เราเป็นคนมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนมาตั้งแต่วัยรุ่น หรือตั้งแต่ประมาณ 17 - 22 ปี ต้นเหตุคือ ประจำเดือนมาผิดปกติ มาบ้างไม่มาบ้าง
ซึ่งบทเรียนความเด็ก+ชะล่าใจครั้งนั้น มันนำมาซึ่งสิวจำนวนมากบนใบหน้ามาหลายปี ที่สำคัญคือสิวที่มีหนองที่เป็นใจความเรื่องนี้เลยค่ะ เพราะหลังจากหายปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ...มันจะทิ้งรอยและหลุมสิวไว้...
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับพวกเครื่องรักษา และวิธีแก้หลุมสิวมานับไม่ถ้วน
(เช็คลักษณะหลุมของตนเองที่นี่ http://www.dst.or.th/Publicly/Articles/919.23.16/DxgmrOpbRl)
เราเคยทำมาเกือบครบวงจรแล้ว ตั้งแต่กลุ่มที่ไม่ใช่เลเซอร์และเลเซอร์ แต้มกรดบนหลุม / ขัดเกร็ดอัญมณี (Crystal Peel) / Subcision / Fine Scan / E-Matrix รวมถึงฉีด Filler ตามหลุม แต่จะบอกว่ามีเครื่องนึงที่สามารถแก้ได้เห็นผลชัดเจนที่สุด เลิศสุด ใหม่สุด คือ
“Deka” ซึ่งเพื่อความสบายใจเราจะรีวิวให้ทุกแบบ 5555 ยึดจากอะไรดีความเจ็บหรอ55555555 เอางี้ดีกว่าเราจะเปรียบเทียบ ความเหมาะสมกับปัญหาหลุม > ระยะเวลา > ผลลัพท์หลังรักษา > ค่าใช้จ่าย > ระดับความเจ็บ การเลือกรักษาจริงๆไม่อยากให้คิดถึงแต่เรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ เพราะการที่เราเสียเงินต่อครั้งราคาต่ำกว่าอีกชนิดไม่ได้แปลว่าจะให้ผลที่ดีเท่ากัน ซึ่งอาจจะทำให้เสียทรัพย์มากกว่าด้วย ดังนั้นพิจารณาตามเหมาะสมกับปัญหาผิวแล้วกันนะคะ
----------------------------------- กลุ่มที่ไม่ใช่เลเซอร์ --------------------------------------------
1. แต้มกรด TCA (Trichloroacetic Acid)
วิธีการ
- หมอจะทำความสะอาดหน้าและใช้ไม้จิ้มฟันแต้มกรดบนหลุมสิว
- ทิ้งไว้ 3 -4 นาที จะรู้สึกแสบๆคันๆ หมอก็จะเช็ดออก
- เกิดรอยฝ้าที่ขาวขึ้น นั่นเพราะตัวกรดได้ซึมลงผิวและกัดผิวแล้ว และรอยฝ้าสีขาวจะหายไป กลายเป็นสะเก็ดสีน้ำตาลแทน
2. Crystal Peel กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี
- การขัดผิวหน้าที่มีปัญหารอยสิวในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ให้หลุดออก ด้วยเกร็ดอัญมณีขนาดเล็กประมาณ 100 ไมครอน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแดง รอยดำ รอยหลุมสิว และรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว โดยใช้วิธีการพ่นเกร็ดอัญมณีที่มีความละเอียดลงบนผิว
ที่มีทั่วใบหน้าและดูดกลับไปอย่างรวดเร็ว
- หัวขัดจะเล็กๆ หลังจากขัดเสร็จสามารถขอดูเกล็ดที่ใช้ขัดหน้าเราได้ สิ่งที่เห็นคือมันดำ เพราะขัดพวกผิวชั้นหนังกำพร้าออก
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สร้างเซลล์ผิวใหม่
3. Subcision (ตัดผังผืดใต้ผิวหนัง)
- ทายาชาทั่วหน้า จากนั้นคุณหมอจะใช้เข็มเซาะไปตามใต้ผิวหนังเรา ความรู้สึกจะเหมือนมีหนังยางอยู่ด้านล่าง
เวลาตัดคุณหมอต้องดึงนิดนึง เป็นการทำด้วยมือเปล่าล้วนๆ ไม่มีเครื่องร่วม ซึ่งเป็นการตัดผังผืดที่ติดอยู่ใต้ผิวหนังให้แยกออกจากกัน
---------------------------------- กลุ่มเลเซอร์-------------------------------------
4. Fine Scan
- ทายาชาทั่วหน้าทิ้งไว้ 35- 45 นาที
- ยิงแล้วจะรู้สึกร้อนๆ วูบๆ ใต้ผิวหนัง ด้านบนผิวจะออกแดง และจะหายแดงหลังจาก 3- 6 ชั่วโมงให้หลัง
- หลังจากหมดฤทธิ์ยาชาไม่รู้สึกเจ็บใดๆ สะเก็ดจะเริ่มขึ้น
5. E-Matrix
- ทายาชาทั่วหน้า 45 นาที – 1 ชั่วโมง
- ขณะยิงจะรู้สึกถึงความร้อนสูง และเจ็บในวงกว้าง
- หลังจากทำประมาณ 1 วันหน้าจะเริ่มหายแดง ไม่รู้สึกเจ็บหลังยาชาหมดฤทธิ์
- ขึ้นสะเก็ดหลังจากทำ 1 วัน สีจะเข้มขึ้นเมื่อวันที่ 2 – 3
6. Deka
- ทายาชาทั่วหน้า 45 นาที – 1 ชั่วโมง
- ขณะทำจะรู้สึกผิวตึงๆและเจ็บน้อยกว่าในวงที่ทำ ร้อนปานกลาง
- หลังจากทำ บางคนจะหน้าแดงไม่มาก หรือแดงมาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
- เช้าวันต่อมาจะเห็นสะเก็ดขึ้นเล็กๆเป็นจุดๆ สีดำอ่อน
///ข้างบนนี้ขอบอกว่าทำมาทั้งหมดแล้ว แต่วันนี้จะบอกว่าอะไรเวิร์คสุด////
สำหรับเรา Deka คือตอบโจทย์ที่ครอบคลุม แม้ว่าสูงราคาจะสูง <หลังไมค์มาถามได้นะค้า>
ซึ่งตอนที่ทำ Fine scan หลายคนรอบตัวก็ทักว่าหน้าดีขึ้น (ก็แน่ล่ะ ทำไปหลายครั้ง) ซึ่งเราพอใจขึ้นพอสมควร แต่ยังไม่ที่สุด 5555
ใครๆก็อยากมีผิวหน้าที่เรียบ เต่งตึงกันทั้งนั้นอะเนอะ โดยเฉพาะเรื่องพวกนี้ที่เป็นปมด้อยในใจเรามาก เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอมนะ
จำว่าอย่างนึงนะคะ ไม่มีผลิตภัณฑ์ไหนที่ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างแท้จริงนะคะ ใช้ไปก็เสียเงินเปล่าๆ คุณหมอจะย้ำเราเสมอว่าให้ดื่มน้ำมากๆ
ทานผลไม้เยอะๆ ซึ่งเราพยายามทำตลอดค่ะ
ทีนี้กลับมาที่เครื่องdeka ภาพ
ก่อนทำ
[CR] เปรียบเทียบภาพการรักษาหลุมสิว..พารู้จักเครื่องDeka
ซึ่งบทเรียนความเด็ก+ชะล่าใจครั้งนั้น มันนำมาซึ่งสิวจำนวนมากบนใบหน้ามาหลายปี ที่สำคัญคือสิวที่มีหนองที่เป็นใจความเรื่องนี้เลยค่ะ เพราะหลังจากหายปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ...มันจะทิ้งรอยและหลุมสิวไว้...
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับพวกเครื่องรักษา และวิธีแก้หลุมสิวมานับไม่ถ้วน
(เช็คลักษณะหลุมของตนเองที่นี่ http://www.dst.or.th/Publicly/Articles/919.23.16/DxgmrOpbRl)
เราเคยทำมาเกือบครบวงจรแล้ว ตั้งแต่กลุ่มที่ไม่ใช่เลเซอร์และเลเซอร์ แต้มกรดบนหลุม / ขัดเกร็ดอัญมณี (Crystal Peel) / Subcision / Fine Scan / E-Matrix รวมถึงฉีด Filler ตามหลุม แต่จะบอกว่ามีเครื่องนึงที่สามารถแก้ได้เห็นผลชัดเจนที่สุด เลิศสุด ใหม่สุด คือ “Deka” ซึ่งเพื่อความสบายใจเราจะรีวิวให้ทุกแบบ 5555 ยึดจากอะไรดีความเจ็บหรอ55555555 เอางี้ดีกว่าเราจะเปรียบเทียบ ความเหมาะสมกับปัญหาหลุม > ระยะเวลา > ผลลัพท์หลังรักษา > ค่าใช้จ่าย > ระดับความเจ็บ การเลือกรักษาจริงๆไม่อยากให้คิดถึงแต่เรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ เพราะการที่เราเสียเงินต่อครั้งราคาต่ำกว่าอีกชนิดไม่ได้แปลว่าจะให้ผลที่ดีเท่ากัน ซึ่งอาจจะทำให้เสียทรัพย์มากกว่าด้วย ดังนั้นพิจารณาตามเหมาะสมกับปัญหาผิวแล้วกันนะคะ
----------------------------------- กลุ่มที่ไม่ใช่เลเซอร์ --------------------------------------------
1. แต้มกรด TCA (Trichloroacetic Acid)
วิธีการ
- หมอจะทำความสะอาดหน้าและใช้ไม้จิ้มฟันแต้มกรดบนหลุมสิว
- ทิ้งไว้ 3 -4 นาที จะรู้สึกแสบๆคันๆ หมอก็จะเช็ดออก
- เกิดรอยฝ้าที่ขาวขึ้น นั่นเพราะตัวกรดได้ซึมลงผิวและกัดผิวแล้ว และรอยฝ้าสีขาวจะหายไป กลายเป็นสะเก็ดสีน้ำตาลแทน
2. Crystal Peel กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี
- การขัดผิวหน้าที่มีปัญหารอยสิวในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ให้หลุดออก ด้วยเกร็ดอัญมณีขนาดเล็กประมาณ 100 ไมครอน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแดง รอยดำ รอยหลุมสิว และรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว โดยใช้วิธีการพ่นเกร็ดอัญมณีที่มีความละเอียดลงบนผิว
ที่มีทั่วใบหน้าและดูดกลับไปอย่างรวดเร็ว
- หัวขัดจะเล็กๆ หลังจากขัดเสร็จสามารถขอดูเกล็ดที่ใช้ขัดหน้าเราได้ สิ่งที่เห็นคือมันดำ เพราะขัดพวกผิวชั้นหนังกำพร้าออก
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สร้างเซลล์ผิวใหม่
3. Subcision (ตัดผังผืดใต้ผิวหนัง)
- ทายาชาทั่วหน้า จากนั้นคุณหมอจะใช้เข็มเซาะไปตามใต้ผิวหนังเรา ความรู้สึกจะเหมือนมีหนังยางอยู่ด้านล่าง
เวลาตัดคุณหมอต้องดึงนิดนึง เป็นการทำด้วยมือเปล่าล้วนๆ ไม่มีเครื่องร่วม ซึ่งเป็นการตัดผังผืดที่ติดอยู่ใต้ผิวหนังให้แยกออกจากกัน
---------------------------------- กลุ่มเลเซอร์-------------------------------------
4. Fine Scan
- ทายาชาทั่วหน้าทิ้งไว้ 35- 45 นาที
- ยิงแล้วจะรู้สึกร้อนๆ วูบๆ ใต้ผิวหนัง ด้านบนผิวจะออกแดง และจะหายแดงหลังจาก 3- 6 ชั่วโมงให้หลัง
- หลังจากหมดฤทธิ์ยาชาไม่รู้สึกเจ็บใดๆ สะเก็ดจะเริ่มขึ้น
5. E-Matrix
- ทายาชาทั่วหน้า 45 นาที – 1 ชั่วโมง
- ขณะยิงจะรู้สึกถึงความร้อนสูง และเจ็บในวงกว้าง
- หลังจากทำประมาณ 1 วันหน้าจะเริ่มหายแดง ไม่รู้สึกเจ็บหลังยาชาหมดฤทธิ์
- ขึ้นสะเก็ดหลังจากทำ 1 วัน สีจะเข้มขึ้นเมื่อวันที่ 2 – 3
6. Deka
- ทายาชาทั่วหน้า 45 นาที – 1 ชั่วโมง
- ขณะทำจะรู้สึกผิวตึงๆและเจ็บน้อยกว่าในวงที่ทำ ร้อนปานกลาง
- หลังจากทำ บางคนจะหน้าแดงไม่มาก หรือแดงมาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
- เช้าวันต่อมาจะเห็นสะเก็ดขึ้นเล็กๆเป็นจุดๆ สีดำอ่อน
///ข้างบนนี้ขอบอกว่าทำมาทั้งหมดแล้ว แต่วันนี้จะบอกว่าอะไรเวิร์คสุด////
สำหรับเรา Deka คือตอบโจทย์ที่ครอบคลุม แม้ว่าสูงราคาจะสูง <หลังไมค์มาถามได้นะค้า>
ซึ่งตอนที่ทำ Fine scan หลายคนรอบตัวก็ทักว่าหน้าดีขึ้น (ก็แน่ล่ะ ทำไปหลายครั้ง) ซึ่งเราพอใจขึ้นพอสมควร แต่ยังไม่ที่สุด 5555
ใครๆก็อยากมีผิวหน้าที่เรียบ เต่งตึงกันทั้งนั้นอะเนอะ โดยเฉพาะเรื่องพวกนี้ที่เป็นปมด้อยในใจเรามาก เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอมนะ
จำว่าอย่างนึงนะคะ ไม่มีผลิตภัณฑ์ไหนที่ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างแท้จริงนะคะ ใช้ไปก็เสียเงินเปล่าๆ คุณหมอจะย้ำเราเสมอว่าให้ดื่มน้ำมากๆ
ทานผลไม้เยอะๆ ซึ่งเราพยายามทำตลอดค่ะ
ทีนี้กลับมาที่เครื่องdeka ภาพก่อนทำ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้