Photos (from L to R): Lenscap / Alamy Stock Photo, Abramova Elena / Shutterstock.com

เข้าสู่เดือนธันวาคมเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง หลายคนน่าจะมองหาของขวัญเพื่อจับฉลากหรือมอบให้คนที่เรารัก หนึ่งในของขวัญที่หาซื้อง่ายและเราน่าจะเคยลิ้มลองรสชาติของมัน นั่นคือ “Ferrero Rocher” (แฟร์เรโร่ โรเช่ร์ หรือที่คนไทยเรียกว่า เฟอร์เรโร่ รอชเชอร์) ช็อกโกแลตที่ถูกห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีทอง “ว่ากันว่า” สินค้าชิ้นนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก “ถ้ำมัสซาเบียล” หรือถ้ำแม่พระแห่งเมืองลูร์ด
 
ก่อนลงลึกถึงรายละเอียด บทความนี้ เราไม่อยากให้ผู้อ่านรู้จักแค่ประวัติของตัวแบรนด์ Ferrero Rocher อย่างเดียว แต่อยากพาไปรู้จักตัวบริษัท “แฟร์เรโร่” ผู้ผลิตขนมหวานชื่อดังระดับโลก รวมถึงรู้จักกับ “มิเคเล่ แฟร์เรโร่” อดีตประธานบริษัทผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยเป็นมหาเศรษฐีคาทอลิกที่รวยสุดในอิตาลีด้วยทรัพย์สินกว่า 26.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (874,500 แสนล้านบาท) เพื่อที่ว่า ผู้อ่านจะได้รับรู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ให้สมกับจุดยืนของเราที่ว่า FYI Catholic (เรียนให้ทราบ สำหรับชาวคาทอลิก) นั่นเอง

ถ้ำแม่พระเมืองลูร์ด ต้นกำเนิดไอเดีย Ferrero Rocher

ย้อนกลับไปปี 1982 มิเคเล่ แฟร์เรโร่ ได้เปิดตัว “Ferrero Rocher” ให้โลกรู้จักและสัมผัสความอร่อยเป็นครั้งแรก รูปร่างหน้าตาของสินค้าตัวใหม่นี้ เป็นช็อกโกแลตก้อนกลมๆและมีเฮเซลนัทโรยรอบๆ มองแบบผิวๆ อาจไม่มีอะไรให้ชวนคิด แต่ถ้าลองนึกภาพถ้ำแม่พระเมืองลูร์ดคู่กับช็อกโกแลตชิ้นนี้ จะพอเห็นบางอย่างที่มีความคล้ายคลึงกัน


Photo: http://lnx.tonyassante.com

โรเช่ร์ (Rocher) ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าหิน ในที่นี้ มันมีความหมายถึง Rocher de Massabielle หรือถ้ำมัสซาเบียล สถานที่ซึ่งแม่พระประจักษ์มาหานักบุญแบร์กนาแด็ตที่เมืองลูร์ด ประเทศฝรั่งเศส
 
จริงอยู่ที่ มิเคเล่ แฟร์เรโร่ ไม่เคยปริปากบอกสาธารณชนเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ แต่คนใกล้ชิดและแหล่งข่าวในบริษัทบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกอย่างมาจากหน้าตาของถ้ำมัสซาเบียล ซึ่ง มิเคเล่ มีความศรัทธาเป็นอย่างมาก
 
ความเป็นมาของแรงบันดาลใจนี้ได้รับการตอกย้ำมากขึ้นไปอีก ปี 1996 โอกาสฉลอง 50 ปีของการก่อตั้งบริษัทแฟร์เรโร่ ประธานมิเคเล่กล่าวกับพนักงานทุกคนว่า “ความสำเร็จของบริษัทแฟร์เรโร่ พวกเราเชื่อว่าเกิดจากแม่พระแห่งเมืองลูร์ด ถ้าปราศจากแม่พระ พวกเราคงทำอะไรได้นิดเดียว”
 
นอกจากนี้ มิเคเล่จะเดินทางไปแสวงบุญที่เมืองลูร์ดเป็นประจำทุกปี เขาไม่ได้ไปคนเดียว แต่จะนำคณะผู้บริหารไปแสวงบุญพร้อมกันด้วย ส่วนพนักงานระดับกลางและล่าง มิเคเล่จะสนับสนุนเต็มที่เรื่องการไปแสวงบุญที่ลูร์ด หากใครต้องการจะไป ขอแค่บอกมา มิเคเล่จะบริการทุกอย่างให้ลูกน้องทุกคน อีกสิ่งหนึ่งที่คนนอกอาจไม่เคยรู้ โรงงานแฟร์เรโร่ที่ตั้งอยู่ใน 53 ประเทศทั่วโลก จะมีรูปแม่พระแห่งเมืองลูร์ดตั้งอยู่ทุกแห่ง ทั้งหมดนี้ น่าจะเพียงพอที่จะบอกถึงความรักความศรัทธาที่เขามีต่อแม่พระแห่งเมืองลูร์ดได้เป็นอย่างดี
 
พ่อคิดค้นสูตรลับ ลูกต่อยอดให้เปรี้ยง

หลายคนอาจคิดว่า มิเคเล่ แฟร์เรโร่ เป็นผู้คิดค้นสูตรลับช็อกโกแลตที่ครองใจคนทั่วโลก แต่ไม่ใช่เลย! คนคิดค้นสูตรลับนี้คือ “ปิเอโตร แฟร์เรโร่” ผู้เป็นบิดาของเขาต่างหาก
 

Photo: https://rivistasavej.it

ปี 1946 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ปิเอโตร แฟร์เรโร่ ได้เริ่มธุรกิจร้านขนมปังเล็กๆ ที่เมืองอัลบา แคว้นปีเยมอนเต้ ประเทศอิตาลี ช่วงนั้นช็อกโกแลตขาดตลาดและมันก็เป็นของแพง มีแต่คนรวยเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสของมัน ปิเอโตรจึงมีความฝันอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนทั่วไปได้ลองทานช็อกโกแลตในราคาที่ไม่แพงเกินไป เขามุ่งมั่นด้วยการทุ่มเวลาทั้งวันทั้งคืนไปกับการคิดค้นส่วนผสมอย่างไม่รู้จักท้อถอย คิดแล้วทำวนไปวนมาจนกว่ามันจะได้
 
“ปู่ของผมมีชีวิตด้วยการคิดค้นสูตรช็อกโกแลต ท่านหมกหมุ่นกับมันเป็นอย่างมาก ท่านปลุกคุณย่าขึ้นมากลางดึก เพื่อมาชิมสูตรที่ท่านทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านจะถามคุณย่าเสมอว่า ‘อันนี้เป็นไง’ หรือไม่ก็ ‘เธอคิดว่ารสชาติมันใช้ได้ไหม’” โจวานนี่ แฟร์เรโร่ ประธานคนปัจจุบันของบริษัทแฟร์เรโร่ กล่าวถึงคุณปู่ของตนเอง (โจวานนี่เป็นหลานชายของปิเอโตร และเป็นลูกชายของมิเคเล่)
 
ที่สุดแล้ว ความฝันของปิเอโตรก็กลายเป็นความจริง เขาผลิตขนมหวานมีลักษณะเป็นก้อนที่ทำจากถั่วเฮเซลนัท น้ำตาล และมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเพียงเล็กน้อย ออกมาสู่ตลาด และตั้งชื่อแบรนด์นี้ว่า “จานดูย่า” (Gianduia) ตอนนี้ ปิเอโตรทำฝันเป็นจริงแล้ว เขาช่วยให้คนทั่วไปได้มีโอกาสทานช็อกโกแลตในราคาที่จับต้องได้เสียที
 

Photo: https://www.firstversions.com/2015/03/nutella.html

มิเคเล่จัดเป็นผู้บริหารที่ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ที่พ่อสร้างไว้ เขาลงมือสานต่อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่พ่อทิ้งไว้ให้ กระทั่งปี 1951 บริษัทแฟร์เรโร่ได้เปิดตัว “ซูเปร์เครม่า” (Supercrema) สเปรดทาขนมปังที่เกิดจากการนำช็อกโกแลตกับถั่วเฮเซลนัทมาผสมกัน นี่คือ “สูตรลับอันน่าอัศจรรย์” ที่ปฏิวัติวงการช็อกโกแลตในอิตาลี มันทำให้คนอิตาเลี่ยนได้บริโภคช็อกโกแลตเป็นอาหารเช้าได้ทุกวัน ต่างจากสมัยก่อนที่กว่าจะได้กินช็อกโกแลต ต้องรอให้ถึงเทศกาลเฉลิมฉลองอย่างคริสต์มาสหรือปาสกาเท่านั้น
 

Photo: https://www.nutella.com
Nutella สินค้าบุกตลาดโลก

หากเป็นผู้บริหารคนอื่น อาจจะพอใจกับ Supercrema ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆ ในอิตาลี และหยุดนิ่งกับที่จนไม่ยอมคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทำให้บริษัทโตต่อ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับมิเคเล่ เขามีนิสัยเหมือนกับปิเอโตร ผู้เป็นพ่อไม่มีผิด มิเคเล่เฝ้าพัฒนาซูเปร์เครม่าเป็นเวลานานหลายปี เขาทดลองแล้วทดลองอีก กระทั่งปี 1964 บริษัทแฟร์เรโร่ตัดสินใจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากซูเปร์เครม่า นอกจากส่วนผสมที่ดีขึ้นแล้ว อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปคือแพ็กเกจที่เปลี่ยนขวดพลาสติกมาเป็นโถแก้วใส ถึงตรงนี้ทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่ติดปัญหาเดียวคือ บริษัทยังไม่มีชื่อที่เหมาะสมให้กับสินค้าตัวนี้
 
ด้วยความที่ซูเปร์เครม่าทำจากช็อกโกแลตและถั่วเฮเซลนัท ประกอบกับความต้องการจะดำรงรักษาความเป็นอิตาเลี่ยนให้อยู่กับสินค้าใหม่ มิเคเล่จึงตั้งชื่อแบรนด์ใหม่ของเขาว่า “นูเตลล่า” ซึ่งมาจากการผสมคำของ Nut (ถั่วในภาษาอังกฤษ) กับ คำลงท้าย -ella ตามชื่อพวกอิตาเลี่ยน เช่นมอสซาเรลล่า (Mozzarella), คาราเมลล่า (Caramella) หรือเส้นพาสต้า ตายาเตลล่า (Tagliatella)
 
Nut + ella = Nutella และนี่คือที่มาของชื่อ “นูเตลล่า” ผลิตภัณฑ์ช็อคโกแลตผสมเฮเซลนัททาขนมปังชื่อดังที่เรารู้จักกันไปทั่วโลก (นอกเหนือจากขายในอิตาลี ตลาดต่างประเทศที่แฟร์เรโร่ ส่งแบรนด์นูเตลล่าเข้าไปทำตลาดในยุคแรกๆ ก็คือ เยอรมนีและฝรั่งเศส แน่นอน มันประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย)


Photo: http://g-vincenti.com/english/our-portfolio/confectionary/ferrero
นอกเหนือไปจากนูเตลล่า แฟร์เรโร่ ยังมีแบรนด์ดังๆ ในเครืออีกเพียบ ซึ่งทั้งหมดนี้เชื่อกันว่าคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ไล่ตั้งแต่ Kinder (ช็อคโกแลตนมเป็นแท่ง เปิดตัวปี 1968, tic tac ลูกอมรสมินท์ เปิดตัวปี 1969, Kinder ที่เป็นทรงไข่เน้นเจาะตลาดครอบครัว สินค้าตัวนี้มักวางขายตรงแคชเชียร์ของซูเปอร์มาร์เก็ต อันนี้เปิดตัวปี 1974 และก็เป็น Ferrero Rocher ช็อกโกแลตทรงถ้ำมัสซาเบียล ที่ได้รับการเปิดตัวในปี 1982)
 
CR. : https://www.fyicatholic.com/post/20191124_1?fbclid=IwAR392tHr93tV3CYdKSbuObi-ExBYa79iftQfaGHe5wjaIlTDRRWE5vWgP54