ทำไมผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลจึงไม่ดังเหมือนบิลล์ เกตส์ และแจ๊ค หม่า?

ผมคิดว่า แม้ Microsoft, Apple และ Alibaba จะสำคัญ
แต่วันไหนเราไม่ได้ใช้วินโดวส์ ก็ยังใช้โทรศัพท์แทนได้
และเราก็ไม่ได้สั่งของทุกวัน
สิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ คือ  Google บางคนอาจต้องใช้ทุกชั่วโมง
แต่สิ่งที่แปลกคือ
ทำไมเราไม่ค่อยรู้จักผู้ก่อตั้งกูเกิ้ล คือ Larry Page และดูคล้ายไม่มีอะไรน่าจดจำ
ในขณะที่ผู้ก่อตั้งบริษัทไฮเทคอื่นๆ ดังกันใหญ่ เช่น สตีฟ จอบส์, บิลล์ เกตส์ แจ๊ค หม่า
ตอนนี้ถึงกับมีคำสอนภรรยาของแจ๊ค หม่า ให้อ่านกันแล้วด้วยซ้ำ

ใครมีคำตอบบ้างไหมครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่ได้โปรโมทหรือมีแฟนคลับมาดันให้ ว่าเป็นศาสดาหรือเคลมกูเกิลทั้งหมดเป็นของเค้าทำ
นโยบายกูเกิลเหมือนพวกเราทุกคนร่วมกันสร้างกูเกิลขึ้นมา แล้วก็คงเป็นแบบนี้ไปตลอด
ความคิดเห็นที่ 8
เกตส์นี่ ดังเพราะตอนนั้น เป็นคนแรกที่ความรวยขึ้นอันดับ 1 ของโลกในอุตสาหกรรมนี้ อายุน้อยที่สุดในตอนนั้นน่ะครับ
ไม่ใช่แสดงออกเก่ง แต่ถูกสื่อและไปถึงกระทรวงยุติธรรมสอบสวน มองว่าเป็นพวกนักล่า นักฆ่าคู่แข่ง รวยจากการผูกขาด ทำลายกัน
แต่คนรุ่นนี้จะไม่ทัน เห็นตอนกลายเป็นนักบุญแล้ว


ยุคก่อน เศรษฐีอันดับ 1 หรือบริษัทรายได้อันดับต้น ๆ ของโลก ล้วนอายุมากทั้งนั้น มาจากการสะสมความรวยหนุ่มาแก่ อุตสาหกรรมหนักมือเลอะ จากหยาดเหงื่อแรงงานผู้คน เช่น เหล็ก น้ำมัน รถยนต์ หรือแร่
แต่เกตส์ ต่างออกไป คนแรกจาก Silicon Valley มากับ Windows

ถ้าไล่เรียงเหตุการณ์
Jobs ดังก่อน Gates รวมถึง Microsoft เคยรับจ้างเป็นหนึ่งใน Developer ของ Apple ด้วยตอนตั้งตัว

มาฟัง Gates พูดถึงความเยี่ยมของ Apple กัน ยุคนั้นตอนแรกคลิปออกมาคนทั่วไปจะงง ว่าเป็นไปได้เหรอ เพราะเมื่อก่อนบันทีกเป็นม้วนเทป คนที่จะเห้นและเก็บไว้ ก็เป็นสื่อของอเมริกา แต่มาแพร่หลายบน internet ที่มันเกิดภายหลัง แพร่หลายเชื่อมโยงโลกเข้าหากัน ยุคโลกาภิวัฒน์ ช่วง 2 คนชิงดีชิงเด่นกันแล้ว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Jobs ก็ยังอยู่ในช่วงบุกเบิก ดังแล้ว แค่ยังไม่ติดอันดับเศรษฐี Billionaire ชีวิตการทำงานมีสะดุดระหว่างทางอีก
เกตส์ไปถึงความเป็น Billionaire ก่อน


แล้วถัดมา Gates  ดังในทางเน่าด้วย ภาพของการผูกขาด ไม่ปราณี ขยี้ทำลายคู่แข่ง
ไม่ใช่ภาพนักบุญแบบตอนนี้
คนที่เกิดช่วงยุค 70s-80s จะได้ทันเห็น ตอนที่ Gates ต้องไปนั่งถูกซักถ่ายทอดสด เหมือนยังกะซัดดัมที่ถูกแขวนคอไป หรือเหมือน บิล คลินตัน ที่ถุก Impeachment รายละเอียดการถูกซักฟอก ถูกตีพิมพ์คำต่อคำใน net
ไมโครซอฟท์ เกือบเหมือนบริษัทยักษ์ในอดีต ที่ถูกแยกให้เล็กลง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ต่างจากกรณีศาสดา Jobs ที่เก่งทั้งการกดดันให้ทีมงานทำงานชิ้นเยี่ยมออกมา และเก่ง present ตัวเอง เก่งขายของให้มหาชน
ต่างจาก 2 สหายกูเกิ้ล ที่มีแค่คนในวงการไอที ที่จะรู้จักมาก แต่คนนอกวงการ จะถามว่าใครเหรอ  Larry page ใคร Surgey Brin
คนในวงการไอที ถ้าไม่ใช่ฝรั่ง บางคนนึกออก ว่ามี 2 คน รู้จัก Product แต่ลืมชื่อจริงด้วยซ้ำ (ต้องใช้ Product  คือ Google ค้นชื่อดู 555)
ทำนองเดียวกับอีก Larry หนึ่ง คนไอทีจำนวนมากที่รู้จัก Oracle แต่ไม่รู้จัก Larry Ellison ทั้งที่รวยติดอันดับมานาน ก่อน 2 สหายด้วย
ปัจจุบันรวยติดอันดับโลกอยู่ แต่คนนอกวงการ ไม่มีใครรู้จักเลย



บิล เกตส์ นอกจากรวยมาอันดับ 1 คนแรกของวงการแล้ว ภาพตอนนั้นถือว่าฉาวระดับ 1 รวยมาจากกรผูกขาด ทำลายย่ำยีคนอื่น
ช่วงแรก ไม่ได้ดังเพราะ present ตัวเอง
ตอนนั้น คนนอกวงการจึงรู้จัก สนใจศึกษา เพราะไอ้เศรษฐีหน้าใหม่นี่เป็นใคร หนังสือใครเขียนถึง ออกมาเท่าไหร่ก็ขายดี ทั้งในแง่เก่ง และในแง่ร้าย ไล่ผูกขาด ไล่ฮุบกิจการ
แล้วการโจมตีกันไปมา เรื่องว่าทุกค่าย ล้วนขโมยกัน เลียนแบบกันไปมา มีหนัง Pirates of Silicon Valley ที่จริงเนื้อหาพูดถึงการแข่งขันภายใน Apple ที่แบ่งเป็นขั้ว ก่อน Jobs จะพ่าย ถูก board คนของนายทุนไล่ออก ทั้งที่ดึง CEO จาก Pepsi co มาทำงานเอง ก็เป็นตัวตั้งตัวตีด้วย...
แต่ฝรั่งชอบตั้งชื่อหนังให้คิดหลายแง่ "Pirates" อีกแง่ สื่อถึงการกล่าวหาการลอกเลียนแบบกันด้วย
ความดัง ของเกตส์ จึงส่งผลต่อเรื่องมาถึงตอนนี้ คนนอกวงการรู้จักด้วย เพราะหลากหลายเรื่องมายำกัน มาสื่อนอกวงการด้วย
(แต่บนเวทีไม่คล่องเหมือนจ๊อบส์ และเกตส์เองก็เปิดใจว่า ตัวเองสู้ไม่ได้)



ที่เหลือขอก้อปกระทู้เก่ามาละกันครับ



https://ppantip.com/topic/39902943
หนังสือของบิลเกตต์พูดถึงอนาคตไว้ตั้งแต่ปี 1995 แล้วแม่นมากเป็นเรื่องปกติมั้ยครับ?

พอดีผมหยิบหนังสือปี 1995 ของบิล เกต เจ้าพ่อไมโครซอฟมาอ่าน
เค้าพูดถึงอนาคตเกี่ยวกับทางด่วนข้อมูล
ผมดูๆแล้วมันตรงกับความสามารถและการใช้งานของมือถือของเราในยุคปัจจุบันเลย
จำได้ว่าตอนผมอ่านเมื่อ 20 ปีก่อนก็งงๆ ว่าเค้าพูดอะไร  มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆได้ยังไง อุปกรณ์สั่งงานขนาดกระเป๋าอะไรกัน
ถือว่าเค้าเก่งมั้ยครับ?



จะเล่าข้อเท็จจริง และบรรยากาศแวดล้อมขณะนั้นให้ฟังครับ

ขณะนั้น บิล เกตส์ กลับลำอย่างแรง หนังสือเล่มนี้ อ่านแนวคิดความเป็นอัจฉริยะอายุน้อยพันล้านของเขาได้อย่างดี แต่ก็มีอีกมุม ที่สื่อบอกว่าเขียนแก้เก้อ
ตอนแรก เขาไม่คิดว่าอินเตอร์เนต จะประสบผลสำเร็จ คงใช้แค่ในวงวิชาการ
Alvin Toffler เรียกตั้งชื่อ Internet ว่า Information Super Highway เขาก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ
(ชื่อนี้เจ้าสัวบุญชัย เอาชื่อมาใช้บริษัทในเครือ UCOM จนทุกวันนี้ UIH United Information Highway มีที่มาจากคำนี้)


จนมาร์ค แอนดรีสเซน อัจฉริยะอายุน้อยอีกคน ทำ Netscape Navigator ปล่อยให้โตในตลาดอยู่นาน ตลาดเริ่มโต บิล เกตส์เริ่มตระหนัก ว่าไม่ใช่ Niche Market ซะแล้ว แต่เป็น Mass Market ที่ต้องทำเงินมหาศาลแน่ๆ


เมื่อกลับลำ บิล เกตส์ ใช้วิชามาร แบบที่เคยทำ อย่างที่สตีฟ จ็อปส์บอกว่าเป็นขโมย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รู้ว่ามองพลาด การจะครองตลาด internet จึงใช้การ bundle IE เข้าไปใน Windows ที่ตัวเองทำสำเร็ข จนติดอันดับเศรษฐีโลก
จึงเรียกว่าสงคราม Browser สะเทือนวงการ ไม่ใช่แต่อินเตอร์เน็ต แต่เป็นเรื่องระดับชาติ และสื่อนานาชาติให้ความสนใจ


ตอนนั้น จึงโดนเล่นงานหนักเรื่องผูกขาด ถึงขั้นข่าวออกมาว่า อาจจะถูกแยกบริษัทด้วย มีแนวคิดแยกส่วน Windows ออกจาก MS Office (ทางการอเมริกา ในอดีต เคยใช้กฎหมายผูกขาด หรือ Antitrust เล่นงาน AT&T และ Standard Oil แตกเป็นบริษัทยิบย่อยมาแล้ว แต่ปัจจุบันก็เป็นบริษัทดังและใหญ่อยู่ทั้งสิ้น)
เกตส์ ต้องโดนเรียกถูกไปให้การต่อกรรมาธิการ ไต่สวน ถ่ายทอดสด ทำยังกะพวกอาชญากรสงครามโดนสอบสวน


แต่ตอนหลังเรื่องเบา จนกระทั่งเงียบไป
บิล เกตส์แสดงตนเป็นนักบริจาคช่วยเหลือสังคม (Philanthropist) เอาเงินใส่ให้มูลนิธิ ช่วยเหลือพวกโรคระบาด
มีการจ่ายเงินจริงเป็นหมื่นล้าน  ไม่ใช่แค่บังหน้าแบบคนรวยชอบทำเพื่อเอาเงินไปลดภาษี จ่ายเงินจริงจนกระทั่งบัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอีกรายที่ก่อนหน้าแม้แต่ลูกก็ไม่ให้ ก็ไว้ใจ ให้เงินเอาไปใช้การกุศลด้วย (แต่ตอนหลัง เมียเก่าตายเพราะมะเร็ง จึงเริ่มผ่อนผัน ตั้งมูลนิธิให้เมีย และให้ลูก ลูกมีส่วนร่วม มาบริหาร)
มาร์ค ซัคเคอร์เบิคร์ค ก็ลงชื่อแสดงตน ว่าจะร่วมทางวิธีเดียวกันด้วย โดยต้งอีกมูลนิธิ

องค์กรสาธาณสุขแถวแอฟริกา ได้เงินประจำ ช่วงอีโบล่าระบาด
ตอนนี้ ก็ประกาศจัดสรรเงินอย่างน้อย 100ล้านเหรียญ สนับสนุนพัฒฬนาวัคซีน โควิด-19



ส่วนองค์กรที่ทำ Netscape ที่ถูก Microsoft ทุบจนล้ม เลยขายถูกๆ ให้ AOL
แต่พวกผลงาน ปล่อย source code ออกไปเป็น freeware แปลงร่างใหม่ ไม่ใช่ธุรกิจแสวงหากำไร ปัจจุบันคือองค์กร Mozilla และมีมูลนิธิรับบริจาค ที่นอกจาก Netscape หน้าตาเก่ายังมีให้ download แต่ผลงานของฟรีที่ดังในตลาด browser ในปัจจุบันคือ Firefox นั่นเอง

ส่วนผู้ก่อตั้ง Netscape มาร์ค แอนดรีสเซน ถึง Netscape ล้มไป ก็ไม่ใช่ว่าอับจน เพราะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งใน silicon valley ลงทุนใน start up
Facebook, Foursquare, GitHub, Pinterest, Twitter, ... ตอนยังไม่มีเงิน นี่ผ่านมือแอนดรีสเซน มาทั้งสิ้น
eBay ก็เคยเป็นบอร์ด และ Skype ก็เคยซื้อ ตอนเริ่มโต แล้วขายทำกำไร ขายต่อให้ Microsoft
ความคิดเห็นที่ 22
เพราะเรียนจบ.ปตรี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่