Review: The Devil All the Time (Antonio Campos, 2020) รีวิวโดย MDC
เมื่อเราถูกสังคมแวดล้อมบีบบังคับให้ต้องทำสิ่งไม่ดี The Devil All the Time ภาพยนตร์ใน Netflix ที่ดีทั้งการลำดับเรื่องราว การเล่าเรื่อง และงานภาพที่สวยงาม แม้หนังจะมีความเนิบช้าแต่รายละเอียดต่าง ๆ ที่หนังใส่มาให้คนดูนั้นคุ้มค่า จังหวะต่าง ๆ ในหนังก็ทำได้ดี เราจึงรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลินและร่วมอินไปกับสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเจอ ช่วงเวลาเลือกตัดสินใจกระทำบางสิ่งบางอย่าง ตัวหนังดัดแปลงจากหนังสือในชื่อเดียวกัน ซึ่งก็ได้ โดนัลด์ เรย์ พอลล็อก คนเขียนนิยายเรื่องนี้มาเป็นผู้บรรยายเล่าเรื่อง ทำให้ตลอดการรับชมตัวหนังให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอ่านนิยายหนึ่งเล่ม อย่างไรก็ดี ต้องชื่นชมตัวนิยายที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมนุษย์และแง่มุมของชีวิตผ่านความเชื่อทางศาสนา และการเลือกตัดสินใจของตัวละครที่โดนสภาพแวดล้อมบีบบังคับให้ต้องทำ
ทีมนักแสดงต่างทำหน้าที่และบทบาทของตัวเองได้อย่างดี ทอม ฮอลแลนด์ ในบทเด็กวัยรุ่นที่เติบโตมากับความโหดร้ายของความเชื่อทางศาสนาและทำให้เขาไม่เชื่อในพระเจ้า โรเบิร์ต แพตทินสัน นักเทศน์คริสเตียน ที่ฉกฉวยโอกาสจากคนที่เชื่อมั่นศรัทธา บิล สการ์การ์ด คนที่ผ่านสงครามโลกและเห็นความน่ากลัวโหดร้ายของมนุษย์ที่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีการขอพรต่อพระเจ้า เจสัน คลาร์ก ในบทฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต เซบาสเตียน สแตน บทนายอำเภอที่พัวพันการคอรัปชั่นเพื่อให้ตัวเองชนะเลือกตั้ง อีลิซา สกานเลน เด็กสาวที่รอคอยพ่อและฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า และแม้ว่าตัวละครจะเยอะแต่หนังสามารถกระจายบทได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
สภาพแวดล้อมที่หนังนำเสนอ คือวิถีความเป็นชนบทของอเมริกาในยุคสมัยสงครามเวียดนาม และความเชื่อทางศาสนาที่เป็นแกนกลางหล่อหลอมผู้คนให้ศรัทธาและยึดมั่นในความเชื่อ จนกลายเป็นคนบ้าเสียสติ ความเชื่ออย่างสุดหัวใจในพระเจ้าเปิดโอกาสให้คนที่มองเห็นผลประโยชน์นี้รีบคว้าโอกาสเบียดเบียนและรังแกผู้อื่น จนใช้พระเจ้าเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมต่อคนที่มีศรัทธาแรงกล้า ซึ่งการอ้างความคิดความเชื่อและพระเจ้าเพื่อแสดงสัญชาตญาณของมนุษย์คือแง่มุมที่หนังนำเสนอ ในขณะเดียวกัน แง่มุมความเชื่อและศรัทธาก็ถูกตั้งคำถามว่านี้คือความงมงายไร้สาระและไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ความเพลิดเพลินอีกจุดที่ต้องชื่นชมคือการร้อยเรียงตัวละครที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือรู้จักกันมาก่อนให้มาบรรจบและเจอกัน ทั้งอาศัยการเล่าเรื่องแบบย้อนอดีตหรือคู่ขนาน ซึ่งทำให้เราลุ้นและคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตัวละครตัวนี้จะมาเจอกันตัวละครตัวนี้แบบไหน และจะลงเอยกันอย่างไร ตัวหนังจึงมีความกลมกล่อมน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราชื่นชอบงานกำกับของ แอนโตนิโอ แคมโปส และอยากติดตามเรื่องต่อไป และน่าจับตามองว่าถ้ามีหนังเรื่องต่อไปการหยิบจับนิยายมาเล่าอีกครั้งจะยอดเยี่ยมมีเสน่ห์เท่าเรื่องนี้หรือเปล่า
ท้ายสุด The Devil All the Time เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ถ่ายทอดนำเสนอแง่มุมของชีวิตมนุษย์ที่ถูกสภาพแวดล้อมทำให้เขาต้องทำสิ่งไม่ดี สะท้อนชุมชนชนบทเล็ก ๆ ของอเมริกาในยุคหลังสงครามโลกและสงครามเวียดนาม รวมถึงสะท้อนความคิดความเชื่อและศรัทธาในศาสนาที่อาจทำให้คนหนึ่งคนกลายเป็นคนบ้าไม่ปกติ และตั้งคำถามถึงอำนาจของด้านมือของศาสนาที่มนุษย์พยายามจะเข้าถึงได้ยินเสียงของพระเจ้าจนกลายร่างเป็นปีศาจร้ายในท้ายที่สุด...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: The Devil All the Time (Antonio Campos, 2020) รีวิวโดย MDC
เมื่อเราถูกสังคมแวดล้อมบีบบังคับให้ต้องทำสิ่งไม่ดี The Devil All the Time ภาพยนตร์ใน Netflix ที่ดีทั้งการลำดับเรื่องราว การเล่าเรื่อง และงานภาพที่สวยงาม แม้หนังจะมีความเนิบช้าแต่รายละเอียดต่าง ๆ ที่หนังใส่มาให้คนดูนั้นคุ้มค่า จังหวะต่าง ๆ ในหนังก็ทำได้ดี เราจึงรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลินและร่วมอินไปกับสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเจอ ช่วงเวลาเลือกตัดสินใจกระทำบางสิ่งบางอย่าง ตัวหนังดัดแปลงจากหนังสือในชื่อเดียวกัน ซึ่งก็ได้ โดนัลด์ เรย์ พอลล็อก คนเขียนนิยายเรื่องนี้มาเป็นผู้บรรยายเล่าเรื่อง ทำให้ตลอดการรับชมตัวหนังให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอ่านนิยายหนึ่งเล่ม อย่างไรก็ดี ต้องชื่นชมตัวนิยายที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมนุษย์และแง่มุมของชีวิตผ่านความเชื่อทางศาสนา และการเลือกตัดสินใจของตัวละครที่โดนสภาพแวดล้อมบีบบังคับให้ต้องทำ
ทีมนักแสดงต่างทำหน้าที่และบทบาทของตัวเองได้อย่างดี ทอม ฮอลแลนด์ ในบทเด็กวัยรุ่นที่เติบโตมากับความโหดร้ายของความเชื่อทางศาสนาและทำให้เขาไม่เชื่อในพระเจ้า โรเบิร์ต แพตทินสัน นักเทศน์คริสเตียน ที่ฉกฉวยโอกาสจากคนที่เชื่อมั่นศรัทธา บิล สการ์การ์ด คนที่ผ่านสงครามโลกและเห็นความน่ากลัวโหดร้ายของมนุษย์ที่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีการขอพรต่อพระเจ้า เจสัน คลาร์ก ในบทฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต เซบาสเตียน สแตน บทนายอำเภอที่พัวพันการคอรัปชั่นเพื่อให้ตัวเองชนะเลือกตั้ง อีลิซา สกานเลน เด็กสาวที่รอคอยพ่อและฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า และแม้ว่าตัวละครจะเยอะแต่หนังสามารถกระจายบทได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
สภาพแวดล้อมที่หนังนำเสนอ คือวิถีความเป็นชนบทของอเมริกาในยุคสมัยสงครามเวียดนาม และความเชื่อทางศาสนาที่เป็นแกนกลางหล่อหลอมผู้คนให้ศรัทธาและยึดมั่นในความเชื่อ จนกลายเป็นคนบ้าเสียสติ ความเชื่ออย่างสุดหัวใจในพระเจ้าเปิดโอกาสให้คนที่มองเห็นผลประโยชน์นี้รีบคว้าโอกาสเบียดเบียนและรังแกผู้อื่น จนใช้พระเจ้าเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมต่อคนที่มีศรัทธาแรงกล้า ซึ่งการอ้างความคิดความเชื่อและพระเจ้าเพื่อแสดงสัญชาตญาณของมนุษย์คือแง่มุมที่หนังนำเสนอ ในขณะเดียวกัน แง่มุมความเชื่อและศรัทธาก็ถูกตั้งคำถามว่านี้คือความงมงายไร้สาระและไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ความเพลิดเพลินอีกจุดที่ต้องชื่นชมคือการร้อยเรียงตัวละครที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือรู้จักกันมาก่อนให้มาบรรจบและเจอกัน ทั้งอาศัยการเล่าเรื่องแบบย้อนอดีตหรือคู่ขนาน ซึ่งทำให้เราลุ้นและคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตัวละครตัวนี้จะมาเจอกันตัวละครตัวนี้แบบไหน และจะลงเอยกันอย่างไร ตัวหนังจึงมีความกลมกล่อมน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราชื่นชอบงานกำกับของ แอนโตนิโอ แคมโปส และอยากติดตามเรื่องต่อไป และน่าจับตามองว่าถ้ามีหนังเรื่องต่อไปการหยิบจับนิยายมาเล่าอีกครั้งจะยอดเยี่ยมมีเสน่ห์เท่าเรื่องนี้หรือเปล่า
ท้ายสุด The Devil All the Time เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ถ่ายทอดนำเสนอแง่มุมของชีวิตมนุษย์ที่ถูกสภาพแวดล้อมทำให้เขาต้องทำสิ่งไม่ดี สะท้อนชุมชนชนบทเล็ก ๆ ของอเมริกาในยุคหลังสงครามโลกและสงครามเวียดนาม รวมถึงสะท้อนความคิดความเชื่อและศรัทธาในศาสนาที่อาจทำให้คนหนึ่งคนกลายเป็นคนบ้าไม่ปกติ และตั้งคำถามถึงอำนาจของด้านมือของศาสนาที่มนุษย์พยายามจะเข้าถึงได้ยินเสียงของพระเจ้าจนกลายร่างเป็นปีศาจร้ายในท้ายที่สุด...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/