โพธิปัฏขิยธรรม ๓๗ ประการ หาใช่เพียง แต่รู้เฉยๆ หรือสักแต่ปล่อยวาง แลัวจะเจริญขี้นได้ ยกเว้นแต่ผู้ที่ผู้ที่เจริญถึงพร้อม

โพธิปัฏขิยธรรม ๓๗ ประการ หาใช่เพียง แต่รู้เฉยๆ  หรือสักแต่ปล่อยวาง แลัวจะเจริญขี้นได้ ยกเว้นแต่ผู้ที่ผู้ที่เจริญถึงพร้อมอยู่แล้ว อย่างเข่นพระพาหิยะ  ด้วยการสั่งบารมีมาอย่างยาวนานถึง แสนมหากัป

     และท่านก็ไม่ได้มาด้วยง่ายๆ   เพราะอดีตชาติของท่าน เมื่อตอนปลายยุคของพระพุทธเจ้า กัสสปะพุทธเจ้า ท่านก็เคยบวชเป็นพระ  รวมกับพระเพี่อนๆ ๗ หรือ ๕ รูป ได้ตัดสินใจ ขึ้นไปปฏิบัติธรรมในถ้ำบนหน้าผา  และผลักบันไดทางขึ้นทิ้งไป โดยหมายมั่นว่า จะปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งและไม่รับภัตตาหารใดๆ จนกว่าบรรลุธรรม แล้วก็มีพระเพียง ๒ รูป ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ และพระอนาคามี มีอภิญญา ๕ ก็เป็นการชี้ให้เห็นว่า พระกลุ่มนี้ดำเนินปฏิบติธรรมตามธรรมวินัยอย่างถูกต้องทั้งสมถะและวิปัสสนาจริง  
      พระอริยทั้งสองรูป ต่างก็ใช้ฤทธิแห่งตน เหาะไปรับบิณฑบาต  นำมาให้กับพระที่เหลือ แต่พระที่เหลือต่างก็ไม่รับปัตตาหาร กล่าวว่า ต่างก็ได้ตั่งเจตณาไว้แล้วว่าจะไม่รับปัตตาหารถ้ายังไม่บรรลุธรรม พระอริยะทั้งสองก็ต้องหลีกจากไป  พระท่านที่เหลือก็ปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งจนมรณะ ในถ้ำนั้น

      ดังนั้นท่านทั้งหลายในยุคปัจจุบันก็จงอย่าคิดว่า หรือเห็นไปว่า  เพียงรู้เฉยๆ หรือสักแต่เห็น สักแต่ได้ยิน สักแต่รู้ สักแต่จะปล่อยวาง ก็จะบรรลุธรรมแม้ขั้นต่ำอย่างโสดาบันได้ โดยที่โพธิปัฏขิยธรรม ๓๗ ประการยังไม่เจริญขึ้นจนบริบูรณ์ได้
      เพราะแม้แต่ พละ ๕ อันได้แก่  ๑,สติ ๒,สมาธิ ๓,ปัญญา ๔,ศรัทธา ๕,ความเพียร ที่เป็นเพียงส่วนหนึงในโพธิปัฏขิย ๓๗ ก็ย่อมเจริญขึ้นไม่ได้หรือสมบูรณ์ไม่ได้  ก็จะมีแต่ธรรมเบื้องต้นเท่านั้นที่เชื่อหรือศรัทธาเบื้องต้นตามๆ กันไป   แต่ก็ยังดี เมื่อมองในองค์รวมของพุทธศาสนา ที่เสียเวลาและโอกาศบางส่วนไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่