หว้ากอ คำนี้มีที่มาอย่างไร

ในเอกสารประวัติศาสตร์ คราวสุริยุปราคา พ.ศ.๒๔๑๑ ได้ระบุที่ตั้งค่ายหลวงว่าเป็นที่ ตำบลหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปราวร้อยปี ปรากฏว่าตำแหน่งหว้ากอนี้สูญหายไปไม่เหลืออยู่แล้ว ดังบทความของ ส.ศิวรักษ์  เรื่อง "จดหมายจากหว้ากอ" เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ก็ไม่ปรากฏชื่อหว้ากอหลงเหลือแล้ว 
 
“...ออกจะเป็นเรื่องประหลาดอยู่ไม่น้อย เรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์สําคัญ เรื่องหนึ่งของประเทศไทยเรา และก็เกิดขึ้นมาไม่นานอะไร เพียงชั่วศตวรรษ หนึ่งเท่านั้น แต่จะหาหลักฐานยืนยันให้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า บ้าน หว้ากอ จุดสังเกตสุริยะอุปราคาเต็มคราธครั้งกระนั้น หรือแหล่งที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงประทับแรมเพื่อทรงสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้น อยู่ตรงไหน กลับต้องกลายมาเป็นการสันนิษฐาน...เอาจากจดหมายเหตุต่างๆ เท่าที่จะหาได้ร่วมกับการให้ตรวจหาตามจดหมายเหตุนั้นๆ เพราะบ้านหว้ากอ ปัจจุบันนี้ก็ไม่มีแล้ว ที่ทางแม้จะอยู่ริมทะเลเป็นเขตติดต่อกับหาดทรายก็ตาม ก็ถูกจับจองมีเจ้าของครองเป็นกรรมสิทธิ์ไปหมดแล้ว...”
(ส่วนหนึ่งจาก "จดหมายจากหว้ากอ" จากหนังสือ พระจอมเกล้าพยากรณ์, หน้า 359)
 
ในสมัยคราวสุริยุปราคาครั้งนั้น ชื่อของสถานที่ตั้งของค่ายสังเกตุสุริยุปราคาตามบันทึกตะวันตกนี้มีหลายชื่อ เช่น หว้าโทน (Wha-Thone, กลุ่มนักดาราศาสตร์ฝรั่งเศสเรียกชื่อนี้), หัววาฬ (Hua-Wan), หว้าวาฬ (Wha-Wan, Wha-When, Whae-Whan) และ หว้ากอ (Wha-Kor, Wako) ชื่อที่ยังหลงเหลือเป็นสถานที่ในปัจจุบันที่อยู่ระแวกที่ตั้งค่ายหลวงนี้คือ หว้าโทน ซึ่งมีทั้งชื่อคลอง ชื่อวัด ส่วนชื่ออื่นอย่างหัววาฬ นั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับที่ปัจจุบันอย่างคลองวาฬ และก็เป็นชื่อที่มีมาแต่อดีตก่อนหน้าคราวสุริยุปราคา พ.ศ.๒๔๑๑ ชื่อ หว้าวาฬ ก็มีส่วนที่มาจากคลองวาฬ แต่สำหรับชื่อหว้ากอที่มีสถานะเป็นตำบลในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้นกลายเป็นชื่อที่หาความสัมพันธ์กับสถานที่แทบไม่ได้ 
อันที่จริง คำว่า ประจวบคีรีขัณธ์ ก็เป็นคำใหม่และเป็นแขวงเมืองที่ตั้งใหม่ในสมัย รัชกาลที่ ๔โดยเป็นการรวมเอาเมือง คลองวาฬ (หรือ หัววาฬ) บางนางรมย์ และกุยบุรี ไว้ด้วยกัน แต่อย่างไรไม่ปรากฏคำว่า หว้ากอ รวมอยู่ด้วย และไม่ปรากฎตำบลหว้ากอในหลักฐานประวัติศาสตร์ นอกเหนือจากคราวสุริยุปราคาเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่