สวัสดีครับขอสอบถามผู้รู้ด้านกฎหมายหมู่บ้านจัดสรร
คือ5 ปีที่แล้วได้ซื้อที่เปล่าในหมู่บ้านแห่งนึงเป็นที่เปล่ายังไมได้สร้างบ้าน
ปีที่แล้วหมู่บ้านได้จดนิติบุคคลและตั้งกรรมการบริหารในที่ประชุมมีมติให้เก็บค่าว่วนกลางตรมละ xx บาท. ในหมู่บ้านนี้ที่ 90%ทำการสร้างบ้านไปแล้วเหลืออีก 10% ยังไม่ได้สร้าง
เราและเจ้าของที่อีก 4-5 ได้ขอให้เขาเก็บที่เปล่าในอัตราที่ลดลงเช่น 30-50% เป็นเวลา 3-5 ปี หากยังไม่ได้ปลูกหลังจากนั้นจะจ่าย 100% ถึงแม้ไม่ได้ปลูก.
ทางนิติไม่ยอมตกลงจะเก็บ 100เท่าแปลงที่สร้างบ้านแล้วเราจึงยังไม่ได้จ่ายและปัจจุบันโดนเข้าฟ้องคดี. ปัจจุบันผ่านไป1ปีเราขายที่ไปแล้วแต่ยังโดนฟ้องอยู่.
จึงอยากปรึกษาผู้รู้ว่าคดีแบบนี้มีหนทางสู้ไหมครับหรือต้องจ่ายเต็มอย่างเดียวในสัญญาซื้อขายตอนเราซื้อไม่ได้มีระบุเรื่องนี้เลย.
มุมมองเราคือเข้ามาตั้งเงื่อนไขนี้ทีหลังอย่างน้อยย่าจะให้เวลาเราปรับตัวไม่ใช้บังคับเอา 100% จาดเราตั้งแต่ปีแรกทั้งที่เรายังไม่ใช่ประโยชน์ไดฯ. หากเป็นเงื่อนไขแต่แรกตั้งแต่ซื้อก็เข้าใจแต่อันนี้มาตั้งเงื่อนไขนี้ทีหลัง.
เราเข้าใจเรื่องประโยชน์ส่วนรวมและไม่ได้ปฎิเสฐการจ่ายแต่พร้อมจ่ายในอีตราที่แฟร์หน่อยเช่น 30-50%.
รบกวนผู้รู้ทีครับว่าคดีแบบนี้จ้างทนายสู้ดีไหมพอมีหนทางในแงากฎหมายใหม. หรือสู้ไปก็แพ้??
กฎหมายค่าส่วนกลางหมู่บ้านจัดสรร
คือ5 ปีที่แล้วได้ซื้อที่เปล่าในหมู่บ้านแห่งนึงเป็นที่เปล่ายังไมได้สร้างบ้าน
ปีที่แล้วหมู่บ้านได้จดนิติบุคคลและตั้งกรรมการบริหารในที่ประชุมมีมติให้เก็บค่าว่วนกลางตรมละ xx บาท. ในหมู่บ้านนี้ที่ 90%ทำการสร้างบ้านไปแล้วเหลืออีก 10% ยังไม่ได้สร้าง
เราและเจ้าของที่อีก 4-5 ได้ขอให้เขาเก็บที่เปล่าในอัตราที่ลดลงเช่น 30-50% เป็นเวลา 3-5 ปี หากยังไม่ได้ปลูกหลังจากนั้นจะจ่าย 100% ถึงแม้ไม่ได้ปลูก.
ทางนิติไม่ยอมตกลงจะเก็บ 100เท่าแปลงที่สร้างบ้านแล้วเราจึงยังไม่ได้จ่ายและปัจจุบันโดนเข้าฟ้องคดี. ปัจจุบันผ่านไป1ปีเราขายที่ไปแล้วแต่ยังโดนฟ้องอยู่.
จึงอยากปรึกษาผู้รู้ว่าคดีแบบนี้มีหนทางสู้ไหมครับหรือต้องจ่ายเต็มอย่างเดียวในสัญญาซื้อขายตอนเราซื้อไม่ได้มีระบุเรื่องนี้เลย.
มุมมองเราคือเข้ามาตั้งเงื่อนไขนี้ทีหลังอย่างน้อยย่าจะให้เวลาเราปรับตัวไม่ใช้บังคับเอา 100% จาดเราตั้งแต่ปีแรกทั้งที่เรายังไม่ใช่ประโยชน์ไดฯ. หากเป็นเงื่อนไขแต่แรกตั้งแต่ซื้อก็เข้าใจแต่อันนี้มาตั้งเงื่อนไขนี้ทีหลัง.
เราเข้าใจเรื่องประโยชน์ส่วนรวมและไม่ได้ปฎิเสฐการจ่ายแต่พร้อมจ่ายในอีตราที่แฟร์หน่อยเช่น 30-50%.
รบกวนผู้รู้ทีครับว่าคดีแบบนี้จ้างทนายสู้ดีไหมพอมีหนทางในแงากฎหมายใหม. หรือสู้ไปก็แพ้??