JJNY : 4in1 หนี้เสียทุบกำไรธ.พณ./ชี้ศก.ไทยติดลบหนักช่วงยึดอำนาจ/แนะเอาเงินจ้างคุกคามเยียวยาปชช./'หมอบูนา'บุกงาน Job Expo

หนี้เสียทุบกำไรธนาคารพาณิชย์ เร่งตั้งสำรองสูงรับ NPL ทะลักปลายปี
https://www.prachachat.net/finance/news-526987
 

 
“หนี้เสีย” ทุบกำไรแบงก์ โบรกฯประเมินช่วงที่เหลือของปีนี้กำไรกลุ่มแบงก์ยังแย่ เหตุต้องตั้งสำรองสูงรับมือหนี้เสียหลังจบมาตรการ “พักหนี้” เดือน ต.ค.นี้ “บล.เอเซีย พลัส” คาดการณ์กำไรสุทธิปี’63 ฮวบ 5.4 หมื่นล้านบาท ฟาก “บล.ฟินันเซียฯ” ประเมินหนี้เสียส่อพีกทะลุ 7%  ในสิ้นปีหน้า
 
นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่เหลือของปี 2563 นี้ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิจะออกมาแย่กว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจจะฟื้นตัวเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารยังจำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้ในระดับที่ค่อนข้างสูง เพื่อรับมือกับมาตรการพักชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งแบงก์ที่มีความเสี่ยงต้องตั้งสำรองเพิ่มตามแผนที่ประกาศเอาไว้ ได้แก่ ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารกรุงศรี (BAY)
 
นอกจากนี้ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ยังอ่อนตัวลงจากการที่ธนาคารปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แม้ว่าในไตรมาส 3 จะยังไม่เห็นสัญญาณเร่งตัวขึ้น เนื่องจากมาตรการพักชำระหนี้ยังไม่จบนั้น แต่มีความเสี่ยงที่ NPL ไตรมาส 4 จะกลับมาเร่งตัวขึ้นหลังจบมาตรการ
 
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร บล.เอเซีย พลัส คงน้ำหนัก “น้อยกว่าตลาด” แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับฐานลงมาค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่บนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 0.55 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ดี แนะนำทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวได้หลังการประกาศผลทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารในเดือน ต.ค.
 
อย่างไรก็ดี ยังแนะนำ “ซื้อ” ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพียงแห่งเดียวที่ราคาเป้าหมาย 122.00 บาท เนื่องจาก P/BV ที่ 0.46 เท่า ประกอบกับธนาคารกรุงเทพมีโครงสร้างสินเชื่อรายใหญ่ราว 41% มากสุดในกลุ่ม ซึ่งแข็งแรงกว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีจากช่องทางการระดมทุนของลูกค้ารายใหญ่ที่มากกว่ารายย่อย ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนไม่ต้องรีบเข้าซื้อ โดยให้รอผล stress test ออกมาก่อน
 
นายภาสกรกล่าวว่า บล.เอเซีย พลัสคาดการณ์กำไรสุทธิกลุ่มธนาคารทั้งปี 2563 ที่ 1.47 แสนล้านบาท ลดลง 5.4 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 26.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
 
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัดกล่าวว่า แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีจะยังไม่ใช่ช่วงที่ดีของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังต่ำจะกระทบรายได้ดอกเบี้ยรับ ประกอบกับการตั้งสำรองที่ธนาคารใช้เกณฑ์การตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งในภาวะที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจและโควิด-19 เชื่อว่าการตั้งสำรองจะยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
 
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยง NPL ที่คาดว่าจะค่อย ๆ เร่งตัวขึ้นหลังหมดมาตรการพักชำระหนี้ โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า NPL ในระบบธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 7.1% ในไตรมาส 4 ปี 2564 จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 4.2% โดยเฉพาะในกรณีที่โควิด-19 ลากยาว คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจถึงขั้นล้มหายตายจาก จากปัจจุบันที่มาตรการพักชำระหนี้ยังช่วยเหลือสภาพคล่องของธุรกิจ
 
“สังเกตว่า NPL ในไตรมาส 3 ตัวเลขจะเท่า ๆ กับไตรมาส 2 เพราะมีมาตรการพักหนี้อยู่ แต่หากจบมาตรการเราคาดว่าธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กสูงอย่างธนาคารกสิกรไทย (KBANK) น่าจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก” นายวีระวัฒน์กล่าว
 
ส่วนกรณีประเด็นทางการเมืองที่มีประชาชนบางส่วนรณรงค์ยกเลิกการใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร โดยชี้ว่าราคาหุ้น ณ วันที่ 21 ก.ย.ของ SCB ปรับลดลงเล็กน้อยเพียง 0.74% ซึ่งคาดว่าเป็นการปรับลดลงตามตลาดหุ้นมากกว่า
 

 
เวทีฝ่ายค้าน ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบหนักช่วง ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ถลุง 20 ล้านล้าน 
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4991319
 
เวทีฝ่ายค้าน ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบหนักช่วง ประยุทธ์ ยึดอำนาจ เป็นรัฐบาลที่ถลุงเงินมากถึง 20 ล้านล้าน แนะ รบ.เร่งกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เลิกซื้อเรือดำน้ำ
 
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ รร.เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ฝ่ายค้านจัดเวทีเสวนา “ฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤติโควิด” เวทีที่ 4 : ความเดือดร้อนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ของตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองของพรรคร่วมฝายค้าน จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ
 
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยใน 5-6 ปีที่ผ่านมาไม่โต เหตุที่เศรษฐกิจไม่โตและเงินหาไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจหยุดนิ่ง ขณะนี้จะมีการว่างงานถึง 11.8 ล้านคน หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกำไรลดลง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเลิกโกหก ถ้าประเทศไทยดีกว่าประเทศอื่น แม้ประเทศอื่นจะติดลบด้านเศรษฐกิจ แต่ของไทยติดลบทางเศรษฐกิจช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางที่จะเสนอรัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจ พ.ร.ก.ซอฟต์โลนต้องทำให้เกิดการจ้างงาน รัฐบาลต้องหารายได้เพิ่มนอกจากเงินภาษี ถ้าแจกเงินอย่างเดียวเศรษฐกิจจะไม่โต โดยเฉพาะพื้นที่ไทยทับซ้อนกับเขมร มีพื้นที่ก๊าซอยู่ อีกทั้งต้องมีการปรับงบประมาณ ต้องมีการเลิกซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร
 
ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าภาคตะวันออกเป็นหัวหอกทางเศรษฐกิจ จ.ชลบุรี มีระบบอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ มีการจ้างงาน 3.2 ล้านคน เพราะ จ.ชลบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลมีคณะทำงานติดตามการส่งออก เพราะการส่งออกซึมยาวกกว่าที่ผ่านมา มีการติดลบทางเศรษฐกิจในที่ผ่านมา ส่วนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกนั้น ไทยอาศัยตลาดจีนโดยจีนกลับเจอสถานการณ์โควิดหนักหน่วง และยังฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกด้วย สถานการณ์ทั่วโลกก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ คณะทำงานได้ติดตามการส่งออก โดยที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคมสูงวัย ก็เป็นอุปสรรคในภาคอุตสาหกรรมและการบริหารในการส่งออก รวมทั้งมีปัญหาทักษะในเรื่องแรงงานด้วย อีกประเด็นมีการแข็งค่าเงินบาทในช่วงปีที่ผ่านมาและต้นปี 2563 ไม่ได้สอดคล้องในการแข่งขันกับประเทศไทยด้วย
 
น.ส.เบญจา กล่าวอีกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้เลยมีการอภิปรายในสภาหลากหลาย หลายท่านก็พูดไปแล้วว่า รัฐบาลประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นได้ เพราะรัฐบาลตลอดครึ่งปีไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมามีการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทกับ พ.ร.บ.โอนงบฯ รัฐบาลมีงบกลาง 8.8 ล้านล้านบาท จะบอกว่า ประเทศไม่มีเงินก็ไม่ถูกต้อง แต่เป็นปัญหาการบริหารของรัฐบาลมากกว่า อยากให้รัฐบาลเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ เรามีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการตีเช็คเปล่า ดังนั้นการปรับแผนงานสามารถทำได้
 
ส่วนพรรคก้าวไกลมีแนวทางจะเสนอไปยังผู้ประกอบการ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ภาคธุรกิจส่งเสริมการลงทุนให้มาก ต้องมีโมเดลในการเปิดประเทศเพื่อดูแลความปลอดภัยโรคระบาด ต้องมีจินตนาการวางแผนการลงทุน ส่งออกการท่องเที่ยว มากกว่าเน้นขายทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นอีสปอร์ต การส่งเสริมท่องเที่ยวแบบอีโค และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยภาครัฐต้องปรับตัวส่งเสริมภาคการลงทุนอุตสาหกรรมส่งออกมากขึ้น นอกจากนี้ในสมัยประชุมรัฐสภาสมัยหน้า พรรคก้าวไกลจะยื่นล่ารายชื่อภาคประชาชน 50,000 รายชื่อร่วมกับร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของ ไอลอว์ เพื่อเสนอเข้าสู่รัฐสภาในการปิดสวิตช์ ส.ว.ต่อไป โดยพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่