fractional Co2 ซึ่งต่างจาก e-matricx ที่ใช้เพียง Fractional RF ซึ่งทำให้สามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกระดับความลึก และสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้ง 1-3 ครั้งแรก เราก็จัดไป ถ้ามันจะทำให้หน้าเราดีขึ้นได้เร็วกว่าเดิม เรานัดคุณหมอ และเข้าไปปรึกษา
ซึ่งเราประทับใจแรกคือคลีนิคสะอาด และพนักงานบริการดีมากคะ ถ้าได้นัดคุณหมอก่อน ไปถึงก็ได้พบคุณหมอเลยไม่ต้องรอคิว เราตื่นเต้นมาก เพราะกำลังจะได้เจอกันไอดอลที่เราอยากให้เขารักษาหน้าเรามาตลอด 5 ปี ฮ่าๆๆ (อย่าเพิ่งหาว่าเราโอเวอร์เลยนะคะ เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะเราอยากมีใบหน้าเนียนใสแบบคนอื่นเขาบ้าง) คุณหมอใจดีมากค่ะ คุณหมอรัมภาให้คำแนะนำที่ดีมากคือ ดูสภาพผิวเรา และแนะนำให้เรางดครีมต่างๆ ให้ทานน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายเรา คุณหมอเขาคำนวณให้ว่าเราควรทานน้ำให้ได้วันละกี่ลิตร์ เพราะการบำรุงจากภายในก็มีสวนสำคัญเช่นกัน คณหมอให้ทำ subsition (คือการตัดพังผืดใต้ผิวหนังที่เป็นหลุมสิว) 2 ครั้ง ร่วมกับการทำ daka เราซื้อเป็นคอร์สเฉพาะแก้ม (3 ครั้ง ) ก่อนทำเลเซอร์คุณหมอจะดูสภาพผิวเราก่อนนะคะว่าพร้อมทำไหม ถ้าเป็นสิวอยู่จะยังไม่ให้ทำเลย เพราะอาจเกิดอักเสบของสิวได้ รักษาสิวให้หายก่อนจึงเริ่มทำเลเซอร์ได้ค่ะ
แต่คุณหมอจะบอกว่าคงไม่หาย 100% เราก็ทำใจยอมรับขอแค่ดีขึ้นบ้างก็ยังดี
ขั้นตอนในครั้งที่ 1 และ 2 : subsition ร่วมกับ Deka
การทำเลเซอร์แต่ละครั้งใช้เวลาห่างกัน 1- 2 เดือน
1. คุณหมอจะให้เคลียร์หน้าก่อน คือกดสิว และทำความสะอาดใบหน้า ซึ่งตอนกดสิวคนอื่นว่าเจ็บแต่สำหรับเรามันส์มากค่ะ แบบกดมันออกมาให้หมด เอาออกให้หมดเลยค่าหนูยอมมมเจ็บ
แล้วพยาบาลจะถ่ายภาพสภาพหน้าเราก่อนทำเลเซอร์ทุกครั้งเพื่อไว้เปรียบเทียบ
2. จากนั้นพยาบาลก็จะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง และเช็คยาชาออก ตอนนี้เรานอนหลับพักผ่อน ทำใจให้สงบและท่องไว้ว่า เราจะสวยแล้วว ^^
3. เริ่ม subsition นี้เป็นครั้งแรกเรา ซึ่งทำโดยคุณหมออีกท่าน คุณหมอจะฉีดยาชาเพื่อใม่ให้เจ็บมากอีกข้างละเข็ม แต่เรารู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาทรมานของเรา เพราะเรารู้สึกถึงใบมีดทีจิ้มเข้าไปในผิวหนังและเหมือนได้ยินเสียงเหมือนอะไรมันขาดตอนหมอกรีด แต่ไม่เจ็บนะคะ แต่รู้สึกแปลบๆ เราค่อนข้างอยากให้จบไวๆ
แต่การ subsition ครั้งที่ 2 ของเราได้ทำกับคุณหมอรัมภา ซึ่งน่าแปลกที่ครั้งนี้เราไม่ได้รู้สึกทรมาณเหมือนครั้งแรก อาจเป็นเพราะครั้งนี้คุณหมอเพิ่มยาชามากกว่าครั้งแรก และมือเบามาก เราไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนจิ้มเหมือนครั้งแรก พอคุณหมอบอกเสร็จแล้ว เรางงเลยว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
4. พยาบาล แปะยาชาให้อีก 30 นาที เตรียมหน้าเพื่อเลเซอร์
5. และก็ถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย คือทำเลเซอร์ ต้องบอกเลยว่า ไม่เจ็บเลย รู้สึกแค่จี๊ดๆ และได้กลิ่นไหม้ของขนอ่อน ซึ่งคุณหมอค่อนข้างยิงละเอียด และท่องไว้ว่า ฉันจะสวยๆๆ
5. หลังจากเลเซอร์เสร็จพยาบาลจะนำประคบเย็นมาประคบหน้า เราจะรู้สึกวูบ ร้อนๆที่หน้านิดนึง ไม่เจ็บ ไม่ทรมาณ และมีรอยแดงของเลเซอร์ หลังทำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังทำเลเซอร์ของเราช่วงวันที่1 - 5 สะเก็ดจะเข้มขึ้น วันที่ 6 - 12 สะเก็ตจะค่อยหลุดจนหมด เกือบ 2 อาทิตย์หน้าถึงจะไม่มีสะเก็ต และไม่แต่งหน้า เหมือนถือโอกาสพักหน้าไปในตัว อย่าไปแกะสะเก็ตเด็ดขาดนะคะ ให้มันหลุดเองจะดีกว่า เพราะถ้าแกะเองอาจเกิดหลุมใหม่ก็ได้นะคะ
หลังจากจบคอร์ส มีแต่คนทักว่าหน้าเราดีขึ้นนอกจากหลุมสิวตื่นขึ้นแล้ว หน้ายังดูขาวใสขึ้นด้วย เพื่อนและน้องที่เป็นหลุมสิวพอเห็นก็ตัดสินใจไปเลเซอร์ตามเราเช่นกัน และดีขึ้นเช่นเดียวกัน รู้สึกดีใจเหมือนได้บอกบุญ ^^
สิ่งสำคัญทีอยากเตือนเพื่อนๆทุกคนคือ พยายามอย่าให้สิวขึ้นอีก เพราะมันจะเป็นวัฏจักร ฮือๆ เรามีสิวขึ้นที่เนื่องมาจากฮอร์โมนช่วงประจำเดือนอยู่บ้าง จึงมีรอยแดงและหลุมสิวเกิดขึ้นบ้างประปราย
การทำเลเซอร์เราไม่สามารถบอกได้ว่าทำกี่ครั้งถึงหาย แล้วแต่เคสของแต่ละคนไปนะคะ ตัวเราเองเป็นหลุมหลายชนิด แบบทั้งรักษาหายง่าย รักษายาก หลุมลึก หลุมกว้าง หลุมจิก และมีแบบทั้งหลุมใหม่ และเก่า ปะปนกันไป เรายังอยากรักษาให้มันดีขึ้นกว่านี้อีก จึงมีการทำครั้งที่ 4 และ 5 เกิดขึ้น การทำครั้งนี้เราจะดูไปตาม โปรที่ทางคลีนิคจัด ลดราคาเราก็จะไปทำ เหมือนไปเก็บแต้ม ฮ่าๆๆ
ช่วงเวลาที่เราไปเลเซอร์
เลเซอร์ ครั้งที่ 1 วันที่ 1 ก.ย.61
เลเซอร์ ครั้งที่ 2 วันที่ 6 ต.ค. 61
เลเซอร์ ครั้งที่ 3 วันที่ 10 พ.ย. 61
เลเซอร์ ครั้งที่ 4 วันที่ 23 มี.ค. 62
เลเซอร์ ครั้งที่ 5 วันที่ 8 มิ.ย 62
จะเห็นว่า อาจยังไม่หาย 100% นะคะ ยังมีร่องรอยของหลุมอยู่บ้าง เพราะบางหลุมก็ลึกและต้องใช้เวลารักษาต่อไป ถึงอย่างไรเราก็รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆๆเลยค่ะ และหวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะช่วยเป็นแนวทางการรักษาอีกวิธีหนึ่งเพื่อใช้ในการตัดสินใจของคนที่เป็นหลุมเหมือนกันนะค่า ^^
สรุป
1. รักษาหลุมสิวด้วยวิธี Deka
2. ที่คลินิครัมภาดา (ใครอยากสอบถามเพิ่มเติมเข้าไปที่ fb: Rampada International Skin Clinic หรือLine : Rampada Skin Clinic)
3. ค่าใช้จ่ายเท่าไร : ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งค่อนข้างสูงอยู่นะคะสำหรับเราหมดเป็นหมื่นๆ แต่ทางคลีนิคจะมีโปรออกมาเรื่อยๆ ถ้าใครสนใจสอบถามกับทางคลีนิคได้เลยจ้า
4. ทำกี่ครั้ง : ทำทั้งหมด 5 ครั้ง โดยทำเฉพาะแก้ม 4 ครั้ง และทั้งหน้า 1 ครั้ง
5. ระยะเวลาที่ทำ : ของเราใช้เวลา ประมาณ ปีกว่า (ทำเมื่อเงินพร้อม ฮ่าๆๆ)
6. ทำต่อไหม : ทำต่อแน่จ้า ค่อยๆเก็บแต้มไปเรื่อยๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้