kbnak มี
(๑) ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,392,260,192 หุ้นๆละ(พาร์) 10.00 จำนวนเงิน 23,922.60 ล้านบาท; และ
(๓) ณ 31/8/2563 ได้ซื้อหุ้นคืน 23,392,600 หุ้น หรือ 1% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
(๔) จำนวนเงินหุ้นซื้อคืน 3,207.97 ล้าบบาท เฉลี่ยประมาณหุ้นละ "3,207.97/23.3926 = 137.14 บาทต่อหุ้น
เมื่อครบกำหนดจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน ได้ประกาศเมื่อ 30/7/2563 จะขายหุ้นซื้อคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ระหว่าง 31/8/2563 - 16/9/2563
ซึ่งราคาในกระดานระหว่าง 31/8 - 16/9/2563 สูงสุด 88.00 และ ต่ำสุด 79.25 บนสมมติฐานที่ราคาเฉลี่ย "
88.00 + 79.25)/2 = 83.60 บาท" ต่อหุ้น ณ ราคานี้ 83.60 จะได้เงิน "23.9326*83.60 = 2,000.76 ล้านบาท" จะขาดทุน "2,000.76 - 3,207.97 = -1,207.21 ล้านบาท"
ด้วยเหตุนี้ ณ 18/9/2563 คณะกรรมการผู้บริหารได้ประกาศ
เปลี่ยนแปลงจากขายหุ้นในกระดาน มาเป็น "ลดทุนจดทะเบียนขำระแล้ว" แทน ซึ่งจะมีผลกระทบต่องบใน "ส่วนผู้ถือหุ้น" ดังนี้
(๑) ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,392,260,192 หุ้น ลดลงเป็น "2,392,260,192 - 23,932,600 = 2,368,327,592 หุ้น"
(๒) เท่ากับบริษัทได้ซื้อหุ้นคืนที่ราคา 137.14 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาพาร์ 10.00 จะเกิดส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 136.14 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน
3,258.18 ล้านบาท
(๓) ณ 30/6/2563 มี "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น 18,103.11 ล้านบาท" หักขาดทุนซื้อหุ้นคืน เหลือ 18,103.11 - 3,258.18 = 14,844.93 ล้านบาท"
(๔) ส่วนผู้ถือหุ้น ณ 30/6/2563 จำนวน 402,386.33 ลดลง "402,386.33 - 3,258.18 = 399,128.19 ล้านบาท"
ส่วนที่ขาดทุน -3,258.18 ล้านบาท จะไม่บันทึกเป็นรายจ่าย ฉะนั้นจะไม่มีผลต่อตัวเลขกำไรขาดทุนในใตรมาส 3/2563 ด้วยบริษัทมีกำไรสะสม
344,494.10 ล้านบาท ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการจ่ายปันผลในภาวะปกติ
ด้วยความปรารถนาดี
KBANK : จำหน่ายหุ้นซื้อคืนโดยลดทุนจดทะเบียน มีผลอย่างไรบ้าง
kbnak มี
(๑) ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,392,260,192 หุ้นๆละ(พาร์) 10.00 จำนวนเงิน 23,922.60 ล้านบาท; และ
(๓) ณ 31/8/2563 ได้ซื้อหุ้นคืน 23,392,600 หุ้น หรือ 1% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
(๔) จำนวนเงินหุ้นซื้อคืน 3,207.97 ล้าบบาท เฉลี่ยประมาณหุ้นละ "3,207.97/23.3926 = 137.14 บาทต่อหุ้น
เมื่อครบกำหนดจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน ได้ประกาศเมื่อ 30/7/2563 จะขายหุ้นซื้อคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ระหว่าง 31/8/2563 - 16/9/2563
ซึ่งราคาในกระดานระหว่าง 31/8 - 16/9/2563 สูงสุด 88.00 และ ต่ำสุด 79.25 บนสมมติฐานที่ราคาเฉลี่ย "88.00 + 79.25)/2 = 83.60 บาท" ต่อหุ้น ณ ราคานี้ 83.60 จะได้เงิน "23.9326*83.60 = 2,000.76 ล้านบาท" จะขาดทุน "2,000.76 - 3,207.97 = -1,207.21 ล้านบาท"
ด้วยเหตุนี้ ณ 18/9/2563 คณะกรรมการผู้บริหารได้ประกาศ
เปลี่ยนแปลงจากขายหุ้นในกระดาน มาเป็น "ลดทุนจดทะเบียนขำระแล้ว" แทน ซึ่งจะมีผลกระทบต่องบใน "ส่วนผู้ถือหุ้น" ดังนี้
(๑) ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,392,260,192 หุ้น ลดลงเป็น "2,392,260,192 - 23,932,600 = 2,368,327,592 หุ้น"
(๒) เท่ากับบริษัทได้ซื้อหุ้นคืนที่ราคา 137.14 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาพาร์ 10.00 จะเกิดส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 136.14 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน
3,258.18 ล้านบาท
(๓) ณ 30/6/2563 มี "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น 18,103.11 ล้านบาท" หักขาดทุนซื้อหุ้นคืน เหลือ 18,103.11 - 3,258.18 = 14,844.93 ล้านบาท"
(๔) ส่วนผู้ถือหุ้น ณ 30/6/2563 จำนวน 402,386.33 ลดลง "402,386.33 - 3,258.18 = 399,128.19 ล้านบาท"
ส่วนที่ขาดทุน -3,258.18 ล้านบาท จะไม่บันทึกเป็นรายจ่าย ฉะนั้นจะไม่มีผลต่อตัวเลขกำไรขาดทุนในใตรมาส 3/2563 ด้วยบริษัทมีกำไรสะสม
344,494.10 ล้านบาท ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการจ่ายปันผลในภาวะปกติ
ด้วยความปรารถนาดี