...บอกว่า “พระธัมมะชโย” เป็นปาราชิก ก็อย่าลืม “พระธีระธัมโม วัดอ้อน้อย”ด้วยนะ ???...

กระทู้สนทนา
ปาราชิก (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

ปาราชิก คือประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุกาบัติที่เรียกว่า อาบัติปาราชิก
คำศัพท์ว่า ปาราชิกนั้น แปลว่า ยังผู้ต้องพ่าย หมายถึง ผู้ต้องพ่ายแพ้ในตัวเองที่ไม่สามารถปฏิบัติในพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ให้ได้

ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
1.    เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)

2.    ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก(5 มาสกเท่ากับ 1 บาท)

3.    พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือประหารและจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้นๆยินดีที่จะตาย(โดยมีเจตนาหวังให้ตาย)

4.    กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)

อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือไม่สามารถแก้ไขได้เลย
........................................

สาธุชนพึงตระหนัก ขณะที่ดวงตาของท่านจับจ้องไปที่พระธัมมชะโย แห่งวัดพระธรรมกาย ว่าต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุในพุทธศาสนาแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม..ผมไม่สน

เพราะเหตุว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผมก็ไม่เคยสนใจธรรมกาย ธัมมะชโยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งในเรื่องลัทธิ คำสอน วัตรปฏิบัติ ขยายอาณาเขตวัดไล่ที่ชาวบ้าน เรี่ยไร ธุดงค์บนกลีบหลาบ ปิดเมืองบิณฑบาต..ทำคนเดือดร้อน

ผมเชื่อว่า ด้วยศักยภาพแห่งธัมมะชโยในขณะนี้ หากต้องถูกให้สึกหรือเสียสถานะของพระไป ก็จะเป็นเหมือนสันติอโศกของนายรักษ์ รักพงษ์ หรือโพธิรักษ์ คือแยกตัวออกไป ไม่ขึ้นกับมหาเถระสมาคมอีก กลายเป็นนิกายใหม่ แตกออกไปจากธรรมยุติกาย และมหานิกาย อาจตั้งชื่อ “นิกายธรรมกาย”เขาก็ทำได้..สบายๆ

มัวแต่มาด่าธัมมะชโยอย่างโน้น อย่างนี้ แต่ไอ้คนที่พาคนไปด่ากรรมการมหาเถระสมาคมที่วัดปากน้ำอย่างเจ้าสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือที่อวดอ้างเรียกตนเองเสียเลิศหรูว่า “หลวงปู่พุทธะอิสระ”คนนั้น มันดีกว่า “ธัมมะชโย”ตรงไหน..วานบอก !

เจ้าสุวิทย์ อวดอ้างตนเองว่า เป็นพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิด มีคลิปแพร่หลาย มันเข้ากับปาราชิกข้อที่ 4 ที่วินัยบัญญัติไว้ คือการอวดอุตริมนุษยธรรม แบบเต็มๆ ไม่ต้องคิดมาก ขาดจากความเป็นพระ ..เรียบโร้ยยยแร้วว


พูดกันขำๆ โอ๊ย..จะบ้าตาย พระโพธิสัตว์บ้านป้าแก ประพฤติตัวอย่างนี้หรือ ตั้งตัวเป็นแกนนำชุมนุมทางการเมือง ปิดถนน จับคนมาซ้อม รีดเงินชาวบ้าน เอารองเท้าไปใส่ถังสังฆทานให้พระผู้ใหญ่..พระโพธิสัตว์ ???

แล้วยังมีเรื่องอวดอุตริอีกหลายอย่าง หลอกลวงชาวบ้าน เช่นบอกว่าไปธุดงค์ในป่า เจอะหลวงปู่แหวน สุจิณโณ  หลวงปู่แหวนถึงกับก้มลงกราบตัวมัน..บ้าเอ๊ยย !

นอกจาก ปาราชิกข้อที่ 4 แล้ว ยังมีข้อสงสัยเรื่องปาราชิกข้อที่ 1 เสพเมถุน กรณีอัพรูปผู้หญิงเปลือยกายขึ้นเฟสวัดอ้อน้อย ขายวัตถุมงคล ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมมีรูปถ่ายไปอยู่ในเครื่องคอมฯของวัดอ้อน้อยได้..สงสัยหรือเปล่า ?

ปาราชิกข้อที่ 2 “ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้”  ก็มีข้อสงสัย การที่ไปรีดเงินธนาคารหลายแห่ง ตอนเป็นแกนนำชุมนุม ได้เงินมาจำนวนมาก โดยที่เจ้าของเขาไม่ได้เต็มใจให้ แล้วมันเป็นกิจของพระโพธิสัตว์อย่างมันหรือเปล่า ?..มันผิดไหม ?

ปาราชิกข้อที่ 3 “พรากกายมนุษย์จากชีวิต” ก็น่าสงสัย เพราะช่วงมีการชุมนุมที่แจ้งวัฒนะ ตั้งกรวยปิดถนน การ์ดมีการยิงคนตายหลายคน จับคนไปซ้อมจนน่วม  สงสัยว่าเจ้านี่มันฆ่าคนด้วยหรือเปล่า..นี่เป็นข้อสงสัย !


แต่ถ้าเทียบคุณประโยชน์ระหว่างธัมมะชโย กับเจ้าสุวิทย์แล้ว  เจ้าสุวิทย์แค่กเฬวะราค อยากดัง อยากได้การยอมรับ พวกบ้าๆบ๊องๆ อวดอุตริ สร้างความวุ่นวายกับชาติและศาสนา ตรงข้ามธัมมะชโย ที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนโดยรวมมากว่า ผิดกันเยอะ..หน้ามือกับหลังเท้า

ถ้าจะปฏิลูปปฏิคลำศาสนา อยากจะสึกธัมมะชโย สึกได้ก็สึกไป แต่อย่าลืมเอาไอ่คนนี้ “ธีระธัมโม” เหลือบศาสนาคนนี้ไปด้วย..มันไม่ใช่พระแล้ว !!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่