จากข่าว สาวเดือด แฉเจ้าอาวาสแช่งให้วิบัติ ง้างมือจะตบ เหตุเพราะซองเงิน!
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_4904164
มีคนจำนวนมากที่เห็นพระประพฤติปฏิบัติผิดอย่างไม่ถูกใจตน ก็จะด่าพระที่ทำไม่ถูกใจว่า นี่ไม่ใช่พระแล้ว ไม่ควรอยู่ในผ้าเหลืองแล้ว สึกเถอะ
ทั้งที่จริงก็มีพระธรรมวินัยบัญญัติไว้แล้วว่า ปาราชิก 4 บุคคลที่ขาดจากสภาพความเป็นพระมีอะไรบ้าง นั่นคือ
1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉาน (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์ แม้แต่ซากศพก็ไม่ละเว้น)
2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก (5 มาสกเท่ากับ 1 บาท)
3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือกระทำเอง หรือจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้น ๆ ยินดีที่จะตาย (โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่เว้นแม้แต่การแท้งเด็กในครรภ์
4.กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวเองว่า เรารู้อย่างนี้ เราเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)ยกเว้นเข้าใจตัวเองผิด
และข้อ 4 นี่มีคนจำนวนมากที่ไม่เข้าใจ เข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง บางทีเจอแค่พระทำนายฝัน ดูหมอตามตำรา ก็เหมารวมว่าอวดอุตริมนุษยธรรม
อุตริมนุสธรรม หรือ อุตริมนุษยธรรม แปลว่า ธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ หรือธรรมของมนุษย์ผู้ยวดยิ่ง ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้ มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว ซึ่งก็คือ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล
อุตริมนุษยธรรม ที่กล่าวถึงนี้ คือ ธรรมระดับฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล
ประเภทดูดวงทั่วๆไป ไม่ใช่การอวดอุตริมนุษยธรรมหรอก แต่ก็ถือว่าผิดศีลอยู่ระดับนึงในขั้นที่ไม่ร้ายแรง ไม่ใช่ปาราชิกและสังฆาทิเสส
เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังสำเร็จการเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตผิด เพราะทำเดรัจฉานวิชา เห็นปานนี้อยู่, คืออะไรบ้าง ? คือทายลักษณะในร่างกายบ้าง ทายนิมิตลางดีลางร้ายบ้าง ทายอุปปาตะ คือของตกบ้าง ทำนายฝัน ทายชะตา ทายผ้าหนูกัด ทำพิธีโหมเพลิง ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดโปรยแกลบ ทำพิธีซัดโปรยรำ ทำพิธีซัดโปรยข้าวสาร ทำพิธีจองเปรียง ทำพิธีจุดไฟบูชา ทำพิธีเสกเป่า ทำพิธีพลีด้วยโลหิตบ้าง เป็นหมอดูอวัยวะร่างกาย หมอดูภูมิที่ตั้งบ้านเรือน ดูลักษณะไร่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอทำยันต์กันบ้านเรือน หมองู หมอดับพิษ หมอแมลงป่อง หมอหนูกัด หมอทายเสียงนก เสียงกา หมอทายอายุ หมอกันลูกศร หมอดูรอยสัตว์. ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอเว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตผิด เพราะทำเดรัจฉานวิชาเห็นปานนั้นเสียแล้ว. แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
พระมี 2 ประเภท มีพระอริยสงฆ์และพระสมมติสงฆ์
พระอริยสงฆ์ คือ พระผู้ประพฤติอยู่ในกรอบพระธรรมวินัย เรียบร้อยดีงาม
พระสมมติสงฆ์ คือ พระที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล อาจมีความประพฤติบางอย่างที่ผิดพลาดอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นปาราราชิก ก็ยังถือว่าเป็นพระอยู่ ยังสามารถกลับมาประพฤติดีเพื่อให้ตัวเองสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้
เพราะฉะนั้น การจะเรียกใครว่า เป็นพระหรือไม่เป็นพระ ควรกล่าวตามหลักความจริง กล่าวตามหลักพระธรรมวินัย จะได้ไม่เกิดวิบากกรรมติดตัว ยิ่งรู้ว่าตอนนี้ชีวิตตัวเองไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งไม่ควรใช้วาจาให้เกิดโทษ แกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่ไม่ดีเข้าหาตัวเองเพิ่มขึ้นอีก เพิ่มกรรมชั่วให้กับตัวเองอีก
อีกอย่าง ดูดวงทุกที่มีเรียกเก็บเงินหมด ให้ดูดวงกับหมอดูที่ไม่ใช่พระ ก็ต้องจ่ายเงินค่าครู ถ้าไม่จ่ายก็คงไม่ถึงขั้นวิบัติ แต่เกิดผลไม่ดีกับตัวเองแน่ ของฟรีไม่มีในโลก ของทุกอย่างต้องแลกมาด้วยสิ่งที่ควรค่าและเหมาะสมทั้งนั้น
งานนี้ผิดทั้งพระผู้ดูดวงและผู้หญิงที่มาขอให้พระช่วยดูดวงให้
คำว่า ไม่ใช่พระ นี่ตัดสินกันยังไงหรือ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_4904164
มีคนจำนวนมากที่เห็นพระประพฤติปฏิบัติผิดอย่างไม่ถูกใจตน ก็จะด่าพระที่ทำไม่ถูกใจว่า นี่ไม่ใช่พระแล้ว ไม่ควรอยู่ในผ้าเหลืองแล้ว สึกเถอะ
ทั้งที่จริงก็มีพระธรรมวินัยบัญญัติไว้แล้วว่า ปาราชิก 4 บุคคลที่ขาดจากสภาพความเป็นพระมีอะไรบ้าง นั่นคือ
1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉาน (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์ แม้แต่ซากศพก็ไม่ละเว้น)
2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก (5 มาสกเท่ากับ 1 บาท)
3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือกระทำเอง หรือจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้น ๆ ยินดีที่จะตาย (โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่เว้นแม้แต่การแท้งเด็กในครรภ์
4.กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวเองว่า เรารู้อย่างนี้ เราเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)ยกเว้นเข้าใจตัวเองผิด
และข้อ 4 นี่มีคนจำนวนมากที่ไม่เข้าใจ เข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง บางทีเจอแค่พระทำนายฝัน ดูหมอตามตำรา ก็เหมารวมว่าอวดอุตริมนุษยธรรม
อุตริมนุสธรรม หรือ อุตริมนุษยธรรม แปลว่า ธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ หรือธรรมของมนุษย์ผู้ยวดยิ่ง ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้ มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว ซึ่งก็คือ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล
อุตริมนุษยธรรม ที่กล่าวถึงนี้ คือ ธรรมระดับฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล
ประเภทดูดวงทั่วๆไป ไม่ใช่การอวดอุตริมนุษยธรรมหรอก แต่ก็ถือว่าผิดศีลอยู่ระดับนึงในขั้นที่ไม่ร้ายแรง ไม่ใช่ปาราชิกและสังฆาทิเสส
เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังสำเร็จการเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตผิด เพราะทำเดรัจฉานวิชา เห็นปานนี้อยู่, คืออะไรบ้าง ? คือทายลักษณะในร่างกายบ้าง ทายนิมิตลางดีลางร้ายบ้าง ทายอุปปาตะ คือของตกบ้าง ทำนายฝัน ทายชะตา ทายผ้าหนูกัด ทำพิธีโหมเพลิง ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดโปรยแกลบ ทำพิธีซัดโปรยรำ ทำพิธีซัดโปรยข้าวสาร ทำพิธีจองเปรียง ทำพิธีจุดไฟบูชา ทำพิธีเสกเป่า ทำพิธีพลีด้วยโลหิตบ้าง เป็นหมอดูอวัยวะร่างกาย หมอดูภูมิที่ตั้งบ้านเรือน ดูลักษณะไร่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอทำยันต์กันบ้านเรือน หมองู หมอดับพิษ หมอแมลงป่อง หมอหนูกัด หมอทายเสียงนก เสียงกา หมอทายอายุ หมอกันลูกศร หมอดูรอยสัตว์. ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอเว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตผิด เพราะทำเดรัจฉานวิชาเห็นปานนั้นเสียแล้ว. แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
พระมี 2 ประเภท มีพระอริยสงฆ์และพระสมมติสงฆ์
พระอริยสงฆ์ คือ พระผู้ประพฤติอยู่ในกรอบพระธรรมวินัย เรียบร้อยดีงาม
พระสมมติสงฆ์ คือ พระที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล อาจมีความประพฤติบางอย่างที่ผิดพลาดอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นปาราราชิก ก็ยังถือว่าเป็นพระอยู่ ยังสามารถกลับมาประพฤติดีเพื่อให้ตัวเองสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้
เพราะฉะนั้น การจะเรียกใครว่า เป็นพระหรือไม่เป็นพระ ควรกล่าวตามหลักความจริง กล่าวตามหลักพระธรรมวินัย จะได้ไม่เกิดวิบากกรรมติดตัว ยิ่งรู้ว่าตอนนี้ชีวิตตัวเองไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งไม่ควรใช้วาจาให้เกิดโทษ แกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่ไม่ดีเข้าหาตัวเองเพิ่มขึ้นอีก เพิ่มกรรมชั่วให้กับตัวเองอีก
อีกอย่าง ดูดวงทุกที่มีเรียกเก็บเงินหมด ให้ดูดวงกับหมอดูที่ไม่ใช่พระ ก็ต้องจ่ายเงินค่าครู ถ้าไม่จ่ายก็คงไม่ถึงขั้นวิบัติ แต่เกิดผลไม่ดีกับตัวเองแน่ ของฟรีไม่มีในโลก ของทุกอย่างต้องแลกมาด้วยสิ่งที่ควรค่าและเหมาะสมทั้งนั้น
งานนี้ผิดทั้งพระผู้ดูดวงและผู้หญิงที่มาขอให้พระช่วยดูดวงให้