เพราะคึดฮอด ณ อ.ฮอด @เชียงใหม่

[CR] เพราะคึดฮอด ณ อ.ฮอด @เชียงใหม่

กระทู้รีวิว

เที่ยวภูเขา เที่ยวไทย สถานที่ท่องเที่ยว บันทึกนักเดินทาง จังหวัดเชียงใหม่

เป็นสมาชิกมาก็นานนนนนนน ส่วนใหญ่ก็จะคุ้นชินกับการอ่านมากกว่า

แต่ครั้งนี้ก็อยากลองดู กับทริปลำบากๆ ลำบนๆ หน่อยๆ ที่แบกเป้หนักๆ ไปเชียงใหม่ในหน้าฝน โดยไม่ได้ดูพยากรณ์อะไรล่วงหน้าเลย

(ไปกันมาตั้งแต่สิงหา ไม่มีเวลาเขียนสักที T_T)

ก่อนหน้าที่จะไปก็มองหาที่เที่ยวหลายๆ จุดในเชียงใหม่ที่น่าสนใจ

จนไปเจอเพจๆ หนึ่งที่ลงรูปป่าสน เป็นจุดที่น่าสนใจและน่าไปมาก

การไปครั้งนี้เป็นการพ่วงไปกับงานรับปริญญาของเพื่อนน้องสาว และแพลนก็เริ่มต้นขึ้นของเย็นวันพฤหัส เราขึ้นเครื่องกันที่ดอนเมืองช่วงเวลา 17.30 น.

ไปถึงเชียงใหม่ก็เกือบๆ ทุ่มนึงหลังจากนั้นก็เรียกแท็กซี่ไปที่พัก ไปถึงเจ้าของที่พักรอเราอยู่ เพื่อเช็คอิน สไตล์ที่พักเหมือนเป็นเกสเฮ้าส์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักนิยมกัน แต่ช่วงนี้ที่พักเงียบเหงามาก คืนวันนั้นดูท่าจะมีแค่พวกเราที่เข้าพักห้องเดียว

@ศรีเชียงยืนเฮ้าส์

ด้วยความหิวโหย วางสัมภาระกันเสร็จ เดินออกจากที่พักเพื่อตระเวนหาของกิน จนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านหมูกะทะแห่งนึง

ที่คนแน่นร้าน เป็นร้านแบบบุฟเฟ่ ที่มีน้ำจิ้มเฉพาะตัวคือ "น้ำจิ้มข่า" เรารู้สึกแปลกใจกับรสชาติที่ได้ลิ้มลองมาก มันรู้สึกถึงกลิ่นอายของที่นี้

ที่มีแต่คนในพื้นที่นั่งกันเต็มร้าน บ่งบอกได้ว่า ถึงแม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ความอร่อยก็ทำให้เขาอยู่ได้

เช้าวันรุ่นขึ้นเราตื่นนอนกันแต่เช้า เนื่องจากแผนเปลี่ยน จะต้องไปงานรับปริญญากันก่อน 10 โมง จากที่ว่าจะเช่ารถมอเตอร์ไซต์กันก่อน

ก็ต้องเรียกสองแถวไปแม่โจ้ เพื่อไปให้ทันเวลา หลังจากงานรับปริญญาเราก็กลับมาในตัวเมืองด้วยความหิว แวะกาดสวนแก้วก่อนเพื่อหาอะไรกิน

(จัดข้าวซอยเนื้อกันไปคนล่ะชาม อร่อยมาก) ก่อนจะไปร้านเช่ารถมอไซต์ช่วงเที่ยง หลังจากดูรถที่เหมาะสมแล้วก็ทำเรื่องเช่า

ซึ่งเราเช่าเป็น Wave125 เพราะคิดว่าขึ้นเขานิดหน่อยใช้รถเกียร์น่าจะดีกว่า

เปิดแมพออกเดินทางกันเลยจ้าาาาาา

เส้นทางจากตัวเมือง ไปอ.ฮอด ระยะทางกว่า 139 กิโล (เป็นครั้งแรกของการขับรถมอไซต์ไกลขนาดนี้) ขาไปให้น้องเป็นคนขับก่อน

ขับไปเรื่อยๆ เส้นทางเรียบๆ มีเลนส์ให้จักรยานวิ่ง เป็นเลนส์ 6 เลนส์ หลังจากนั้นเหลือระยะทางประมาณ 70 กิโลเลี้ยวเข้าสู่อุทยานแห่งชาติออบหลวง เส้นทางเหลือ 2 เลนส์รถสวนกันไปกลับ ไหล่ทางเริ่มแคบ เส้นทางคดเคี้ยว โค้งเริ่มเยอะ เริ่มขึ้นเขา สองข้างทางที่เป็นป่าตัดเขา อีกฝังเป็นแม่น้ำ

เราเองก็ไม่คิดว่าทริปนี้ตัวเองจะเปรี้ยวซ่าขนาดนี้ขับรถกันมาไกลขนาดนี้ ขับกันไปเรื่อยๆ มีทั้งรถสิบล้อ รถพ่วงวิ่งไปมาสวนทางกัน

มีรถมอไซต์วิ่งนับคันได้ ตอนนั้นความรู้สึกเริ่มกลัวๆ ขับรถเริ่มยาก ใช้เกียร์ต่ำบิดแทบจะไม่ไป รถที่วิ่งมาก็เบียดรถเล็กๆ อย่างเราแทบตกถนน รถที่สวนลงมาก็ได้กลิ่นผ้าเบรคไหม้เป็นระยะ (คิดว่าไม่น่าใช่คนพื้นที่)

จนมาถึงสถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง ทั้งคนขับและคนซ้อนรู้สึกไม่ไหว จอดรถพักกันแป๊บบบบบ และแวะถ่ายรูปกัน ตอนนั้นเวลา 4 โมงกว่าแล้ว

แผนการตอนแรกกะว่าจะแวะเที่ยวป่าสนสวนแก้วก่อน ดูท่าจะแวะไม่ทัน เพราะกลัวจะถึงที่พักดึก ขับรถลำบาก พวกเรารีบออกจากห้วยบ่งกัน รอบนี้เราเป็นคนขับแทนน้อง ไปกันเรื่อยๆ ด้วยเกียร์ต่ำ

@สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง

จนเวลาล่วงเลยมาถึง 5 โมงนิดๆ มาถึงสวนป่าดอยบ่อหลวง เราพักแบบห้องด้วยราคาคืนล่ะ 500 บาทสำหรับ 2 คนนั้นเรียกว่าถูกมาก

มีจ่ายค่าอาหารเช้าเพิ่มเติมคนล่ะ 100 บาท หลังจากได้กุญแจที่พัก ก็แว้นมอไซต์กันไปที่พักเพื่อเก็บของ หลังจากเก็บของกันเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปกับบ้านไม้ทรงสามเหลี่ยม(บ้านทรงเอเฟรม) ที่พักมีบริการหมูกะทะกันด้วยนะ

คืนนั้นแอบนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะกังวลว่าจะขับรถลงเขากันไหวไหม!!! หวังว่าฝนจะไม่ตกนะ ดูเหมือนเทวดาจะไม่สนใจในสิ่งที่คิด T_T คืนนั้นฝนตกทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า
เราตื่นกันแต่เช้า และออกมาดูนอกระเบียงห้องก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น หมอกกกกก ที่มาพร้อมกับฝนโปรยปราย บรรยากาศดีมากกกกกก

แต่!!!!! ฉันจะลงเขายังไงงงงงงง เอาล่ะใส่เสื้อกันฝนกันก่อน ซัดข้าวต้มลงท้อง จากนั้นก็แซะภาพสักหน่อย แล้วค่อยเช็คเอ้า

ฝนโปรยๆ ยังถ่ายรูปกันได้ ^_^

แชะภาพสักหน่อยก่อนกลับบบบบ

พอเช็คเอ้าจะออกจากที่พักเท่านั้นแหละ!! ฝนตกหนักขึ้น เอาว่ะไหนๆ ก็ไหนๆ ล่ะ ขับลงทั้งฝนตกนี้แหละ

!!!!!

ขับออกมาด้วยความเร็ว 40 กิโล ยิ่งขับลงมาฝนยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนคิดว่าไม่ไหวล่ะ แวะจอดที่สวนสนบ่อแก้ว มีศาลาตรงป้ายบ่อสนที่น้องหมา 2-3 ตัวนอนอยู่ ก็ไปขออาศัยร่มสักหน่อยแล้วกัน ขอพักหน่อยนะ