หนี้เสียทุบกำไรธนาคารพาณิชย์ เร่งตั้งสำรองสูงรับ NPL ทะลักปลายปี
https://www.prachachat.net/finance/news-526987
“หนี้เสีย” ทุบกำไรแบงก์ โบรกฯประเมินช่วงที่เหลือของปีนี้กำไรกลุ่มแบงก์ยังแย่ เหตุต้องตั้งสำรองสูงรับมือหนี้เสียหลังจบมาตรการ “พักหนี้” เดือน ต.ค.นี้ “บล.เอเซีย พลัส” คาดการณ์กำไรสุทธิปี’63 ฮวบ 5.4 หมื่นล้านบาท ฟาก “บล.ฟินันเซียฯ” ประเมินหนี้เสียส่อพีกทะลุ 7% ในสิ้นปีหน้า
นาย
ภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่เหลือของปี 2563 นี้ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิจะออกมาแย่กว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจจะฟื้นตัวเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารยังจำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้ในระดับที่ค่อนข้างสูง เพื่อรับมือกับมาตรการพักชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งแบงก์ที่มีความเสี่ยงต้องตั้งสำรองเพิ่มตามแผนที่ประกาศเอาไว้ ได้แก่ ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารกรุงศรี (BAY)
นอกจากนี้ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ยังอ่อนตัวลงจากการที่ธนาคารปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แม้ว่าในไตรมาส 3 จะยังไม่เห็นสัญญาณเร่งตัวขึ้น เนื่องจากมาตรการพักชำระหนี้ยังไม่จบนั้น แต่มีความเสี่ยงที่ NPL ไตรมาส 4 จะกลับมาเร่งตัวขึ้นหลังจบมาตรการ
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร บล.เอเซีย พลัส คงน้ำหนัก “
น้อยกว่าตลาด” แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับฐานลงมาค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่บนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 0.55 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ดี แนะนำทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวได้หลังการประกาศผลทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารในเดือน ต.ค.
อย่างไรก็ดี ยังแนะนำ “
ซื้อ” ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพียงแห่งเดียวที่ราคาเป้าหมาย 122.00 บาท เนื่องจาก P/BV ที่ 0.46 เท่า ประกอบกับธนาคารกรุงเทพมีโครงสร้างสินเชื่อรายใหญ่ราว 41% มากสุดในกลุ่ม ซึ่งแข็งแรงกว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีจากช่องทางการระดมทุนของลูกค้ารายใหญ่ที่มากกว่ารายย่อย ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนไม่ต้องรีบเข้าซื้อ โดยให้รอผล stress test ออกมาก่อน
นาย
ภาสกรกล่าวว่า บล.เอเซีย พลัสคาดการณ์กำไรสุทธิกลุ่มธนาคารทั้งปี 2563 ที่ 1.47 แสนล้านบาท ลดลง 5.4 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 26.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ด้านนาย
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัดกล่าวว่า แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีจะยังไม่ใช่ช่วงที่ดีของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังต่ำจะกระทบรายได้ดอกเบี้ยรับ ประกอบกับการตั้งสำรองที่ธนาคารใช้เกณฑ์การตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งในภาวะที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจและโควิด-19 เชื่อว่าการตั้งสำรองจะยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยง NPL ที่คาดว่าจะค่อย ๆ เร่งตัวขึ้นหลังหมดมาตรการพักชำระหนี้ โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า NPL ในระบบธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 7.1% ในไตรมาส 4 ปี 2564 จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 4.2% โดยเฉพาะในกรณีที่โควิด-19 ลากยาว คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจถึงขั้นล้มหายตายจาก จากปัจจุบันที่มาตรการพักชำระหนี้ยังช่วยเหลือสภาพคล่องของธุรกิจ
“สังเกตว่า NPL ในไตรมาส 3 ตัวเลขจะเท่า ๆ กับไตรมาส 2 เพราะมีมาตรการพักหนี้อยู่ แต่หากจบมาตรการเราคาดว่าธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กสูงอย่างธนาคารกสิกรไทย (KBANK) น่าจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก” นาย
วีระวัฒน์กล่าว
ส่วนกรณีประเด็นทางการเมืองที่มีประชาชนบางส่วนรณรงค์ยกเลิกการใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร โดยชี้ว่าราคาหุ้น ณ วันที่ 21 ก.ย.ของ SCB ปรับลดลงเล็กน้อยเพียง 0.74% ซึ่งคาดว่าเป็นการปรับลดลงตามตลาดหุ้นมากกว่า
เวทีฝ่ายค้าน ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบหนักช่วง ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ถลุง 20 ล้านล้าน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4991319
เวทีฝ่ายค้าน ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบหนักช่วง ประยุทธ์ ยึดอำนาจ เป็นรัฐบาลที่ถลุงเงินมากถึง 20 ล้านล้าน แนะ รบ.เร่งกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เลิกซื้อเรือดำน้ำ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ รร.เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ฝ่ายค้านจัดเวทีเสวนา “
ฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤติโควิด” เวทีที่ 4 : ความเดือดร้อนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ของตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองของพรรคร่วมฝายค้าน จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ
นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยใน 5-6 ปีที่ผ่านมาไม่โต เหตุที่เศรษฐกิจไม่โตและเงินหาไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจหยุดนิ่ง ขณะนี้จะมีการว่างงานถึง 11.8 ล้านคน หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกำไรลดลง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเลิกโกหก ถ้าประเทศไทยดีกว่าประเทศอื่น แม้ประเทศอื่นจะติดลบด้านเศรษฐกิจ แต่ของไทยติดลบทางเศรษฐกิจช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางที่จะเสนอรัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจ พ.ร.ก.ซอฟต์โลนต้องทำให้เกิดการจ้างงาน รัฐบาลต้องหารายได้เพิ่มนอกจากเงินภาษี ถ้าแจกเงินอย่างเดียวเศรษฐกิจจะไม่โต โดยเฉพาะพื้นที่ไทยทับซ้อนกับเขมร มีพื้นที่ก๊าซอยู่ อีกทั้งต้องมีการปรับงบประมาณ ต้องมีการเลิกซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร
ด้าน น.ส.
เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าภาคตะวันออกเป็นหัวหอกทางเศรษฐกิจ จ.ชลบุรี มีระบบอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ มีการจ้างงาน 3.2 ล้านคน เพราะ จ.ชลบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลมีคณะทำงานติดตามการส่งออก เพราะการส่งออกซึมยาวกกว่าที่ผ่านมา มีการติดลบทางเศรษฐกิจในที่ผ่านมา ส่วนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกนั้น ไทยอาศัยตลาดจีนโดยจีนกลับเจอสถานการณ์โควิดหนักหน่วง และยังฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกด้วย สถานการณ์ทั่วโลกก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ คณะทำงานได้ติดตามการส่งออก โดยที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคมสูงวัย ก็เป็นอุปสรรคในภาคอุตสาหกรรมและการบริหารในการส่งออก รวมทั้งมีปัญหาทักษะในเรื่องแรงงานด้วย อีกประเด็นมีการแข็งค่าเงินบาทในช่วงปีที่ผ่านมาและต้นปี 2563 ไม่ได้สอดคล้องในการแข่งขันกับประเทศไทยด้วย
น.ส.
เบญจา กล่าวอีกว่า รัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้เลยมีการอภิปรายในสภาหลากหลาย หลายท่านก็พูดไปแล้วว่า รัฐบาล
ประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นได้ เพราะรัฐบาลตลอดครึ่งปีไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมามีการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทกับ พ.ร.บ.โอนงบฯ รัฐบาลมีงบกลาง 8.8 ล้านล้านบาท จะบอกว่า ประเทศไม่มีเงินก็ไม่ถูกต้อง แต่เป็นปัญหาการบริหารของรัฐบาลมากกว่า อยากให้รัฐบาลเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ เรามีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการตีเช็คเปล่า ดังนั้นการปรับแผนงานสามารถทำได้
ส่วนพรรคก้าวไกลมีแนวทางจะเสนอไปยังผู้ประกอบการ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ภาคธุรกิจส่งเสริมการลงทุนให้มาก ต้องมีโมเดลในการเปิดประเทศเพื่อดูแลความปลอดภัยโรคระบาด ต้องมีจินตนาการวางแผนการลงทุน ส่งออกการท่องเที่ยว มากกว่าเน้นขายทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นอีสปอร์ต การส่งเสริมท่องเที่ยวแบบอีโค และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยภาครัฐต้องปรับตัวส่งเสริมภาคการลงทุนอุตสาหกรรมส่งออกมากขึ้น นอกจากนี้ในสมัยประชุมรัฐสภาสมัยหน้า พรรคก้าวไกลจะยื่นล่ารายชื่อภาคประชาชน 50,000 รายชื่อร่วมกับร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของ ไอลอว์ เพื่อเสนอเข้าสู่รัฐสภาในการปิดสวิตช์ ส.ว.ต่อไป โดยพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
JJNY : 4in1 หนี้เสียทุบกำไรธ.พณ./ชี้ศก.ไทยติดลบหนักช่วงยึดอำนาจ/แนะเอาเงินจ้างคุกคามเยียวยาปชช./'หมอบูนา'บุกงาน Job Expo
https://www.prachachat.net/finance/news-526987
นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่เหลือของปี 2563 นี้ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิจะออกมาแย่กว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจจะฟื้นตัวเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารยังจำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้ในระดับที่ค่อนข้างสูง เพื่อรับมือกับมาตรการพักชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งแบงก์ที่มีความเสี่ยงต้องตั้งสำรองเพิ่มตามแผนที่ประกาศเอาไว้ ได้แก่ ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารกรุงศรี (BAY)
นอกจากนี้ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ยังอ่อนตัวลงจากการที่ธนาคารปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แม้ว่าในไตรมาส 3 จะยังไม่เห็นสัญญาณเร่งตัวขึ้น เนื่องจากมาตรการพักชำระหนี้ยังไม่จบนั้น แต่มีความเสี่ยงที่ NPL ไตรมาส 4 จะกลับมาเร่งตัวขึ้นหลังจบมาตรการ
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร บล.เอเซีย พลัส คงน้ำหนัก “น้อยกว่าตลาด” แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับฐานลงมาค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่บนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 0.55 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ดี แนะนำทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวได้หลังการประกาศผลทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารในเดือน ต.ค.
อย่างไรก็ดี ยังแนะนำ “ซื้อ” ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพียงแห่งเดียวที่ราคาเป้าหมาย 122.00 บาท เนื่องจาก P/BV ที่ 0.46 เท่า ประกอบกับธนาคารกรุงเทพมีโครงสร้างสินเชื่อรายใหญ่ราว 41% มากสุดในกลุ่ม ซึ่งแข็งแรงกว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีจากช่องทางการระดมทุนของลูกค้ารายใหญ่ที่มากกว่ารายย่อย ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนไม่ต้องรีบเข้าซื้อ โดยให้รอผล stress test ออกมาก่อน
นายภาสกรกล่าวว่า บล.เอเซีย พลัสคาดการณ์กำไรสุทธิกลุ่มธนาคารทั้งปี 2563 ที่ 1.47 แสนล้านบาท ลดลง 5.4 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 26.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัดกล่าวว่า แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีจะยังไม่ใช่ช่วงที่ดีของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังต่ำจะกระทบรายได้ดอกเบี้ยรับ ประกอบกับการตั้งสำรองที่ธนาคารใช้เกณฑ์การตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งในภาวะที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจและโควิด-19 เชื่อว่าการตั้งสำรองจะยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยง NPL ที่คาดว่าจะค่อย ๆ เร่งตัวขึ้นหลังหมดมาตรการพักชำระหนี้ โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า NPL ในระบบธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 7.1% ในไตรมาส 4 ปี 2564 จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 4.2% โดยเฉพาะในกรณีที่โควิด-19 ลากยาว คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจถึงขั้นล้มหายตายจาก จากปัจจุบันที่มาตรการพักชำระหนี้ยังช่วยเหลือสภาพคล่องของธุรกิจ
“สังเกตว่า NPL ในไตรมาส 3 ตัวเลขจะเท่า ๆ กับไตรมาส 2 เพราะมีมาตรการพักหนี้อยู่ แต่หากจบมาตรการเราคาดว่าธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กสูงอย่างธนาคารกสิกรไทย (KBANK) น่าจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก” นายวีระวัฒน์กล่าว
ส่วนกรณีประเด็นทางการเมืองที่มีประชาชนบางส่วนรณรงค์ยกเลิกการใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร โดยชี้ว่าราคาหุ้น ณ วันที่ 21 ก.ย.ของ SCB ปรับลดลงเล็กน้อยเพียง 0.74% ซึ่งคาดว่าเป็นการปรับลดลงตามตลาดหุ้นมากกว่า
เวทีฝ่ายค้าน ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบหนักช่วง ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ถลุง 20 ล้านล้าน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4991319
เวทีฝ่ายค้าน ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบหนักช่วง ประยุทธ์ ยึดอำนาจ เป็นรัฐบาลที่ถลุงเงินมากถึง 20 ล้านล้าน แนะ รบ.เร่งกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เลิกซื้อเรือดำน้ำ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ รร.เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ฝ่ายค้านจัดเวทีเสวนา “ฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤติโควิด” เวทีที่ 4 : ความเดือดร้อนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ของตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองของพรรคร่วมฝายค้าน จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยใน 5-6 ปีที่ผ่านมาไม่โต เหตุที่เศรษฐกิจไม่โตและเงินหาไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจหยุดนิ่ง ขณะนี้จะมีการว่างงานถึง 11.8 ล้านคน หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกำไรลดลง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเลิกโกหก ถ้าประเทศไทยดีกว่าประเทศอื่น แม้ประเทศอื่นจะติดลบด้านเศรษฐกิจ แต่ของไทยติดลบทางเศรษฐกิจช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางที่จะเสนอรัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจ พ.ร.ก.ซอฟต์โลนต้องทำให้เกิดการจ้างงาน รัฐบาลต้องหารายได้เพิ่มนอกจากเงินภาษี ถ้าแจกเงินอย่างเดียวเศรษฐกิจจะไม่โต โดยเฉพาะพื้นที่ไทยทับซ้อนกับเขมร มีพื้นที่ก๊าซอยู่ อีกทั้งต้องมีการปรับงบประมาณ ต้องมีการเลิกซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร
ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าภาคตะวันออกเป็นหัวหอกทางเศรษฐกิจ จ.ชลบุรี มีระบบอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ มีการจ้างงาน 3.2 ล้านคน เพราะ จ.ชลบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลมีคณะทำงานติดตามการส่งออก เพราะการส่งออกซึมยาวกกว่าที่ผ่านมา มีการติดลบทางเศรษฐกิจในที่ผ่านมา ส่วนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกนั้น ไทยอาศัยตลาดจีนโดยจีนกลับเจอสถานการณ์โควิดหนักหน่วง และยังฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกด้วย สถานการณ์ทั่วโลกก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ คณะทำงานได้ติดตามการส่งออก โดยที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคมสูงวัย ก็เป็นอุปสรรคในภาคอุตสาหกรรมและการบริหารในการส่งออก รวมทั้งมีปัญหาทักษะในเรื่องแรงงานด้วย อีกประเด็นมีการแข็งค่าเงินบาทในช่วงปีที่ผ่านมาและต้นปี 2563 ไม่ได้สอดคล้องในการแข่งขันกับประเทศไทยด้วย
น.ส.เบญจา กล่าวอีกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้เลยมีการอภิปรายในสภาหลากหลาย หลายท่านก็พูดไปแล้วว่า รัฐบาลประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นได้ เพราะรัฐบาลตลอดครึ่งปีไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมามีการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทกับ พ.ร.บ.โอนงบฯ รัฐบาลมีงบกลาง 8.8 ล้านล้านบาท จะบอกว่า ประเทศไม่มีเงินก็ไม่ถูกต้อง แต่เป็นปัญหาการบริหารของรัฐบาลมากกว่า อยากให้รัฐบาลเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ เรามีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการตีเช็คเปล่า ดังนั้นการปรับแผนงานสามารถทำได้
ส่วนพรรคก้าวไกลมีแนวทางจะเสนอไปยังผู้ประกอบการ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ภาคธุรกิจส่งเสริมการลงทุนให้มาก ต้องมีโมเดลในการเปิดประเทศเพื่อดูแลความปลอดภัยโรคระบาด ต้องมีจินตนาการวางแผนการลงทุน ส่งออกการท่องเที่ยว มากกว่าเน้นขายทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นอีสปอร์ต การส่งเสริมท่องเที่ยวแบบอีโค และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยภาครัฐต้องปรับตัวส่งเสริมภาคการลงทุนอุตสาหกรรมส่งออกมากขึ้น นอกจากนี้ในสมัยประชุมรัฐสภาสมัยหน้า พรรคก้าวไกลจะยื่นล่ารายชื่อภาคประชาชน 50,000 รายชื่อร่วมกับร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของ ไอลอว์ เพื่อเสนอเข้าสู่รัฐสภาในการปิดสวิตช์ ส.ว.ต่อไป โดยพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ