หากเรากำลังพูดถึง ความเคารพนับถือ ในยุคสมัยปัจจุบันที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความรวดเร็ว และการแข่งขันนั้น นิยามคำว่า “ความเคารพนับถือ” อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเคยเข้าใจความหมายของมันในแบบเดิม ๆ อีกต่อไป
เพราะความเคารพนับถือ สำหรับคนสมัยก่อน มันคงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสดงออกถึงความนับถือ หรือเคารพของใครคนหนึ่งที่มีต่อใครอีกคนหนึ่งอย่างแท้จริง อาจจะด้วยความที่เขาคนนั้นมีความอาวุโส หรือวัยวุฒิที่มากกว่า มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากกว่า
ผู้น้อย จึงหมายถึง คนอายุน้อยกว่าให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ให้ความเคารพนับถือผู้ที่อาวุโสกว่าอีกทอดหนึ่ง มันเป็นเหมือนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่เราต่างทำสืบต่อกันมาหลายช่วงปี
แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนผ่านจากสังคมแห่งความประนีประนอม ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน มาเป็นสังคมแห่งการแข่งขันในทุก ๆ ด้านของชีวิต ซึ่งสังคมที่ว่านี้ ให้ความสำคัญกับความสามารถส่วนตัวของคนใดคนหนึ่ง มากกว่าองค์รวมของสังคมนั้น ๆ เสมือนหนึ่งว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ภายในสังคมแห่งนี้ต้องมีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลาทั้งแข่งกับตัวเอง และผู้อื่นอยู่เสมอ สำหรับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบนี้ มันก็คงไม่มีผิดหรือถูก จะมีก็เพียงแต่เราจะอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่เท่านั้นเอง
พวกเราแข่งขันขยันทำงานเพื่อให้ก้าวหน้ามากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เราแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต นอกจากนั้นพวกเรายังแข่งขันการสร้างภาระหนี้สินกองใหญ่ บ้านหลังโต รถคันใหม่ กระเป๋าแบรนด์หรู ฯลฯ เพื่อแลกกับความภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าตัวเราเองนั้น ก็มีฐานะดีเหมือนคนอื่นเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าความรุนแรงของการแข่งขันทวีเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน มันจึงส่งผลโดยตรง ต่อความเคารพนับถือที่เรามีให้กับผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากถามว่าในสังคมแห่งการแข่งขันเช่นนี้ ยังพอมีความเคารพนับถืออยู่ภายในจิตใจของคนอยู่หรือไม่?
คำตอบของคำถามนี้ก็คือ หากเราสังเกตให้ดี คนในยุคสมัยนี้มักให้ความเคารพนับถือ เฉพาะคนที่มีความสามารถเหนือกว่า หรือเก่งกว่าพวกเขาเท่านั้น ลำดับความอาวุโส ประสบการณ์การใช้ชีวิต กำลังถูกคลื่นแห่งการแข่งขันนี้ พัดกวดจมหายไปในทะเลที่ชุ่มไปด้วยเลือดทั้งของตัวเราเอง และของผู้อื่นซึ่งเป็นคู่แข่งของเรา
ทั้งมันยังส่งผลไปสู่ความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งในสังคมภายนอก และสังคมภายในครอบครัว เสมือนหนึ่งว่าพวกเราไม่เคยให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน
เราจึงเห็นคนหนุ่มรุ่นน้องไฟแรง แสดงความสามารถเหนือรุ่นพี่ รวมถึงการให้เกียรติแก่รุ่นพี่ก็ลดน้อยลงตามกันไป เราขาดความเคารพนับถือผู้อื่น เพียงแค่เขาอาจจะดูเหมือนว่าจะมีความสามารถน้อยกว่าเราเท่านั้น ทั้งที่บางทีเขาอาจมีประสบการณ์มากพอ ที่จะช่วยเหลือเราได้ในยามที่เราเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ใจเราถูกปิดกั้นด้วยคำว่า “เอาชนะ” จนบางครั้งเรามองข้ามสิ่งดี ๆ รอบ ๆตัวไป
จึงไม่แปลกที่คนในยุคสมัยนี้ จะรู้สึกเติมไม่เต็มในความสุข ไม่รู้สึกว่าชนะแม้แข่งขันชนะ แต่จะรู้สึกว่าแพ้แม้ว่าพ่ายในเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นเพราะจิตใจของพวกเขาเปราะบางเกินกว่าจะยอมรับพ่ายแพ้ใด ๆ ได้
นอกจากพวกเขาจะขาดความเคารพต่อผู้อื่นแล้ว บางทีสาเหตุสำคัญอาจมาจาก การที่พวกเขาขาดความเคารพนับถือในตัวเองเช่นเดียวกัน เพราะการไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ใด ๆ ได้เลยในชีวิต อาจเกิดจากการมองไม่เห็นคุณค่าและความสามารถในตัวเอง หรือขาดความยืดหยุ่นในความคิดยอมรับ สำหรับบางสิ่งที่ไม่เป็นไปดั่งคาดหวัง การกระทำเช่นนี้ อาจเป็นผลมาจาการไม่นับถือตัวเอง
จึงสรุปได้ว่า ความเคารพนับถือไม่ว่าจะมีต่อตัวเอง หรือผู้อื่น ต่างมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรมีติดตัวกันไว้ และใช้มันอย่างรู้คุณค่าในช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมกับการพัฒนาตัวเองให้พร้อมกับการแข่งขันที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้น แล้วชีวิตก็จะสามารถเดินไปยังจุดหมายในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะชีวิตของเราคงไม่ได้มีเฉพาะแค่การแข่งขันเท่านั้น จริงไหม!
Cr. เปลือกชีวิต The Series (Series ที่จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น) By ดช.จุ่น
ติดตามบทความอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เปลือกชีวิต The Series 14 (ต่างมุมมองของความรัก) https://ppantip.com/topic/40096065
เปลือกชีวิต The Series 15 (คุณคือเหยื่อของความทุกข์หรือเปล่า?) https://ppantip.com/topic/40113655
เปลือกชีวิต The Series 16 (ตะกอน..ในใจ) https://ppantip.com/topic/40135021
เปลือกชีวิต The Series 17 (ร่องรอย..แห่งความทรงจำ) https://ppantip.com/topic/40151227
เปลือกชีวิต The Series 18 (ซ่อม..ความสุข!) https://ppantip.com/topic/40172492
เปลือกชีวิต The Series 19 (จากมายา..สู่ปัญญา) https://ppantip.com/topic/40188234
เปลือกชีวิต The Series 20 (ด้วยความเคารพ..อย่างสูง!)
เพราะความเคารพนับถือ สำหรับคนสมัยก่อน มันคงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสดงออกถึงความนับถือ หรือเคารพของใครคนหนึ่งที่มีต่อใครอีกคนหนึ่งอย่างแท้จริง อาจจะด้วยความที่เขาคนนั้นมีความอาวุโส หรือวัยวุฒิที่มากกว่า มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากกว่า
ผู้น้อย จึงหมายถึง คนอายุน้อยกว่าให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ให้ความเคารพนับถือผู้ที่อาวุโสกว่าอีกทอดหนึ่ง มันเป็นเหมือนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่เราต่างทำสืบต่อกันมาหลายช่วงปี
แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนผ่านจากสังคมแห่งความประนีประนอม ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน มาเป็นสังคมแห่งการแข่งขันในทุก ๆ ด้านของชีวิต ซึ่งสังคมที่ว่านี้ ให้ความสำคัญกับความสามารถส่วนตัวของคนใดคนหนึ่ง มากกว่าองค์รวมของสังคมนั้น ๆ เสมือนหนึ่งว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ภายในสังคมแห่งนี้ต้องมีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลาทั้งแข่งกับตัวเอง และผู้อื่นอยู่เสมอ สำหรับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบนี้ มันก็คงไม่มีผิดหรือถูก จะมีก็เพียงแต่เราจะอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่เท่านั้นเอง
พวกเราแข่งขันขยันทำงานเพื่อให้ก้าวหน้ามากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เราแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต นอกจากนั้นพวกเรายังแข่งขันการสร้างภาระหนี้สินกองใหญ่ บ้านหลังโต รถคันใหม่ กระเป๋าแบรนด์หรู ฯลฯ เพื่อแลกกับความภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าตัวเราเองนั้น ก็มีฐานะดีเหมือนคนอื่นเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าความรุนแรงของการแข่งขันทวีเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน มันจึงส่งผลโดยตรง ต่อความเคารพนับถือที่เรามีให้กับผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากถามว่าในสังคมแห่งการแข่งขันเช่นนี้ ยังพอมีความเคารพนับถืออยู่ภายในจิตใจของคนอยู่หรือไม่?
คำตอบของคำถามนี้ก็คือ หากเราสังเกตให้ดี คนในยุคสมัยนี้มักให้ความเคารพนับถือ เฉพาะคนที่มีความสามารถเหนือกว่า หรือเก่งกว่าพวกเขาเท่านั้น ลำดับความอาวุโส ประสบการณ์การใช้ชีวิต กำลังถูกคลื่นแห่งการแข่งขันนี้ พัดกวดจมหายไปในทะเลที่ชุ่มไปด้วยเลือดทั้งของตัวเราเอง และของผู้อื่นซึ่งเป็นคู่แข่งของเรา
ทั้งมันยังส่งผลไปสู่ความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งในสังคมภายนอก และสังคมภายในครอบครัว เสมือนหนึ่งว่าพวกเราไม่เคยให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน
เราจึงเห็นคนหนุ่มรุ่นน้องไฟแรง แสดงความสามารถเหนือรุ่นพี่ รวมถึงการให้เกียรติแก่รุ่นพี่ก็ลดน้อยลงตามกันไป เราขาดความเคารพนับถือผู้อื่น เพียงแค่เขาอาจจะดูเหมือนว่าจะมีความสามารถน้อยกว่าเราเท่านั้น ทั้งที่บางทีเขาอาจมีประสบการณ์มากพอ ที่จะช่วยเหลือเราได้ในยามที่เราเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ใจเราถูกปิดกั้นด้วยคำว่า “เอาชนะ” จนบางครั้งเรามองข้ามสิ่งดี ๆ รอบ ๆตัวไป
จึงไม่แปลกที่คนในยุคสมัยนี้ จะรู้สึกเติมไม่เต็มในความสุข ไม่รู้สึกว่าชนะแม้แข่งขันชนะ แต่จะรู้สึกว่าแพ้แม้ว่าพ่ายในเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นเพราะจิตใจของพวกเขาเปราะบางเกินกว่าจะยอมรับพ่ายแพ้ใด ๆ ได้
นอกจากพวกเขาจะขาดความเคารพต่อผู้อื่นแล้ว บางทีสาเหตุสำคัญอาจมาจาก การที่พวกเขาขาดความเคารพนับถือในตัวเองเช่นเดียวกัน เพราะการไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ใด ๆ ได้เลยในชีวิต อาจเกิดจากการมองไม่เห็นคุณค่าและความสามารถในตัวเอง หรือขาดความยืดหยุ่นในความคิดยอมรับ สำหรับบางสิ่งที่ไม่เป็นไปดั่งคาดหวัง การกระทำเช่นนี้ อาจเป็นผลมาจาการไม่นับถือตัวเอง
จึงสรุปได้ว่า ความเคารพนับถือไม่ว่าจะมีต่อตัวเอง หรือผู้อื่น ต่างมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรมีติดตัวกันไว้ และใช้มันอย่างรู้คุณค่าในช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมกับการพัฒนาตัวเองให้พร้อมกับการแข่งขันที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้น แล้วชีวิตก็จะสามารถเดินไปยังจุดหมายในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะชีวิตของเราคงไม่ได้มีเฉพาะแค่การแข่งขันเท่านั้น จริงไหม!
Cr. เปลือกชีวิต The Series (Series ที่จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น) By ดช.จุ่น
ติดตามบทความอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้