JJNY : 'สุดารัตน์'จี้รับผิดชอบ'บัตรทอง'ล้มเหลว/สทท.ปลื้มม็อบไม่รุนแรง/"กะตะ-กะรน-ป่าตอง"วังเวง/โรงแรมสงขลาโอดใกล้อดตาย

'สุดารัตน์' จี้ ผู้นำรับผิดชอบ 'โครงการบัตรทอง' ล้มเหลว ทำ 8 แสนคนเดือดร้อน
https://voicetv.co.th/read/nyskH9NTn

  
'สุดารัตน์' ชี้ ผู้นำต้องรับผิดชอบ กรณีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต 'โครงการบัตรทอง' จนทำให้ประชาชนกว่า 8 แสนคนในกรุงเทพฯ ต้องประสบปัญหาไม่มีที่รักษาพยาบาล

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า...
 
#โกงบัตรทอง ทำให้โครงการ 'หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า' กลายเป็น 'ความเดือดร้อนถ้วนหน้า' ของประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพฯ
 
เมื่อเริ่มก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร และคณะซึ่งรวมถึงดิฉันด้วย ได้เดินทางไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ปัญหาที่เราได้พบในทุกแห่ง ที่เราเยี่ยมคือ ความทุกข์จากความเจ็บป่วยแล้วไม่มีเงินมารักษาตัวเอง หรือพ่อแม่ที่แก่เฒ่า เราได้พบผู้สูงอายุจำนวนมากที่ป่วยหนักอยู่ที่บ้าน เมื่อเราถามว่าทำไมไม่ไปรักษาตัว คำตอบที่ได้คือไม่มีเงินไปรักษา เพราะถ้าจะไปรักษาที่รพ. ลูกหลานก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามารักษา สงสารลูกหลานที่จะต้องเป็นหนี้ อายุมากแล้วยอมตายไปดีกว่า
 
เราสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้ฟังคำตอบเช่นนี้ และเกิดคำถามในใจว่าทำไม 'คนจนที่เจ็บไข้ได้ป่วย จึงต้องนอนรอความตายเท่านั่น' ทั้งที่เขาก็เป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไมโอกาสในการรักษาชีวิตจึงแตกต่างกันระหว่างคนรวย และคนจน
 
ดังนั้นเมื่อ นพ.สงวน นิตยารัมพงศ์ ได้นำหลักการการประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาเสนอแก่ ดร.ทักษิณ ท่านจึงให้ความสนใจศึกษาข้อมูล, ความเป็นไปได้อย่างจริงจัง และตัดสินใจผลักดันจนเป็นนโยบายที่พรรคไทยรักไทยได้ประกาศให้คำมั่นสัญญาในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ว่าหากไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะทำโครงการ 30บาทรักษาทุกโรค ทันที
 
เมื่อเราชนะการเลือกตั้ง ดร.ทักษิณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกหรือนโยบายแรกที่สั่งให้ลงมือทำทันที คือ 'โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค' เพื่อให้สิทธิประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพอย่าง 'ทัดเทียม' และ 'ทั่วถึง'ทุกคน ไม่ว่าประชาชนคนนั้นจะเป็นคนรวยหรือคนจนก็ตาม
และดิฉันก็โชคดีที่นายกทักษิณได้ให้ความไว้วางใจมอบหมายให้เป็นผู้ทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
 
ดิฉันยังจำคำพูดของท่านได้อย่างแม่นยำในวันที่ท่านมอบให้ดิฉันรับผิดชอบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ท่านพูดว่า “รู้ว่าโครงการนี้ทำยาก แต่อยากให้เสียสละทุ่มเททำให้สำเร็จ เพราะโครงการนี้จะช่วยชีวิตคนไทยทั่วประเทศ จะช่วยทำให้สุขภาพคนไทยได้ดีขึ้น จะช่วยลดภาระหนี้สินให้คนจน และที่สำคัญจะช่วยลดความเหลื่อมลำ้ให้สังคมไทย”
 
ด้วยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเก่งการบริการเศรษฐกิจอย่างนายกทักษิณ และด้วยความเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จึงได้เริ่มต้นได้เมื่อ 19 ปีที่แล้วและถือเป็นโครงการที่ได้ช่วยพี่น้องชาวไทยเป็นจำนวนมากให้มีโอกาสรอดชีวิตจากการเจ็บป่วย ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพทัดเทียมกัน
 
แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ผู้นำทางการเมืองในช่วงหลัง ไม่มีความเข้าใจในหลักการของโครงการอย่างแท้จริง จึงทำให้ระบบการบริหารจัดการล้มเหลว กลับไปรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง แทนที่จะกระจายอำนาจ และกระจายงบประมาณไปยังรพ.โดยตรง จนทำให้เกิดปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ ทั้งที่ใช้งบประมาณมากขึ้น
 
แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลตกต่ำลง และในที่สุดปล่อยให้มีการทุจริตกันอย่างมโหฬาร ในหลายระดับต่อเนื่องมาหลายปี ที่ส.ส. ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล เป็นเพียงปลายทางซึ่งพวกเราจะไม่ปล่อยให้มีการหาผลประโยชน์บนความเป็นความตาย และบนชีวิตของประชาชนอีกต่อไป
 
ผู้นำต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ทำให้โครงการบัตรทอง เกิดความล้มเหลวอย่างในปัจจุบัน จนทำให้ทั้งผู้ให้บริการคือแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องมีความทุกข์และประสบปัญหาในการให้บริการ และทำให้ประชาชนผู้รับบริการไม่ได้รับบริการที่ได้คุณภาพที่ดีพอ
 
แต่ที่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาผลพวงจากการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จนทำให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพฯ ต้องประสบปัญหา ไม่มีที่รักษาพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยเรื้อรัง ที่จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องกำลังเผชิญกับปัญหา อย่างหนัก ทั้งการไม่มีสถานพยาบาลรองรับ หรือให้ย้ายไปใช้ โรงพยาบาลของรัฐที่มีความแออัดอยู่แล้ว ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ ไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงทีหรือต้องรอคิวเป็นเวลานาน
 
"การแก้ปัญหาแบบไม่รับผิดชอบโดยไม่มีแผนรองรับได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพ และได้สร้างปัญหาให้กับรพ. และแพทย์พยาบาลที่ต้องรองรับผู้ป่วยที่ถูกโอนย้ายมา จนที่เกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลจะรับได้เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน" คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
 
https://www.facebook.com/sudaratofficial/photos/a.484034281675370/3316120008466769/
 


สทท.ปลื้มม็อบไม่รุนแรงนัดชุมนุมอีก2ครั้งไม่กระทบเชื่อมั่น
https://www.innnews.co.th/economy/news_776474/
 
ปธ.สภาอุตฯท่องเที่ยว ปลื้มม็อบจบไว ไร้ความรุนแรง มองนัดชุมนุมอีก 2 ครั้ง ไม่กระทบเชื่อมั่น ต่างชาติเที่ยวไทยตุลาคมนี้
 
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า กรณีการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งสามารถยุติได้ภายในกรอบตามแผน ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่สำคัญ คือ ไม่มีความรุนแรง พร้อมขอขอบคุณภาครัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความเข้าใจ เปิดโอกาสให้เยาวชนแสดงความคิดเห็น ซึ่งแม้ว่าจะมีการนัดชุมนุมอีก 2 ครั้งถือว่า เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย
 
ส่วนกิจกรรมในวันที่ 14 ตุลาคม ที่ประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นการทวงถามถึงข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นไปเท่านั้น ขณะที่มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีกำหนดการในเดือนตุลาคมนั้น เชื่อว่าไม่มีผลกระทบ เพราะกลุ่มที่จะเข้ามามีความเข้าใจและไม่ได้กังวลในประเด็นนี้
 
ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลควรพิจารณาข้อเสนอแนะต่างๆ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นไป ซึ่งเรื่องไหนปรับได้ควรรีบทำ เพื่อให้ทุกอย่างได้เดินหน้าต่อไป
 
ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความเป็นห่วงเรื่องของมือที่ 3 ซึ่งอาจแฝงตัวเข้ามาสร้างสถานการณ์ ไปยุยงส่งเสริมให้กับเยาวชนมีความเข้าใจผิด แล้วอาจเกิดเหตุรุนแรง จึงขอฝากให้ทุกคนมีสติ คัดกรองข่าวสารก่อนจะตัดสินใจดำเนินการใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่