"ผู้มีศีล" ทำให้เกิดทรัพย์สิน ชื่อเสียง ได้อย่างไร?

"ผู้มีศีล" ทำให้เกิดทรัพย์สิน ชื่อเสียง ได้อย่างไร?

  ศีลมีอานิสงส์ คือ ถ้าเราทำถูกต้องเราก็มีความสุข มีรสแห่งความสุข ความปิติ ความมงคล แต่ถ้าเราทำผิดศีล เราก็จะมีโทษ มีทุกข์ เป็นอัปมงคล
  ถ้าเรามีศีล แล้วจะมีโภคทรัพย์ได้อย่างไร? มีชื่อเสียง กิตติศัพท์?

  ถ้าเรามีศีล เราก็จะได้รับการยกย่อง ได้รับสิ่งที่เชื่อถือ ยกตัวอย่างง่ายๆ เรามีศีล เราไม่ไปโกงเขา เราก็มีเครดิต ใครๆ ก็เชื่อเรา เช่น เราไปยืมเงินเขา เขาเห็นว่าเราเป็นผู้มีศีล ก็ปล่อยให้เรายืมได้ หรือให้เรากู้ไปลงทุนได้ หรือบางคนเห็นว่าเรามีศีล ก็ให้เงินเราฟรีๆ ไปตั้งตัวลงทุน

  เรามีศีล เราจะหมั่นคงกับการทำดี เราจะไม่ทำผิดได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่มีศีลกำกับ เราก็จะเผลอทำผิดง่าย

  ถ้าเรามีศีล จะละได้ง่ายต่อการทำชั่ว พอเราจะทำชั่ว แต่ว่าเรามีศีล เราก็จะคิดแล้วคิดอีกในการจะทำผิดศีล ทำให้การทำชั่วได้ยาก การมีศีลจะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการทำดีง่ายขึ้น ตัวทำชั่วจะทำได้ยากขึ้น

  เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ก็จะได้รับการเคารพ นับหน้าถือตา มีเครดิต มีความน่าเชื่อถือในการทำมาหากิน คนที่อยากซื้อของ เห็นว่าเรามีศีลก็อยากจะมาซื้อของกับเรา ในทางด้านใน ก็จะมีบุญมีกุศล ในการจะนำพาเราไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ในเมื่อเรามีภูมิความรู้ต่างๆ เราย่อมพ้นจากวิบากแห่งทุกข์

  เรามีศีล เราเจริญศีล เราก็แก้ไขวิบากเราไปเรื่อยๆ เปรียบเสมือนเราชักขาขึ้นจากน้ำ เราก็ไม่ถูกจระเข้กัดขา เขาจึงเน้นเรื่องศีล สมาธิ ภาวนา
  บางคนบอกว่า ศีล แปลว่า ปกติ คนเขาจึงไม่เห็นความสำคัญ เพราะไปก้าวกระโดด 

  ถ้าศีลปกติ ในระดับปรมัตถ์ มันสำคัญกว่าข้างล่างอีก เพราะกำหนดตายตัว ดิ้นไม่ได้ เป็นเช่นนั้นเลย ปกติเป็นเช่นนั้นเลย ศีลเป็นไปตามภาวะแห่งธรรม เพราะภาวะแห่งธรรมเป็นอย่างไรก็กำหนดเช่นนั้นเป๊ะ!! เลย เราไม่ต้องดิ้น ฉะนั้น พระอรหันต์จึงดิ้นไม่ได้ ท่านดิ้นไม่ได้ แต่ว่าท่านทำด้วยความเข้าใจตามปกติ ทำไปโดยอัตโนมัติ

  ยกตัวอย่างนิทานนิกายเซน พระอุ้มผู้หญิงข้ามแม่น้ำ ถ้าคนทั่วไปก็จะบอกว่าผิดศีล แต่ถ้าเป็นภาวะธรรมระดับปรมัตถ์ ไม่ผิดศีล เพราะศีลกำหนดว่าจะต้องช่วย ในภาวะธรรมนั้น 

  ในภาวะธรรมนั้น ช่วยชีวิต จะบอกว่าผิดศีลหรือทำถูกศีล ก็ต้องถูกต้องตามศีล เหมือนกับว่า กฎหมายว่าด้วยการแตะต้องผู้หญิงบอกว่าผิด แต่ถ้ามาเจอกฎหมายรัฐธรรมนูญบอกว่าช่วยชีวิตถูกต้อง ตกลงกฎหมายระดับล่างนั้นก็ล้มเลย เราก็ยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญเพราะสูงกว่า นี่แหละ ปกติโดยธรรม เป๊ะเลย เพราะเราทำตามรัฐธรรมนูญ เพราะอันนั้นเป็นกฎหมายลูก ถูกลบล้างด้วยรัฐธรรมนูญ

  คำว่า "ศีล" แปลว่า "ปกติ" แปลแบบ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ไปตามภาวะธรรมนั้นๆ

  กฎหมายเล็ก ก็คือ กฎหมายของกระทรวงนั้นๆ
  กฎหมายใดๆ ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายนั้นเป็นโมฆะ

  และยังปรากฏว่า เวลาพระสงฆ์ท่านให้ศีลแล้ว จะมีบทสรุปศีลให้ฟังว่า  "สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ ตสฺสม สีลํ วิโส ธเย... "
  แปลว่าดังนี้

  ๑. สีเลน สุคตึ ยนฺติ บุคคลจะไปสู่สุคติได้ก็เพราะศีล
  ๒. สีเลน โภคสมฺปทา บุคคลจะได้โภคทรัพย์สมบัติก็เพราะศีล
  ๓. สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ บุคคลจะดับทุกข์ดับความเดือดร้อนจนเข้าถึงพระนิพพานได้ก็เพราะศีล
  เพราะฉะนั้น บุคคลใดรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ย่อมได้รับอานิสงส์ ๓ ข้อ ดังกล่าวข้างต้น
  ซึ่งที่มาของบทสรุปศีลนี้ มีที่มา ดังนี้
  ในกิมัตถิยสูตร อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ข้อ ๑ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงอานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล คือกุศลศีล ที่มีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้ ๑๐ ประการ คือ
          ๑. ศีลที่เป็นกุศล มีอวิปปฏิสาร คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๒. ความไม่เดือดร้อนใจ มีความปราโมทย์เป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๓. ความปราโมทย์ มีปีติเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๔. ปีติ มีปัสสัทธิ คือความสงบใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๕. ปัสสัทธิ มีสุข คือความสุขใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๖. สุข มีสมาธิเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๗. สมาธิ มียถาภูตญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็นจริงเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๘. ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาวิราคะ คือความหน่ายความคลายเป็นผล เป็นอานิสงส์
          ๙. นิพพิทาวิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่องหลุดพ้นเป็นผล
เป็นอานิสงส์
          ๑๐. ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหัตโดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้

  เพราะฉะนั้น โลกียศีลจึงเป็นบันไดให้เข้าถึงโลกุตตรศีล เข้าถึงอธิศีลสิกขา เป็นอริยศีลได้ในที่สุด มนุษย์นั้นมีมากมายหลายประเภท สวยมาก สวยน้อย ดีมาก ดีน้อย บางคนทั้งสวยทั้งดี บางคนไม่สวยด้วยไม่ดีด้วย บางคนเรียบร้อย บางคนหยาบคาย บางคนอ่อนโยน บางคนดุร้าย บางคนมีศีล บางคนไม่มีศีล สุดแท้แต่กรรมจะจำแนกให้เป็นไป

          ในจำนวนคนมากมายหลายประเภทเหล่านี้ คนมีศีลเป็นคนประเสริฐ ยิ่งมีศีลด้วย สวยด้วย ยิ่งประเสริฐสุด เหมือนดอกไม้ที่สวยทั้งสีและกลิ่น
          ส่วนคนสวยที่ไม่มีศีลนั้น ก็เหมือนดอกไม้ที่สวยแต่สี หามีกลิ่นไม่

          คนเราจะมีศีลได้ก็เพราะมีหิริและโอตตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวบาป ทั้งบาปของตนและคนอื่น โดยอาศัยการมีสติเตือนตนว่า "เราเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรกระทำความชั่ว" ดังนี้เป็นต้น หรือเพราะเกรงคำครหาของผู้อื่นว่า "ผู้นี้เป็นถึงสาวกของพระพุทธเจ้าทำไมจึงประพฤติชั่วอย่างนี้" ดังนี้เป็นต้น เมื่อมีสติคิดได้อย่างนี้ จิตใจก็อ่อนโยน ไม่กล้าทำความชั่ว เมื่อไม่ทำความชั่วก็ไม่เดือดร้อน ศีลจึงมีความไม่เดือดร้อนเป็นผล เป็นอานิสงส์

          พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค ว่า ผู้มีศีลย่อมได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คือ
          ๑. ย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ (ดังที่พระท่านแสดงอานิสงส์ของศีลในเวลาให้ศีลว่า สีเลน โภคสมฺปทา)
          ๒. เกียรติศัพท์อันงามของผู้มีศีล ย่อมฟุ้งขจรไปไกล
          ๓. ผู้มีศีลเข้าไปสู่สมาคมใดๆ ย่อมเข้าไปอย่างองอาจไม่เก้อเขิน
          ๔. ผู้มีศีลย่อมไม่หลงทำกาละ (คือไม่หลงในเวลาตาย)
          ๕. ผู้มีศีล ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ (สีเลน สุคตึ ยนฺติ)
          นอกจากนั้นพระพุทธองค์ยังทรงแสดงไว้ด้วยว่า ผู้ที่หวังได้รับความรักใคร่ สรรเสริญจากบัณฑิตทั้งหลาย ควรทำศีลให้บริบูรณ์
          ศีลเป็นที่พึ่งของผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระศาสนา

          ศีลเป็นเสมือนน้ำที่ล้างมลทิน คือความชั่วของสัตว์ทั้งหลาย อันน้ำในแม่น้ำทั้งหลายไม่อาจล้างได้

          ศีล ยังผู้รักษาให้สงบเย็น ไม่ร้อนรุ่มด้วยกิเลส
          กลิ่นใดที่ฟุ้งไปได้ทั้งทวนลม และตามลม กลิ่นนั้นเสมอด้วยกลิ่นศีลไม่มี

          บันไดที่จะขึ้นสู่สวรรค์และบรรลุนิพพาน (สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ) ที่จะเสมอด้วยบันไดคือศีลหามีไม่

          บุคคลแม้จะงดงามด้วยเครื่องประดับอันมีค่า ก็ยังไม่งามเท่าบุคคลที่มีศีลประดับกาย วาจา ใจ

          ผู้มีศีล ย่อมติเตียนตนเองไม่ได้ เมื่อพิจารณาถึงความประพฤติของตน ย่อมเกิดปีติทุกเมื่อ

          เพราะศีลมีอานิสงส์มากมายดังกล่าว ศีลจึงเป็นรากฐานแห่งคุณความดีทั้งหลาย และกำจัดความชั่วทั้งปวง

^_^  ..._/\_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

#อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่