ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 2 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,585 ราย
4 ตุลาคม 2563
ศูนย์ข้อมูล COVID-19" รายงาน "ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้" ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,585 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม
วันที่ 4 ต.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 2 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,585 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิตคงเดิมอยู่ที่ 59 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,388 ราย เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 138 ราย
สำหรับผู้ป่วยพบใหม่ 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ากักตัวใน State Quarantine แบ่งออกเป็น เดินทางจากสหราชอาณาจักร 1 ราย และแอฟริกาใต้ 1 ราย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/900786
Health News : นมแม่อาจช่วยป้องกันหรือรักษาโควิด-19 ได้
วันอาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 09.10 น.
คณะนักวิจัยนำโดย ศ.ถง อีกัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเคมีปักกิ่ง ประเทศจีน เผยแพร่ผลการศึกษาลงในวารสารที่ไม่ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจสอบว่า ได้นำนมแม่ที่เก็บไว้เมื่อปี 2560 ไปผสมกับเซลล์สุขภาพดีหลากหลายประเภท มีตั้งแต่เซลล์ไตสัตว์ไปจนถึงเซลล์ปอดและเซลล์ลำไส้คนอายุน้อย จากนั้นล้างนมออกแล้วนำเซลล์ไปรับ Sars-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคโควิด-19 สังเกตพบว่า....📍
ไวรัสไม่สามารถจับหรือเข้าไปในเซลล์ หรือหากเข้าไปแล้วก็ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ จึงได้ข้อสรุปวา นมแม่สามารถยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโคโรนาดังที่รู้กันดีว่าสามารถยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อไวรัสหลายตัว เช่น เอชไอวีที่ทำเป็นโรคเอดส์ ผลการศึกษานี้สนับสนุนจุดยืนอย่างเป็นทางการขององค์การอนามัยโลกที่ว่า มารดาควรให้นมบุตรต่อไปแม้ติดไวรัสโควิด-19 เพราะผลการติดตามมารดาติดโควิด 46 คน ในหลายประเทศที่ให้นมบุตรตลอดทั้งเดือนมิถุนายน พบพันธุกรรมไวรัสในนมมารดา 3 คน แต่ไม่พบหลักฐานการแพร่เชื้อสู่ลูก และพบเด็กเพียงคนเดียวที่ติดเชื้อโดยอาจจะติดจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่นมแม่
https://www.naewna.com/lady/522635
'
อังกฤษ-ฝรั่งเศส'ติดเชื้อ'โควิด-19' ทุบสถิติรายวันสูงสุด!
สหราชอาณาจักรพบผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 10,000 คนภายในวันเดียว เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรค เช่นเดียวกับฝรั่งเศสซึ่งพบผู้ติดเชื้อวันเดียวเกือบ 17,000 คน เป็นสถิติสูงสุด
อาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563 เวลา 09.18 น.
ขณะที่สถิติสะสมของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรอยู่ที่อย่างน้อย 42,317 คน มากที่สดุในทวีปยุโรป เพิ่มขึ้น 49 คน
ในวันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ในรอบวันที่ผ่านมา ยืนยันผู้ป่วยใหม่ 16,972 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่มีการพบผู้ติดเชื้อคนแรก เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่มสถิติผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 606,625 คน รักษาหายแล้ว 97,778 คน ยังเป็นสถิติคงที่จาก 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ส่วนผู้เสียชีวิตในรอบวันที่ผ่านมายืนยันที่ 49 คน เพิ่มสถิติผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด- 19 ในฝรั่งเศสเป็นอย่างน้อย 32,198 คน
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/foreign/799046
“
ทรัมป์” แพร่วิดีโอจากโรงพยาบาลในสภาพอ่อนล้าพิษโควิด -19 หลังข่าวสับสนอาการหนักเบา (ชมคลิป)
เผยแพร่: 4 ต.ค. 2563 07:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในวิดีโอจากห้องของโรงพยาบาลในวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่าเขารู้สึกดีขึ้นมาก และหวังหายป่วยเร็ววัน หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้มีข่าวสารที่ขัดแย้งกันจากทำเนียบขาวเกี่ยวกับอาการของเขา ตามหลังถูกพบติดเชื้อโควิด-19
วิดีโอความยาว 4 นาทีที่โพสต์ลงบนทวิตเตอร์ ทรัมป์ดูอ่อนล้าและบอกว่า “เขารู้สึกไม่ดีนัก” เมื่อตอนแรกๆ ที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด เมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ในวันศุกร์ (2 ต.ค.) และบอกว่าในช่วงไม่กี่วันข้างหน้าจะมีความสำคัญยิ่งในการต่อสู้ของเขากับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
“ในไม่กี่วันข้างหน้า ผมเดาว่ามันจะเป็นบททดสอบที่แท้จริง ดังนั้นเราจะรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นในช่วง 2 วันข้างหน้านี้” ทรัมป์กล่าว โดยนั่งบนโต๊ะกลมและอยู่ด้านหน้าธงชาติสหรัฐฯ
วิดีโอถูกเผยแพร่ออกมาไม่กี่ชั่วโมงตามหลัง คำประเมินที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับสุขภาพของเขาจากบรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล ซึ่งทำให้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าอาการของประธานาธิบดีหนักเบาแค่ไหน นับตั้งแต่ผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวกเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (1 ต.ค.)
เบื้องต้นคณะแพทย์ทำเนียบขาวบอกในตอนเช้าวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่าอาการของทรัมป์ดีขึ้น และเขาเริ่มพูดถึงการกลับมาทำงานที่ทำเนียบขาวแล้ว โดยแพทย์คนหนึ่งอ้างว่าทรัมป์บอกกับพวกเขาว่า “ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจะสามารถเดินออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้เลย”
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่ถึงนาที มาร์ค มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ให้คำประเมินที่ดูสดใสน้อยกว่า โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ชีพจรของประธานาธิบดีในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาน่ากังวลยิ่ง และช่วง 48 ชั่วโมงถัดจากนี้จะสำคัญยิ่งในแง่การดูแลเขา เรายังคงไม่อยู่บนเส้นทางที่ราบรื่นของการฟื้นตัว”
กระนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีโดวส์ ปรับเปลี่ยนสุ้มเสียง บอกกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์ “กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ” และบอกว่าคณะแพทย์รู้สึกพอใจกับสัญญาณชีพของเขาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ มีโดวส์ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงให้ควาามคิดเห็นไม่ตรงจากเดิม
ทรัมป์นั่งเฮลิคอปเตอร์จากทำเนียบขาวสู่โรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด ใกล้กรุงวอชิงตัน ราว 17 ชั่วโมง หลังจากเขาแถลงว่าตนเองติดเชื้อ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลบอกว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน และบอกว่าเขาจะพักอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 7 วัน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานอ้างแหล่งข่าว 2 คนที่ใกล้ชิดกับทำเนียบขาว เผยว่าการตัดสินใจพาทรัมป์ส่งโรงพยาบาล มีขึ้นหลังจากเขาหายใจลำบากและระบบออกซิเจนลดลง กระตุ้นให้ทางทีมแพทย์ส่วนตัวของเขาต้องให้ออกซิเจนก่อนนำส่งโรงพยาบาล
รายงานข่าวดังกล่าวสวนทางกลับคำพูดของนายแพทย์ ฌอน พี.คอนลีย์ ที่บอกกับผู้สื่อข่าวด้านนอกของโรงพยาบาล ระหว่างการแถลงข่าวในวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่า ทรัมป์ ไม่ได้หายใจลำบาก และที่โรงพยาบาลวอเตอร์รีด ไม่มีการให้ออกซิเจนกับเขา
“ทีมแพทย์และผมรู้สึกพอใจมากกับความก้าวหน้าของอาการประธานาธิบดี” คอนลีย์กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธให้กรอบเวลาความเป็นไปได้ว่าเมื่อไหร่ที่ทรัมป์จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
นายแพทย์อาเมช อาดาลจา ศาสตราจารย์ด้านโรคอุบัติใหม่ของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ระบุว่า “ใครก็ตามที่อยู่ในโรงพยาบาล เราไม่พิจารณาว่ามันเป็นอาการป่วยเล็กน้อยอีกต่อไป” อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินสถานะทางการแพทย์ของทรัมป์ จากพื้นฐานข้อมูลที่ทางคณะแพทย์ของเขาเปิดเผยต่อสาธารณชนในตอนนี้
“วันนี้มันมีเพียงการคาดเดา คณะแพทย์พูดอย่าง แหล่งข่าวทำเนียบขาวพูดอีกอย่าง และต่อมาทั้งสองก็ปรับเปลี่ยนคำแถลงของตนเอง มันรังแต่จะเพิ่มปัญหาด้านความน่าเชื่อถือของรัฐบาลชุดนี้” ไคล์ คอนดิค นักวิเคราะห์ทางการเมืองจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
(ที่มา : รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9630000101225
ประเทศไทยยังปลอดภัยจากโควิด ให้ประชาชนได้ทำมาหากินได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ
เพราะประเทศไทยล้วนแล้วแต่มีคนตระหนักในการป้องกันโรคระบาดนี้เป็นอย่างดี
ที่มีการ์ดตกก็ต้องช่วยเตือนกันค่ะ อย่างเช่นพวกออกมาชุมนุมกลุ่มวุ่นวายทั้งหลาย
ในผับบาร์ก็ต้องระวังค่ะ
ไปศูนย์อาหารก็ต้องล้างมือด้วยนะคะ
ดูแลตัวเองด้วยค่ะ
🔴มาลาริน/4 ต.ค.ไทยพบโควิด 2 รายจากปตท. นมแม่ต้านโควิดได้ อังกฤษ-ฝรั่งเศส'ติดเชื้อรายวันสูงสุด ทรัมป์แพร่วิดีโอจากร.พ.
4 ตุลาคม 2563
ศูนย์ข้อมูล COVID-19" รายงาน "ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้" ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,585 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม
วันที่ 4 ต.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 2 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,585 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิตคงเดิมอยู่ที่ 59 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,388 ราย เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 138 ราย
สำหรับผู้ป่วยพบใหม่ 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ากักตัวใน State Quarantine แบ่งออกเป็น เดินทางจากสหราชอาณาจักร 1 ราย และแอฟริกาใต้ 1 ราย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/900786
Health News : นมแม่อาจช่วยป้องกันหรือรักษาโควิด-19 ได้
วันอาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 09.10 น.
คณะนักวิจัยนำโดย ศ.ถง อีกัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเคมีปักกิ่ง ประเทศจีน เผยแพร่ผลการศึกษาลงในวารสารที่ไม่ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจสอบว่า ได้นำนมแม่ที่เก็บไว้เมื่อปี 2560 ไปผสมกับเซลล์สุขภาพดีหลากหลายประเภท มีตั้งแต่เซลล์ไตสัตว์ไปจนถึงเซลล์ปอดและเซลล์ลำไส้คนอายุน้อย จากนั้นล้างนมออกแล้วนำเซลล์ไปรับ Sars-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคโควิด-19 สังเกตพบว่า....📍
ไวรัสไม่สามารถจับหรือเข้าไปในเซลล์ หรือหากเข้าไปแล้วก็ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ จึงได้ข้อสรุปวา นมแม่สามารถยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโคโรนาดังที่รู้กันดีว่าสามารถยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อไวรัสหลายตัว เช่น เอชไอวีที่ทำเป็นโรคเอดส์ ผลการศึกษานี้สนับสนุนจุดยืนอย่างเป็นทางการขององค์การอนามัยโลกที่ว่า มารดาควรให้นมบุตรต่อไปแม้ติดไวรัสโควิด-19 เพราะผลการติดตามมารดาติดโควิด 46 คน ในหลายประเทศที่ให้นมบุตรตลอดทั้งเดือนมิถุนายน พบพันธุกรรมไวรัสในนมมารดา 3 คน แต่ไม่พบหลักฐานการแพร่เชื้อสู่ลูก และพบเด็กเพียงคนเดียวที่ติดเชื้อโดยอาจจะติดจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่นมแม่
https://www.naewna.com/lady/522635
'อังกฤษ-ฝรั่งเศส'ติดเชื้อ'โควิด-19' ทุบสถิติรายวันสูงสุด!
สหราชอาณาจักรพบผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 10,000 คนภายในวันเดียว เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรค เช่นเดียวกับฝรั่งเศสซึ่งพบผู้ติดเชื้อวันเดียวเกือบ 17,000 คน เป็นสถิติสูงสุด
อาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563 เวลา 09.18 น.
ขณะที่สถิติสะสมของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรอยู่ที่อย่างน้อย 42,317 คน มากที่สดุในทวีปยุโรป เพิ่มขึ้น 49 คน
ในวันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ในรอบวันที่ผ่านมา ยืนยันผู้ป่วยใหม่ 16,972 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่มีการพบผู้ติดเชื้อคนแรก เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่มสถิติผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 606,625 คน รักษาหายแล้ว 97,778 คน ยังเป็นสถิติคงที่จาก 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ส่วนผู้เสียชีวิตในรอบวันที่ผ่านมายืนยันที่ 49 คน เพิ่มสถิติผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด- 19 ในฝรั่งเศสเป็นอย่างน้อย 32,198 คน
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign/799046
“ทรัมป์” แพร่วิดีโอจากโรงพยาบาลในสภาพอ่อนล้าพิษโควิด -19 หลังข่าวสับสนอาการหนักเบา (ชมคลิป)
เผยแพร่: 4 ต.ค. 2563 07:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในวิดีโอจากห้องของโรงพยาบาลในวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่าเขารู้สึกดีขึ้นมาก และหวังหายป่วยเร็ววัน หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้มีข่าวสารที่ขัดแย้งกันจากทำเนียบขาวเกี่ยวกับอาการของเขา ตามหลังถูกพบติดเชื้อโควิด-19
วิดีโอความยาว 4 นาทีที่โพสต์ลงบนทวิตเตอร์ ทรัมป์ดูอ่อนล้าและบอกว่า “เขารู้สึกไม่ดีนัก” เมื่อตอนแรกๆ ที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด เมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ในวันศุกร์ (2 ต.ค.) และบอกว่าในช่วงไม่กี่วันข้างหน้าจะมีความสำคัญยิ่งในการต่อสู้ของเขากับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
“ในไม่กี่วันข้างหน้า ผมเดาว่ามันจะเป็นบททดสอบที่แท้จริง ดังนั้นเราจะรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นในช่วง 2 วันข้างหน้านี้” ทรัมป์กล่าว โดยนั่งบนโต๊ะกลมและอยู่ด้านหน้าธงชาติสหรัฐฯ
วิดีโอถูกเผยแพร่ออกมาไม่กี่ชั่วโมงตามหลัง คำประเมินที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับสุขภาพของเขาจากบรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล ซึ่งทำให้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าอาการของประธานาธิบดีหนักเบาแค่ไหน นับตั้งแต่ผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวกเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (1 ต.ค.)
เบื้องต้นคณะแพทย์ทำเนียบขาวบอกในตอนเช้าวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่าอาการของทรัมป์ดีขึ้น และเขาเริ่มพูดถึงการกลับมาทำงานที่ทำเนียบขาวแล้ว โดยแพทย์คนหนึ่งอ้างว่าทรัมป์บอกกับพวกเขาว่า “ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจะสามารถเดินออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้เลย”
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่ถึงนาที มาร์ค มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ให้คำประเมินที่ดูสดใสน้อยกว่า โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ชีพจรของประธานาธิบดีในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาน่ากังวลยิ่ง และช่วง 48 ชั่วโมงถัดจากนี้จะสำคัญยิ่งในแง่การดูแลเขา เรายังคงไม่อยู่บนเส้นทางที่ราบรื่นของการฟื้นตัว”
กระนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีโดวส์ ปรับเปลี่ยนสุ้มเสียง บอกกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์ “กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ” และบอกว่าคณะแพทย์รู้สึกพอใจกับสัญญาณชีพของเขาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ มีโดวส์ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงให้ควาามคิดเห็นไม่ตรงจากเดิม
ทรัมป์นั่งเฮลิคอปเตอร์จากทำเนียบขาวสู่โรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด ใกล้กรุงวอชิงตัน ราว 17 ชั่วโมง หลังจากเขาแถลงว่าตนเองติดเชื้อ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลบอกว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน และบอกว่าเขาจะพักอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 7 วัน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานอ้างแหล่งข่าว 2 คนที่ใกล้ชิดกับทำเนียบขาว เผยว่าการตัดสินใจพาทรัมป์ส่งโรงพยาบาล มีขึ้นหลังจากเขาหายใจลำบากและระบบออกซิเจนลดลง กระตุ้นให้ทางทีมแพทย์ส่วนตัวของเขาต้องให้ออกซิเจนก่อนนำส่งโรงพยาบาล
รายงานข่าวดังกล่าวสวนทางกลับคำพูดของนายแพทย์ ฌอน พี.คอนลีย์ ที่บอกกับผู้สื่อข่าวด้านนอกของโรงพยาบาล ระหว่างการแถลงข่าวในวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่า ทรัมป์ ไม่ได้หายใจลำบาก และที่โรงพยาบาลวอเตอร์รีด ไม่มีการให้ออกซิเจนกับเขา
“ทีมแพทย์และผมรู้สึกพอใจมากกับความก้าวหน้าของอาการประธานาธิบดี” คอนลีย์กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธให้กรอบเวลาความเป็นไปได้ว่าเมื่อไหร่ที่ทรัมป์จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
นายแพทย์อาเมช อาดาลจา ศาสตราจารย์ด้านโรคอุบัติใหม่ของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ระบุว่า “ใครก็ตามที่อยู่ในโรงพยาบาล เราไม่พิจารณาว่ามันเป็นอาการป่วยเล็กน้อยอีกต่อไป” อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินสถานะทางการแพทย์ของทรัมป์ จากพื้นฐานข้อมูลที่ทางคณะแพทย์ของเขาเปิดเผยต่อสาธารณชนในตอนนี้
“วันนี้มันมีเพียงการคาดเดา คณะแพทย์พูดอย่าง แหล่งข่าวทำเนียบขาวพูดอีกอย่าง และต่อมาทั้งสองก็ปรับเปลี่ยนคำแถลงของตนเอง มันรังแต่จะเพิ่มปัญหาด้านความน่าเชื่อถือของรัฐบาลชุดนี้” ไคล์ คอนดิค นักวิเคราะห์ทางการเมืองจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
(ที่มา : รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9630000101225
ประเทศไทยยังปลอดภัยจากโควิด ให้ประชาชนได้ทำมาหากินได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ
เพราะประเทศไทยล้วนแล้วแต่มีคนตระหนักในการป้องกันโรคระบาดนี้เป็นอย่างดี
ที่มีการ์ดตกก็ต้องช่วยเตือนกันค่ะ อย่างเช่นพวกออกมาชุมนุมกลุ่มวุ่นวายทั้งหลาย
ในผับบาร์ก็ต้องระวังค่ะ
ไปศูนย์อาหารก็ต้องล้างมือด้วยนะคะ
ดูแลตัวเองด้วยค่ะ