[SR] แชร์ประสบการณ์รักษาสิวแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ณ รัมภาดาคลินิค

สวัสดีครับ ผมชื่อ( ก๊อต) ละกันนะครับ ก่อนอื่นเลย ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงจากการรักษาหลุมสิวตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบันให้ฟังแบบละเอียดกันเลยนะครับ แรกเริ่มเลย ตั้งแต่เด็กๆ ผมเป็นสิว จำความได้น่าจะประมาณช่วง ม.2-ม.3นะครับ เป็นแบบเยอะมาก ทั้งสิวอักเสบ สิวหัวช้าง ทุกชนิดสิวๆ เนื่องจากทางบ้านมีกรรมพันธุ์ในเรื่องสิวอยุ่แล้ว + กับว่าตัวเองเปนคนชอบเล่นกีฬาด้วย เลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ ช่วงแรกๆ ก็จะบีบแกะ ตามภาษาเด็กทั่วไป จนมาวันนึง ก็เลยขอคุณแม่ว่าขอไปรักษาสิวได้ไหม คุณแม่ก็เลยพาไปคลินิกตามห้างนะครับ คลินิกแรกเลยที่ผมรักษานั้น ขอไม่เอ่ยนามนะครับที่...... (สีฟ้า)
ผมไปรักษาคุณหมอก็เลยแนะนำให้ กดสิว + ฉีดสิว + รับประทานยาตามสเต็ป.....หลังจากนั้นเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับตัวเอง คือ หน้ามีรอยๆ หลุมๆ ตามรอยที่ถูกกด ถามว่าคนที่กดคือ ไม่ใช่หมอนะครับ เป็นพนักงานทั่วไป  ความรุ้สึกคือ กดแรงมาก! ถ้ากดจนฟันหลุดได้ผมว่า หลุดไปละครับ หลังจากนั้นมา ผมเลยไม่รักษาที่นั่นอีกเลย ( แต่ก่อนหน้านั้นผมรักษาที่นี่ เกิน10ครั้งนะครับ ฉีด กด กินยา แบบนี้เรื่อยๆ)ราคาค่อนข้างจำไม่ได้ แต่ครั้งละ 2000+ อาการก็เปนแบบเดิม แถมเพิ่มเติมคือหลุมสิว !
คราวนี้ พอถึงช่วงมัธยมปลาย- มหาลัย ช่วงที่ทุกคนอยากจะหล่อ อยากจะสวยตามวัยรุ่นอ่านะครับ ก็เลยขอคุณแม่ไปรักษาอีกรอบๆเป็นคลินิคที่ห้างอีกตามเคย .....คลินิคสีส้มละกันนะครับ ก็คราวนี้ไม่ได้มารักษาสิวละ แต่มารักษาหลุมสิวแทนๆ ซึ่ง นวัตกรรมตอนนั้นล่าสุดเลยก็คือ เลเซอร์ fixel + กรอหน้าไรนี่ละครับ ทำเปนคอสๆ ตอนนั้นอยุ่ที่50000 บาท! เลเซอร์3รอบ +ทำหน้ากรอผิวอีก10 รอบๆ  แต่อาการก็คงเปนแบบเดิม คือ หลุมสิวเปนแบบเดิมๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะดีขึ้นมาสัก1-2% อันนี้ ผมสังเกตไม่เห็นเลยๆ ผมขอย้ำนะครับ คนที่เป็นหลุมสิว เขาจะเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองมาก ถึงมากที่สุด ดังนั้นคนรอบข้างควรให้กำลังใจ + เข้าใจ ในคนที่เป็นด้วย เขาก็คือ ผู้ป่วยคนนึงละครับ แต่ป่วยในด้านผิวหนังง ผมเชื่อว่าการรักษาสิวตอนเด็กๆได้ดีที่สุดเลยก็คือ การกินน้ำ เยอะๆ ทานผักผลไม้ให้เยอะๆ อย่าบีบ อย่าแกะ นี่ละครับ คือ สิ่งที่ผมอยากบอกคนรุ่นหลังต่อ มันสำคัญมากกก ไม่มีใครหลอกครับในโลกนี้ ที่อยากหน้าเป็นหลุม แต่คนเรามันเลือกไม่ได้ ดังนั้นเราเลยอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา แม้ว่าจะเสียราคาสักเท่าไหร่ก็ยอมม คนเปนหลุมสิวจะเข้าใจครับ คราวนี้ มาถึงปัจจุบัน ผมได้เรียนจบ และได้ทำงานบริษัทเอกชนแห่งนึง ได้หาเงินเองใช้เอง และก็นึกขึ้นว่า เรายังไม่เคยให้รางวัลตัวเองอะไรเลย ก็เลยคิดว่า อยากดูแลตัวเองอีกรอบ ( เพราะว่าหมดเงินหลายแสนๆ จนคุณแม่เค้าเอือมอ่าครับ แบบว่าคนเราดูที่ภายในไม่ใช่ภายนอก ทำไปก็เท่าเดิมๆไม่หายหลอก ) ผมได้ยินแบบนั้น ก็เลยรุ้สึกแบบน้อยใจ + เสียใจไปด้วยในตัว ก็เลยเอาวะ! ในเมื่อผมทำงานเองได้แล้ว ผมก็มีสิทใช้เงินของตัวเองในการรักษาได้ ผมเลยศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางอินเตอร์เนตมากมาย ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน คือตัวไหน ทำอย่างไร น๊อออ ถึงขั้นเคยคิดว่า อยากจะศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าเลยด้วยซ้ำๆ แพงเท่าไหร่ ก็จะหาเงินมาจ่าย เพื่อวันนึงหน้าจะมีโอกาสหาย หรือดีขึ้นสัก 70-80เปอเซนย์ก็ยังดีๆ
เอาวะก็เลยหาข้อมูล จากทางอินเตอร์เนต + กับมีเพื่อนคนนึง ( ที่เรียนอยุ่ต่างประเทศ) แนะนำมาว่า เห้ยๆ เทอ ลองไปรักษาที่รัมภาดา คลินิกดูไหม เพื่อนผมก็บอกว่า มันดีนะๆ เหนหลายๆคนรักษา และที่นี่ไม่มีสาขาด้วย ผมก็เลยค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองอีกรอบ ผมเจอแต่ตัว laser E-Matrix อย่างเดียวเลยครับ ที่ทันสมัยสุดๆ พอวันถัดมา ผมไปคลินิกเลยครับ ตัวคนเดียว กระเป๋าตัวเองลุยๆ ก็เจอกับคุณหมอท่านนึง คุยกับคุนหมอรุ้สึกว่า แนะนำ + รุ้ลึกถึงลักษณะหลุมสิวๆ แกเลยให้ผมไปทำ E-matrix นะครับ 100 ช้อต จะตกประมาน10000บาท ต่อรอบ ณ ตอนนั้น( อันนี้จำตัวเลขไม่ได้ อาจจะถุกกว่านี้หรือแพงกว่านี้นิดหน่อย)คือ ช่วงเดือนกันยา 60 ที่ผ่านมาๆ อันนี้ถ้าจำผิดขออภัยด้วยนะครับ พอทำผ่านมาเดือนนึงเสร็จปุ้บ เราก็ถาม ฟัตแบก จากคนรอบๆข้างหรือเพื่อนร่วมงานนั้นเอง เขาก็บอกว่า ก็เท่าเดิมๆนะ หรือดีขึ้นนิดเดียวเอง ผมก็เลยเอ๊ะ หรือว่าต้องทำซ้ำหลายๆรอบน๊ออ เพราะ คุณหมอแก แนะนำให้ทำสัก 3 รอบ จะเห็นผลดีกว่า หรือ เหนผลชัดเจน ผมก็เลยนัดหมออีกรอบในเดือนต่อๆ มา คราวนี้ ผมอยากเจอหมอที่เปนเจ้าของเลย ก็คือ คุณหมอรัมภา นั่นเอง  ตอนผมเจอนั้น ผมคุยกับคุณหมออ นานๆมากกก จำได้เลยว่าแกยิ้ม และพูดกับเราไม่เหนื่อยเลยทั้งที่เราคิดว่า เอ้ย ถามเยอะแบบนี้ + กับคุยกับแกเยอะขนาดนี้ แกจะรำคาญไหมน๊อ ผลคือ แกคุยและยิ้มและให้คำปรึกษาดีๆตลอด ผมก็เลยถามคุณหมอทุกเรื่องที่เกี่ยวกับหลุมสิว ผมถามเลยว่ามีโอกาสหาย100เปอเซนไหม แกตอบเลยว่าไม่100เปอเซน แต่จะดีขึ้น 60-70-80 เปอเซน แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคนๆ และผมก็ถามต่อไปอีก ว่ามีเลเซอร์ตัวไหนที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบันบ้างๆ คุณแม่ก็เงียบสัก3-4วิก็เลยตอบมาว่า อันที่จิง มีเลเซอร์ที่ใหม่ล่าสุด แต่คนไม่นิยมใช้กัน เพราะราคามันค่อนข้างแพงๆ มันคือ Laser Deka ของ อิตาลี่คุณหมอบอกว่า มันเพิ่งเข้ามาใหม่เมื่อ2ปี ส่วน E-matrix เข้ามา7-8 ปีแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกันก็คือ Iphone 4 กับ Iphone 8 นั่นเองๆ ผมก็เลยถามคุณหมอเลยว่าราคาเท่าไหร่ ผมจะไหวรึป่าวๆ? คุณหมอบอกว่าครั้งละ20000 บาท ทำ3ครั้ง ฟรี1ครั้งโปรโมชั่นของเดือน ตุลาคมๆ ผมก็เลยไม่ลังเลเลยครับ จังหวะนั้น สิ่งที่ดีที่สุด และเปนทางเลือกที่ดีที่สุด ผมจึงตอบอย่างเร็วเลยว่า ผมทำตัวนี้ครับ แม้ว่าผมจะเพิ่งทำงานหาเงินเองก็ตาม ผมอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวผม และพอก่อนจะพูดกับคุณหมอจบบทสนทนา คุณหมอแนะนำให้ผมดื่มน้ำวันละ 7-8 ขวดนะครับ ขวดเล็กสุดใน 7-eleven อ่านะครับ + กับทานผักผลไม้เยอะๆ เท่าที่จะทานได้ๆ  ที่ผมมาเขียนเล่าประสบการณ์ เขียนมาจากที่ประสบมาทั้งนั้น ไม่ได้มีหน้าม้าหรือ ขายตรง อะไรนะครับ หลังจากนี้ผมจะรีวิวว่า ทำ3ครั้งจะเปนอย่างไร ตอนนี้ผมมทำได้1ครั้งแล้ว กับ laser Deka ผมรุ้สึกว่า มันดีขึ้น กว่า E-matrix อย่างแน่นอน!!!  ความรุ้สึกผมนะ แต่ไม่ได้หายขาดนะ ดีขึ้นมา 30เปอเซน ดูว่ามันติ้นขึ้น ผมก็ดีใจละครับ
<<<<< เป็นช่วงรอทำนะครับ ผู้ช่วยพยาบาลจะทายาชา ประมาณ 1ชม.ครับ
ชื่อสินค้า:   รักษาหลุมสิว
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่