**
กวีโลกย์อย่าหยุดถ้อย โปรดร้อยกวีเทอญ **
๏ ขนบทกวีค้ำประ- กันขวัญ
สภาพคล่องรอการันต์ ร่วงไหม้
วรรณยุกต์ต่างรำพัน สระโศก
โลกอักขระยากไร้ รสิกแก้ววรรณศิลป์ ฯ
๏ ประวัติศาสตร์ชาติหน้า ลืมถนอม
ฉาวโฉ่ศิลป์จอมปลอม จิตรแป้ว
ถึงคราวกาพย์โคลงกรอม หมดเสน่ห์
หมดยุคอารยะแก้ว ชาตินี้ฤๅไฉน ฯ
๏ กระทรวงการกาพย์แก้ว ลืมกล บทฤๅ
โคลงฝ่ออิทธิพล ล่มไซร้
วิญญาณปู่บรรพชน จิตตก
รันทดบทกวีไร้ ซาบซึ้งศาสตร์กวี ฯ
๏ กวีแม้เป็นสิ่งไร้ จำเป็น
บอกวัฒนธรรมเห็น ชดช้อย
แม้ในยุคลำเค็ญ โควิด
เศรษฐกิจตกสะเก็ดต้อย ต่ำไซร้ไป่หาย ฯ
๏ ชนใดหากไร้ซึ่ง วรรณศิลป์
เปรียบพืชขาดปุ๋ยดิน เหี่ยวได้
เจียระไนเพชรจากหิน กลวงเปล่า
โปรดอย่าทรวงกลวงไซร้ สืบถ้อยกวี..เทอญ ฯ
๏ ชน อดีตต่อด้วย ปัจจุบัน
ใด แผ่วแววชีวัน ว่างเว้น
หาก โลกขาดรังสิมันตุ์ ฤๅรอด
ไร้ กาพย์กลอนโคลงเหล้น แค่เพี้ยงหุ่นยนต์ ฯ
๏ วรรณ ทิพยิบระย้า อักษร สวยรา
ศิลป์ ใส่สำนวนกลอน แกว่นแกล้ว
เปรียบ ประหนึ่งศศิธร ดั้นเมฆ
พืช ผ่องน้ำค้างแผ้ว ไผ่เนื้ออณูเขียว ฯ
๏ ขาด ลมสมมิได้ เกสร ผสมฤๅ
ปุ๋ย หมักทิพบรรจถรณ์ ชดใช้
ดิน หินดื่มโคลงกลอน แกมกุหลาบ
เหี่ยว เหี่ยวพลันบานไซร้ ชื่นสร้อยลอยสวรรค์ ฯ
๏ ได้ หลังยังชื่นหน้า อนาคต
เจียร อยู่เจียนไปหมด เปล่าไซร้
ไน ฝันนั่งฝนพจน์ เพชรวิเศษ
เพชร ร่วงกลายกรวดไร้ ค่าล้านมณีศิลป์ ฯ
๏ จาก ไกลแม้อยู่ใกล้ จินดา
หิน หนึ่งแสนโศกา เศษแก้ว
กลวง กลวงแก่นปัญญา ลืมหมด
เปล่า พจน์รันทดแป้ว ป่านนี้กวีไหน ฯ
๏ โปรด ลืมข้าพเจ้าเถิด สหายศิลป์
อย่า ร่ำอาวรณ์หิน ต่ำต้อย
ทรวง ถนอมกล่อมเพียงจินต์ สมมุติ
กลวง สุขกลายโศกสร้อย สร่างซึ้งวารหวาน ฯ
๏ ไซร้ มาฉันก็ไซร้ ไปฉันท์
สืบ สี่วรรณศิลป์สรร พิเศษสร้อย
ถ้อย ลอยถั่งทิพขวัญ ปรโลก
กวี โลกย์อย่าหยุดถ้อย โปรดร้อยกวี..เทอญ ๛
๑๒/๙/๖๓
เครดิตภาพ :: Google
** กวีโลกย์อย่าหยุดถ้อย โปรดร้อยกวีเทอญ **
** กวีโลกย์อย่าหยุดถ้อย โปรดร้อยกวีเทอญ **
๏ ขนบทกวีค้ำประ- กันขวัญ
สภาพคล่องรอการันต์ ร่วงไหม้
วรรณยุกต์ต่างรำพัน สระโศก
โลกอักขระยากไร้ รสิกแก้ววรรณศิลป์ ฯ
๏ ประวัติศาสตร์ชาติหน้า ลืมถนอม
ฉาวโฉ่ศิลป์จอมปลอม จิตรแป้ว
ถึงคราวกาพย์โคลงกรอม หมดเสน่ห์
หมดยุคอารยะแก้ว ชาตินี้ฤๅไฉน ฯ
๏ กระทรวงการกาพย์แก้ว ลืมกล บทฤๅ
โคลงฝ่ออิทธิพล ล่มไซร้
วิญญาณปู่บรรพชน จิตตก
รันทดบทกวีไร้ ซาบซึ้งศาสตร์กวี ฯ
๏ กวีแม้เป็นสิ่งไร้ จำเป็น
บอกวัฒนธรรมเห็น ชดช้อย
แม้ในยุคลำเค็ญ โควิด
เศรษฐกิจตกสะเก็ดต้อย ต่ำไซร้ไป่หาย ฯ
๏ ชนใดหากไร้ซึ่ง วรรณศิลป์
เปรียบพืชขาดปุ๋ยดิน เหี่ยวได้
เจียระไนเพชรจากหิน กลวงเปล่า
โปรดอย่าทรวงกลวงไซร้ สืบถ้อยกวี..เทอญ ฯ
๏ ชน อดีตต่อด้วย ปัจจุบัน
ใด แผ่วแววชีวัน ว่างเว้น
หาก โลกขาดรังสิมันตุ์ ฤๅรอด
ไร้ กาพย์กลอนโคลงเหล้น แค่เพี้ยงหุ่นยนต์ ฯ
๏ วรรณ ทิพยิบระย้า อักษร สวยรา
ศิลป์ ใส่สำนวนกลอน แกว่นแกล้ว
เปรียบ ประหนึ่งศศิธร ดั้นเมฆ
พืช ผ่องน้ำค้างแผ้ว ไผ่เนื้ออณูเขียว ฯ
๏ ขาด ลมสมมิได้ เกสร ผสมฤๅ
ปุ๋ย หมักทิพบรรจถรณ์ ชดใช้
ดิน หินดื่มโคลงกลอน แกมกุหลาบ
เหี่ยว เหี่ยวพลันบานไซร้ ชื่นสร้อยลอยสวรรค์ ฯ
๏ ได้ หลังยังชื่นหน้า อนาคต
เจียร อยู่เจียนไปหมด เปล่าไซร้
ไน ฝันนั่งฝนพจน์ เพชรวิเศษ
เพชร ร่วงกลายกรวดไร้ ค่าล้านมณีศิลป์ ฯ
๏ จาก ไกลแม้อยู่ใกล้ จินดา
หิน หนึ่งแสนโศกา เศษแก้ว
กลวง กลวงแก่นปัญญา ลืมหมด
เปล่า พจน์รันทดแป้ว ป่านนี้กวีไหน ฯ
๏ โปรด ลืมข้าพเจ้าเถิด สหายศิลป์
อย่า ร่ำอาวรณ์หิน ต่ำต้อย
ทรวง ถนอมกล่อมเพียงจินต์ สมมุติ
กลวง สุขกลายโศกสร้อย สร่างซึ้งวารหวาน ฯ
๏ ไซร้ มาฉันก็ไซร้ ไปฉันท์
สืบ สี่วรรณศิลป์สรร พิเศษสร้อย
ถ้อย ลอยถั่งทิพขวัญ ปรโลก
กวี โลกย์อย่าหยุดถ้อย โปรดร้อยกวี..เทอญ ๛
๑๒/๙/๖๓
เครดิตภาพ :: Google