หลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง PK แล้ว ... ความรู้สึกแรกเลยคือ
นี่คือภาพยนตร์ที่คนไทยทุกคนควรดูจริงๆ
PK เป็นหนังที่วิพากษ์ศาสนาได้สุดๆ แล้วในแง่ของหนังบันเทิง ซึ่งปกติแล้วจะเห็นหนังเล่นประเด็นศาสนารูปแบบหนักๆ (ซึ่งมีเยอะ) แต่ PK กลับเป็นหนังตลกฟีลกู้ด ซึ่งไม่น่าจะเข้ากันเลยครับ แต่ผกก. ราชกุมารสามารถทำได้ และดีด้วย ซึ่งบ่งบอกมุมมองของผู้กำกับ/ผู้เขียนบท ที่มีต่อโลกได้อย่างเฉียบคม และตกผลึกมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เราได้ชมกัน
ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ว่าทำไม PK ถึงเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในอินเดีย
PK เล่าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่มาทำวิจัยบนโลกมนุษย์ แต่ว่าโดนมนุษย์โลกขโมยรีโมทเรียกยานไป ทำให้ไม่สามารถกลับดาวของตนเองได้ PK จึงต้องเอาชีวิตรอด เรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ เรียนรู้สังคมวัฒนธรรม และศาสนา รวมถึงตามหารีโมทที่หายไป PK ถามหาวิธีการจากชาวบ้านและตำรวจ ต่างก็ตอบว่า “ลองขอให้พระเจ้าช่วยสิ” นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ PK ตามหาพระเจ้า... ซึ่งเกิดข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับศาสนา ในประเด็นที่แบบว่าแค่เอื้อมมากๆ แต่เราไม่เคยสงสัยมันเพราะ moderate เกินไป หรือเราถูกปลูกฝังไม่ให้ตั้งข้อสงสัยกับศาสนา เพราะถูกมองว่าหมิ่น ลบหลู่ศาสนา นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ทำให้มนุษย์เราศรัทธาศาสนาอย่างงมงาย ขาดเหตุผล
ประเด็นเหล่านี้ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบตลก ซึ่งแต่ละมุขโดนมาก ไม่ใช่เป็นตลกแบบท่าทางหรือพูดจาให้ตลก แต่เป็นตลกเสียดสีประเด็นเหล่านี้ ที่เล่นเอาแสบๆซิบๆเลยทีเดียว นอกจากนี้หนังยังมีความเป็นดราม่า โรแมนติก และมิวสิคัลแบบอินเดียๆ ที่มีให้เพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่อง ไม่รู้สึกว่ามีช่วงใดน่าเบื่อเลย แม้หนังจะยาวถึง 150 นาทีก็ตาม
หนังเรื่องไม่ได้ตั้งคำถามต่อศาสนาแต่เพียงอย่างเดียว... ยังให้คำตอบอีกด้วย จะเป็นอย่างไรต้องไปดูกันนะครับ
อย่างไรก็ตาม PK ไม่ได้เป็นหนังที่หมิ่นหรือลบหลู่ศาสนา แต่ทำให้เราเข้าใจคำว่า "ศาสนา" มากยิ่งขึ้น และศรัทธาอย่างมีเหตุผล นอกจากจะดูสนุก บันเทิงแล้ว หนังยังให้เราฉุกคิดถึงประเด็นเหล่านี้ และมอบทัศนคติใหม่ต่อโลกใบนี้อีกด้วย
อยากให้ คสช. หรือ Free TV ช่องไหนก็ได้ครับ นำเรื่อง PK มาฉายจริงๆ ครับ
เพราะสังคมไทยตอนนี้มันสอดคล้องกับสังคมอินเดียในหนังเหลือเกิน
PK คือหนังที่คนไทยทุกคนควรค่าแก่การชมมากที่สุด
## อยากให้ Free TV นำเรื่อง "PK" มาฉายจริงๆครับ… นี่คือหนังที่คนไทยทุกคนควรดูมากที่สุด ##
หลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง PK แล้ว ... ความรู้สึกแรกเลยคือ นี่คือภาพยนตร์ที่คนไทยทุกคนควรดูจริงๆ
PK เป็นหนังที่วิพากษ์ศาสนาได้สุดๆ แล้วในแง่ของหนังบันเทิง ซึ่งปกติแล้วจะเห็นหนังเล่นประเด็นศาสนารูปแบบหนักๆ (ซึ่งมีเยอะ) แต่ PK กลับเป็นหนังตลกฟีลกู้ด ซึ่งไม่น่าจะเข้ากันเลยครับ แต่ผกก. ราชกุมารสามารถทำได้ และดีด้วย ซึ่งบ่งบอกมุมมองของผู้กำกับ/ผู้เขียนบท ที่มีต่อโลกได้อย่างเฉียบคม และตกผลึกมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เราได้ชมกัน
ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ว่าทำไม PK ถึงเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในอินเดีย
PK เล่าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่มาทำวิจัยบนโลกมนุษย์ แต่ว่าโดนมนุษย์โลกขโมยรีโมทเรียกยานไป ทำให้ไม่สามารถกลับดาวของตนเองได้ PK จึงต้องเอาชีวิตรอด เรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ เรียนรู้สังคมวัฒนธรรม และศาสนา รวมถึงตามหารีโมทที่หายไป PK ถามหาวิธีการจากชาวบ้านและตำรวจ ต่างก็ตอบว่า “ลองขอให้พระเจ้าช่วยสิ” นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ PK ตามหาพระเจ้า... ซึ่งเกิดข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับศาสนา ในประเด็นที่แบบว่าแค่เอื้อมมากๆ แต่เราไม่เคยสงสัยมันเพราะ moderate เกินไป หรือเราถูกปลูกฝังไม่ให้ตั้งข้อสงสัยกับศาสนา เพราะถูกมองว่าหมิ่น ลบหลู่ศาสนา นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ทำให้มนุษย์เราศรัทธาศาสนาอย่างงมงาย ขาดเหตุผล
ประเด็นเหล่านี้ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบตลก ซึ่งแต่ละมุขโดนมาก ไม่ใช่เป็นตลกแบบท่าทางหรือพูดจาให้ตลก แต่เป็นตลกเสียดสีประเด็นเหล่านี้ ที่เล่นเอาแสบๆซิบๆเลยทีเดียว นอกจากนี้หนังยังมีความเป็นดราม่า โรแมนติก และมิวสิคัลแบบอินเดียๆ ที่มีให้เพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่อง ไม่รู้สึกว่ามีช่วงใดน่าเบื่อเลย แม้หนังจะยาวถึง 150 นาทีก็ตาม
หนังเรื่องไม่ได้ตั้งคำถามต่อศาสนาแต่เพียงอย่างเดียว... ยังให้คำตอบอีกด้วย จะเป็นอย่างไรต้องไปดูกันนะครับ
อย่างไรก็ตาม PK ไม่ได้เป็นหนังที่หมิ่นหรือลบหลู่ศาสนา แต่ทำให้เราเข้าใจคำว่า "ศาสนา" มากยิ่งขึ้น และศรัทธาอย่างมีเหตุผล นอกจากจะดูสนุก บันเทิงแล้ว หนังยังให้เราฉุกคิดถึงประเด็นเหล่านี้ และมอบทัศนคติใหม่ต่อโลกใบนี้อีกด้วย
เพราะสังคมไทยตอนนี้มันสอดคล้องกับสังคมอินเดียในหนังเหลือเกิน
PK คือหนังที่คนไทยทุกคนควรค่าแก่การชมมากที่สุด