ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์

รถไฟแห่งจุดจบของโลก

ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ นอกเหนือจากเทือกเขา Andes ยังมีบางส่วนของเมือง Ushuaia ที่สวยงามและมีสีสัน ซึ่งได้รับการยกย่องจากเมืองใต้สุดของโลกนี้ และไม่ไกลจากเมืองในเขตชานเมืองมีรถไฟไอน้ำขนาดเล็กที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับอาณานิคมทางอาญาของUshuaia  วันนี้ทางรถไฟ Southern Fuegian ที่แล่นไปตามหุบเขา Pico Valley ที่งดงามผ่านป่าทึบ Toro gorge เข้าไปในอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม
 
เกาะ Isla Grande de Tierra del Fuego เป็นที่ตั้งของ Ushuaia  หนึ่งในภูมิภาคสุดท้ายในอเมริกาที่ตกเป็นอาณานิคม ถูกค้นพบครั้งแรกโดย Ferdinand Magellan ในปี 1520 และตั้งชื่อหมู่เกาะนี้ว่า “Tierra del Fuego” หมายถึง "ดินแดนแห่งไฟ" มาจากเมื่อตอนขึ้นเกาะเขาเห็นไฟและควันจากหมู่บ้านของชาวพื้นเมืองบนเกาะ 
 
มีชาวยุโรป 2-3 คนที่พยายามขึ้นฝั่งและนำโรคต่างๆมาบนเกาะจนเกือบจะกวาดล้างประชากรพื้นเมือง เช่นไข้ทรพิษและโรคหัดซึ่งชาวพื้นเมืองไม่มีภูมิคุ้มกัน จนกระทั่งในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ผู้ตั้งถิ่นฐานและผู้สอนศาสนากลุ่มแรกก็มาถึงเมืองและเมืองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ 
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 รัฐบาลอาร์เจนตินาใช้ Isla Grande de Tierra del Fuego  เป็นอาณานิคมทัณฑ์บนเพื่อกักขังอาชญากรอันตราย เรือนจำ
ได้รับการออกแบบในสไตล์ panopticon โดยมีปีกที่แผ่ออกมาเหมือนซี่ล้อและหอคอยกลางซึ่งผู้คุมสังเกตเห็นผู้ต้องขังได้รอบทิศทาง เนื่องจากเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวการหลบหนีจึงแทบเป็นไปไม่ได้  เมื่อเวลาหมุนผ่านไปเหล่านักโทษก็กลายเป็นผู้อยู่อาศัยในอาณานิคมของ Isla Grande de Tierra del Fuego โดยไม่เต็มใจ  พวกเขาเริ่มสร้างเมืองด้วยไม้จากป่ารอบ ๆ คุก และสร้างทางรถไฟเพื่อขนส่งวัสดุก่อสร้างรองรับการตั้งถิ่นฐาน
 
ทางรถไฟดั้งเดิมถูกสร้างด้วยรางไม้ที่ใช้วัวลากเกวียน ในปี 1909 เจ้าหน้าที่เรือนจำได้ปรับแนวให้แคบลงด้วยรางเหล็กและรถจักรไอน้ำ แนววิ่งเลียบชายฝั่งจากเรือนจำไปยังป่า เพื่อให้นักโทษสามารถไปนำฟืนมาใช้ในการทำความร้อนและทำอาหารรวมทั้งไม้สำหรับสร้างที่อยู่อาศัย โดยรถไฟเป็นที่รู้จักในชื่อ Tren de los Presos  หรือ "Train of the Prisoners"
 
เมื่อไม้หมดทางรถไฟก็ค่อยๆขยายเข้าไปในป่าในพื้นที่ห่างไกลมากขึ้น ตามแนวหุบเขาของแม่น้ำ Pipo เข้าไปในภูมิประเทศที่สูงขึ้น ส่วนตัวอาคารเรือนจำที่ยังคงอยู่อนุญาตให้มีการเพิ่มเติมออกไปจากเมือง  โดยให้นักโทษขายสินค้าและการบริการทั้งหมดของเมือง
 
 
ภาพวาดแผนผังของคุก panopticon ของ Jeremy Bentham โดยWilley Reveleyในปี 1791
Cr.en.wikipedia.org/



 
เรือนจำปิดในปี1947  และในปี1950 มีการจัดตั้งฐานทัพเรือใน Ushuaia เมืองนี้ยังคงถูกตัดขาดจากส่วนที่เหลือของโลกจนกระทั่งหลังสิ้นสุดสงคราม Falkland War ในปี 1982 และเมื่อมีการสถาปนาประชาธิปไตยในอาร์เจนตินา  ทางรถไฟที่ถูกลืมมานานถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยมาตรวัดแบบ 500 มม. และเปิดตัวอีกครั้งในฐานะรถไฟท่องเที่ยว เปลี่ยนชื่อเป็นรถไฟ Southern Fuegian Railway หรือTren del Fin del Mundo (รถไฟแห่งจุดจบของโลก) เป็นรถไฟที่ถูกใช้งานในทางใต้สุดในโลก
 
Tren del Fin del Mundo พาผู้โดยสารผ่านภูมิประเทศที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติ Tierra del Fuego ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ผ่านป่าทึบและแม่น้ำในอดีต ผู้โดยสารสามารถเยี่ยมชมเรือนจำเก่าซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานีหลักของทางรถไฟ จากนั้นนั่งรถไปตามเส้นทางเก่าที่สร้างโดยนักโทษ
ที่มา Wikipedia, https://en.wikipedia.org/wiki/S Southern_Fuegian_Railway
Cr.ภาพ railwaysofthefarsouth.co.uk ,Deensel / Flickr
Cr.https://www.amusingplanet.com/2020/09/the-train-of-end-of-world.html / KAUSHIK PATOWARY 




รถไฟไฟฟ้าริมทะเล

 
เป็นเวลาห้าปีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีสถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลแปลก ๆ ที่เมือง Brighton บนชายฝั่งทางใต้ของอังกฤษ มันเป็นรถไฟไฟฟ้าและเป็นส่วนขยายของ Volk's Electric Railway ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วซึ่งวิ่งอยู่ริมทะเล เฉพาะส่วนนี้เท่านั้นที่วิ่งใต้น้ำ
 
เพื่อดึงดูดความสนใจผู้คนในเมือง วิศวกรรถไฟชาวอังกฤษ Magnus Volk  ได้เปิดทางรถไฟท่องเที่ยวแคบ ๆ ที่วิ่งไปตามชายหาดของเมืองที่ไหลผ่านช่องแคบอังกฤษ  Volk's Electric Railway ที่ตั้งชื่อโดยตัวของมันเองเปิดให้บริการในปี1883 วิ่งไปไกลถึง Paston Place  แต่แผนของ Volk คือการนำมันไปสู่ ​​Rottingdean ซึ่งมีอุปสรรคเดียวคือภูมิศาสตร์   
 
การขยายทางรถไฟออกไปอีกสามไมล์จะต้องใช้ความสูงชันเพื่อข้ามหน้าผาหรือทำให้ต่ำเพื่อลอดอุโมงค์ใต้ Magnus Volk อย่างใดอย่างหนึ่ง จนในปี 1892  Volk ตัดสินใจว่าทางออกที่คุ้มค่าที่สุดคือการสร้างทางรถไฟที่เดินทางผ่านทะเล
 
การก่อสร้างทางรถไฟเริ่มต้นในปี 1894  ประกอบด้วยรางรถไฟ 2 รางขนาด 2 ฟุต8½นิ้ว ขนานกับรางด้านนอกห่างกัน 18 ฟุต ทำให้เป็นรางรถไฟโดยสารที่กว้างที่สุดที่เคยสร้างมา  ล้อเลื่อนที่ใช้ในทางรถไฟประกอบด้วยรถคันเดียวชื่อ “Pioneer" ยาว 45 ฟุตกว้าง 22 ฟุต อยู่บนขายาวสี่ขาสูงเหนือราง 23 ฟุตเพื่อป้องกันรถไฟและผู้โดยสาร  พลังงานถูกจ่ายโดยสายไฟฟ้าเหนือศีรษะที่ใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 25 แรงม้าสองตัว เพื่อขับเคลื่อนล้อรถ
เส้นทางดังกล่าววิ่งจากหน้าผาไปเกือบ 200 ฟุตทำให้นักเดินทางได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลด้านหน้า
  
The Brighton and Rottingdean Seashore Electric Railway หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ Daddy Long-Legs” จริงๆแล้วเป็นเรือ จำเป็นต้องมีกัปตันเป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใดที่จะเดินทางผ่านทะเลได้อย่างปลอดภัย  “Pioneer" ยังมีเสื้อชูชีพและเรือชูชีพจำนวนหนึ่งสำหรับผู้โดยสารด้วย
 
ทางรถไฟเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน1896  แต่เพียง 6 วันต่อมาทางรถไฟได้รับความเสียหายในช่วงพายุรุนแรงทำให้ต้องหยุดให้บริการเป็นเวลา
8 เดือนและเกือบทำให้ Magnus Volk สูญเสียทางการเงินกลายเป็นเรื่องที่ Volk ไม่ได้คาดการณ์ไว้  สภาพอากาศเลวร้ายทำให้เกิดการเสียบ่อยจนรบกวนตารางเวลาหลายสัปดาห์ซึ่งหลังๆทางรถไฟยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก  Volk คิดว่าในช่วงน้ำลงรถจะวิ่งแบบช้าๆสบาย ๆ มอเตอร์รุ่นใหม่และทรงพลังน่าจะแก้ปัญหานี้ได้ แต่เขาขาดเงินทุน
 
แม้จะมีข้อบกพร่องและอาจเกิดอันตรายจากการเดินทางแต่ผู้คนหลายหมื่นคนก็เดินทางมาในแต่ละปี  หลังจากที่เจ้าชายแห่งเวลส์และกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในอนาคตออกเดินทางด้วยรถรางในปี1898  มีรายงานว่าเขา “ พอใจกับความแปลกใหม่ของงานนี้มากและยังรู้สึกยินดีที่ได้เดินทางผ่านทะเล ”



 
ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษใหม่ Volk ต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ของเมืองแจ้งว่าพวกเขาต้องการสร้างแนวป้องกันชายหาดด้วยการสร้างร่องคอนกรีตใหม่สองแห่งซึ่งหมายความว่า Volk ต้องย้ายแนวทางรถไฟไปยังน้ำที่ลึกกว่ามาก  การลงทุนนี้เกินความจำเป็นของบริษัทที่จะออกให้ Volk จึงต้องปิดทางรถไฟโดยไม่มีทางเลือก
 
 “Pioneer" ถูกทิ้งให้ผุพังจนถูกขายเป็นเศษเหล็กในปี 1910 ปัจจุบันความพยายามอันกล้าหาญนี้ยังคงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยกับบล็อกคอนกรีตบางส่วน
ที่รองรับรางที่ปรากฏในช่วงน้ำลงและเสาไม้สองสามอัน ที่รองรับสายไฟเหนือศีรษะ
 
ในอีกทางหนึ่ง Volk's Electric Railway ยังคงให้บริการและเป็นรถไฟไฟฟ้าที่วิ่งยาวที่สุดในโลก หลังจากการปิดทางรถไฟริมฝั่งทะเล Brighton และ Rottingdean ทางรถไฟสายไฟฟ้าของ Volk ก็ขยายขึ้นบกไปยัง Black Rock ซึ่งครอบคลุมระยะทางเดียวกับที่ทางรถไฟวิ่งในทะเล       
ที่มา en.wikipedia.org/
Cr.https://www.amusingplanet.com/2020/01/brighton-and-rottingdean-seashore.html / KAUSHIK PATOWARY




 
 รถไฟที่ให้กำเนิดเคนยา

 
เมื่อกว่าร้อยปีก่อนที่ชาวยุโรปจะก้าวไปสู่สิ่งที่ตอนนี้คือเคนยาผู้เผยพระวจนะของชนเผ่าชื่อ Kimnyole ได้พูดถึง "งูเหล็ก" ที่ร้ายกาจซึ่งจะเลื้อยไปตามที่ราบหญ้ากินวัวควายปล้นดินแดนและสร้างความหายนะในระหว่างทาง. เขากล่าวว่าสัตว์ร้ายจะนำชาวต่างชาติที่มีผมสีแดงแปลก ๆมาปกครองดินแดนของพวกเขา แม้ว่า Kimnyole จะไม่สามารถรู้รายละเอียด แต่คำทำนายของเขาก็ชัดเจนในความยากลำบากกับผู้คนของเขา
 
“ งูเหล็ก” คือรถไฟสายเคนยา - อูกันดา หรือ“ Lunatic Express” ตามที่สื่อมวลชนอังกฤษเรียก เพราะใช้ทุนทและชีวิตมนุษย์จำนวนมหาศาลในระหว่างการก่อสร้าง ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ต่อต้านการสร้างทางรถไฟ ความที่มีชัยจากชนเผ่าใกล้เคียงชาว Nandi จึงทำสงครามกับคนผิวขาวและในที่สุดก็ยอมแพ้ต่ออาวุธสมัยใหม่   คำทำนายของ Kimnyole เป็นจริง“ งูเหล็ก” ได้เปลี่ยนแปลงดินแดนและชีวิตของชาว Nandi ไปตลอดกาล
 
ทางรถไฟเริ่มขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่มหาอำนาจของยุโรปเข้ามาแย่งชิงดินแดนแอฟริกา และชาวอาณานิคมในยุโรปหลายคนได้ตั้งเสาการค้าเล็ก ๆ ตามแนวชายฝั่ง  ทำให้ชาวอังกฤษส่วนใหญ่อยู่ในอียิปต์ แอฟริกาใต้และแอฟริกาตะวันออก ภูมิภาคที่กว้างใหญ่บนชายฝั่งตะวันออกซึ่งต่อมาจะแตกออกเป็น 20 ประเทศ
 
ฝรั่งเศสยึดครองแอฟริกาตะวันตกและค่อยๆรุกเข้าภายในของแอฟริกา เป้าหมายคือการสร้างอาณาจักรที่ทอดยาวจากตะวันออกไปตะวันตก
อังกฤษพยายามขัดขวางโดยการสร้างทางรถไฟเชื่อมท่าเรือ Mombasa ไปยังชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบวิกตอเรียซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำไนล์เพื่อป้องกันไม่ให้ชาติใดก่อตั้งอาณาจักร ในที่สุดก็ควบคุมแม่น้ำไนล์ได้ ทำให้มีข้อได้เปรียบทางการค้าอย่างมาก



ในเดือนธันวาคม1895 George Whitehouse วิศวกรชาวอังกฤษได้รับมอบหมายให้สร้างทางรถไฟเคนยา - ยูกันดา ไปยังท่าเรือ Mombasa โดยมีเพียงภาพร่างของเส้นทางเท่านั้น ความยาวกว่าพันกม.นี้เป็นหนึ่งในโครงการวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นโดยอังกฤษ  ซึ่ง George พบว่าโครงการจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมากเพราะทางตะวันตกของท่าเรือเป็นพื้นที่ที่ไม่มีน้ำ ทุ่งหญ้าสะวันนาที่ทางผ่านก็เต็มไปด้วยสิงโตและยุง  บริเวณที่สูงของภูเขาไฟก็เป็นพื้นที่ต่างระดับทั้งที่ลุ่มและทางชัน 
 
การก่อสร้างทางรถไฟเริ่มขึ้นในปี1896 และเส้นทางดังกล่าวได้ดำเนินไปสู่จุดสิ้นสุดบนชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบวิกตอเรียในอีกห้าปีต่อมา ทำให้เมืองชายฝั่งทะเลที่เงียบสงบของ Mombasa ถูกเปลี่ยนเป็นท่าเรือที่ทันสมัยอย่างรวดเร็ว  ทางรถไฟยังคงใช้งานต่อไปเป็นเวลา 116 ปีจนถึงปี 2017 เมื่อรถไฟขบวนสุดท้ายวิ่งระหว่าง Mombasa และ Nairobi เส้นทางนี้จึงถูกยึดครองโดยบริการรถไฟที่เร็วกว่าซึ่งมีเส้นที่วิ่งขนานไปกับรถไฟยูกันดาเดิม
Cr.ภาพ Thee Agora
Cr.https://www.amusingplanet.com/2019/03/lunatic-express-train-that-gave-birth.html / KAUSHIK PATOWARY (อ่านเพิ่มเติม)
 
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่