[CR] รีวิวการ Lasik โดยคุณหมอเปาที่รพ.ลาดพร้าว เลสิคกับค่าสายตาเกิดใหม่ในวัน(คล้าย)วันเกิด

[CR] รีวิวการ Lasik โดยคุณหมอเปาที่รพ.ลาดพร้าว กับค่าสายตาเกิดใหม่ในวัน(คล้าย)วันเกิด 

*รีวิวนี้ค่อนข้างยาวและละเอียดมากๆหน่อยนะคะ เพราะทำให้เพื่อนๆที่สนใจจะทำและรอรีวิวอ่านด้วยค่ะ ขี้เกียจเล่าหลายรอบ อิอิ*

วันนี้ขออนุญาตมารีวิวการทำเลสิคที่โรงพยาบาลลาดพร้าวกับคุณหมอเปา พญ. สุจินตนา ตันฑเทอดธรรมค่ะ 
สำหรับตัว จขกท. (ต่อไปจะเรียกว่าเรานะคะ) สายตาสั้นตั้งแต่เด็กค่ะ ใส่แว่นตั้งแต่ ป.5 ได้ และใส่มาเรื่อยๆจนจบป.ตรี 
จึงเปลี่ยนมาเป็นคอนแทคเลนส์ค่ะ ก็ใส่คอนแทคเลนส์เป็นหลักมาเป็น 10 ปีได้ค่ะ

จนในที่สุดก็ตัดสินใจทำเลสิค เพราะ
1. ที่บ้านเป็นห่วงกลัวว่าสักวันหนึ่งจะติดเชื้อเพราะคอนแทก (เห็นหนูซกมกขนาดนั้นเลยเหรอค้า)
2. เลนส์แว่นเป็นรอย ใกล้ได้เปลี่ยนใหม่อีกแล้ว
3. รำคาญเวลาออกกำลังกายถ้าใส่แว่น กรณีใส่คอนแทคก็รู้สึกสกปรกเวลาเหงื่อเข้าตามากๆ
4. ขี้เกียจง้างตาใส่คอนแทกทุกๆเช้า แต่ก็ไม่อยากใส่แว่นอยู่ดี

ที่บ้านก็ให้ไปทำเลสิค โดยแนะนำคุณหมอเปามาค่ะ เพราะเป็นคนจันทบุรีด้วยกัน และพี่สาวเราพอรู้จักบ้าง 
และรีวิวที่ผ่านก็ดีด้วย แต่สุดท้ายตอนนั้นติดช่วงโควิดค่ะ อดไป จนในที่สุดโควิดหมด ที่บ้านถามอีกครั้ง เลยตัดสินใจไปค่ะ
โดยเราติดต่อไปที่เพจของคุณหมอก่อน เพื่อนัดวันและการเตรียมตัว
ซึ่ง..คุณหมอลงตรวจวันพุธ และวันพุธที่ใกล้ๆจะถึงก็เป็นวันเกิดเราพอดี เลยตัดสินใจทำในวันเกิดนี่แหละ
ไหนๆก็เกิดวันนี้ ให้สายตาชั้นเกิดใหม่ด้วยไปเลย!!haha

เพจคุณหมอค่ะ >>https://www.facebook.com/drpaolasik/

หลังจากนัดวันนะคะ แอดมินเพจจะแนะนำเราอย่างดีค่ะ ว่าเช่น
- ถ้าใส่คอนแทคอยู่ แนะนำว่างดก่อนตรวจ 7 วัน เพราะให้สภาพกระจกตาคงที่ที่สุด
- มาถึง รพ. ก่อน 9 โมง เพราะต้องมีตรวจอย่างละเอียด หากทำได้ ก็คือได้ทำช่วงบ่ายค่ะ
- อาบน้ำสระผมมาให้เรียบร่อย เพราะถ้าได้ทำเราจะไม่ได้ล้างหน้าแล้วนะ
- ใส่เสื้อกระดุมหน้ามาตรวจ เพราะถ้าทำแล้วจะได้ถอดได้ง่าย
- เตรียมแว่นกันแดดไว้เพราะหลังทำสายตาจะแพ้แดด
- เตรียมท้องไว้ เพราะถ้าได้คิวช้าได้ทำช่วงเย็นคุณหมอจะเลี้ยงข้าว (5555)

อ้อ สำหรับเรา เราทำวิธี Lasik ปกตินะคะ ที่รพ.ลาดพร้าวมีหลายวิธีอยู่ และในปัจจุบันนี้ก็มีหลายวิธีมากๆในการทำให้ค่าสายตาเราปกติ 
แต่สำหรับเรา Lasik นี่พอเหมาะกับวิธีใช้ชีวิตและกำลังเงินค่ะ

ราคาตอนนี้ แพกเกจ lasik 38000 บาท จ่ายเต็มจะรูดบัตร หรือจ่ายสด โปรลด 2000 เหลือ 36000 บาทค่ะ

เอาล่ะ พอถึงวันที่นัด เราก็ไปถึงรพตั้งแต่ยังไม่ 9 โมงดีค่ะ ศูนย์เลสิคจะอยู่อาคาร 2 ชั้น 4 ไปถึงก็ทำประวัติที่ชั้น G ก่อนนะคะ บอกว่ามาทำเลสิค พอทำประวัติเสร็จ เขาก็จะให้เราไปที่ชั้น 4

ศูนย์เลสิคจะอยู่หน้าลิฟท์เลยค่ะ (เราตาไม่ดี มองเลยไปแผนกหู คอ จมูกอีกด้านเฉ้ยยย Facepalm)

เปิดประตูเข้าไป ยื่นใบส่งตัว บอกชื่อ ซึ่งชื่อเราจะถูกบุ๊กเอาไว้อยู่แล้วค่ะ 
จนท. ก็จะพาเราไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ถามส่วนสูง จากนั้น จนท ก็จะพาเข้าสู่กระบวนการจริงจังค่ะ

เริ่มแรก ก็จะวัดสายตาเราเหมือนที่ร้านแว่นก่อน ที่เอาตาจ้องเครื่องแล้วมีบ้านหลังเล็กๆน่ะค่ะ
ขยับไปเครื่องข้างๆ วัดความดันลูกตาเรา โดนจะมีลมเป่าเข้ามาในตาเราเบาๆ (มั้ยหว่า)
วัดสายตาเหมือนที่ร้าน ที่ให้ดูตัวเลขน่ะค่ะ แต่จะถามกลับไปกลับมาให้เรางงๆ
วัดความหนาของกระจกตา จะมี 2 เครื่องอ่ะค่ะ เขาจะให้เราจ้องเข้าไป แสงก็จะจ้าๆหน่อย (วัดสายตาครั้งนี้จะมีแต่งานแสงจ้าๆค่ะ)

จากนั้น… รอเจอคุณหมอค่ะ ทางเลขาคุณหมอจะเข้ามาทักทายและพาไปพบคุณหมอพร้อมกับข้อมูลค่าต่างๆที่ จนท. วัดให้เราเมื่อกี้

พอเจอคุณหมอก็จะดูความหนาของกระจกตาก่อนเลย ซึ่งปกติคนเราจะมีค่ากระจกตาประมาณ 500 - 550 ไมครอนค่ะ
แต่ของเรา คุณหมอแปลกใจมากเพราะมัน 600+ แน่ะ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับการทำ Lasik นะคะ
เพราะถ้ากระจากตาบางเกินไป จะทำด้วยวิธีนี้ไม่ได้อาจต้องไป PRK ที่จะแสบเคืองตานานกว่า Lasik นิดนึงค่ะ
(คนตาเล็กเกินไป ก็อาจต้องไป PRK หรือวิธีอื่นเช่นกัน) งานนี้กลับบ้านนอกไปมีไปแก้บนค่ะ ได้ lasik ไม่ต้อง PRK กะพริบตา

จากนั้นคุณหมอก็จะวัดสายตาโดยวิธีอ่านค่าตัวเลขเราอีก ถามวนให้งงยิ่งกว่า จนท ไปอีก
เพื่อความชัดเจนของค่าสายตาเราจริงๆ และเราก็ได้รู้ว่า เหยยย เราสั้น 750 เลยเหรอ คือคิดว่าประมาณ 650 มาตลอด 555

แล้วคุณหมอก็จะดูความพร้อม และสมบูรณ์ของจอประสาทตาเราค่ะ ก็เอาคางวางบนเครื่อง ทำตามที่หมอบอก
มองบน มองตรง มองล่าง แสงจ้าหน่อยนะคะ แสบตานิดนะคะ (คุณหมอพูดงี้ค่ะ และแสงก็จ้าจริงๆค่ะ)

แล้วคุณหมอก็จะประเมินค่ะ ซึ่งจอประสาทตาของเราโอเคมาก ความหนากระจกตาดีมาก ความสั้นอยู่ในเกณฑ์ทำ lasik ได้ 
น่าจะได้ทำตอนบ่าย แต่… ยังต้องมีตรวจอีกรอบหลังขยายม่านตาค่ะเท่

จนท ก็จะพาเราไปหยอดยาขยายม่านตา หลังหยอดแล้วตาจะพร่านิดๆ กลัวแสงหน่อยๆ นึกว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ค่ะ แฟรงเก้น
ระหว่างรอให้ม่านตาขยายเต็มที่ ก็ไปนั่งกินช็อกโกแลตเย็นที่แบล็คแคนย่อนด้านล่างรอไปสักครึ่งชม.

พอม่านตาขยายพร้อมแล้ว แวมไพร์หมาดๆ ก็ขึ้นไปตรวกับจนท.จอีกรอบค่ะ วนไป วนไป คือ
- วัดด้วยเครื่องมองบ้านจิ๋วอีกรอบ
- วัดด้วยตัวเลขอีกรอบ

แล้วก็พบคุณหมออีกรอบ 
และเมื่อพบคุณหมอ.. เราก็วนวัดสายตาอีกรอบ (วนวนไปเหมือนปั่นวิว youtube ค่ะ เพื่อค่าสายตาที่แม่นยำ)หัวใจ

จากนั้นคุณหมอก็ประเมินยกสุดท้ายว่าทำได้ บ่ายนี้มาขี้นเขียง เอ๊ย มาทำเลสิคกันเถอะ!!! 
พอตัดสินใจแน่ว่าจะทำคุณหมอก็จะนั่งอธิบายวิธีทำว่าเราจะเจออะไรบ้างในห้องผ่าตัด 
คุณหมอบอกว่าเราแค่นอน แล้วมองจุดสีเขียว พยายามไม่กลอกตาไปมา ไม่ต้องคิดอะไร แปปเดียว ไม่เจ็บ 
คุณหมออธิบายดีมากค่ะ มันไม่น่ากลัว แต่เรากลัว แง๊ หนูกลัวกลอกตาอ่ะหม๊อออ 
(ซึ่งคุณหมอบอกว่า กลอกไปก็ไม่เป็นไรเครื่องมือมันฉลาดอยู่ แต่อย่ากลอกดีที่สุดน้าา) 

และคุณหมอก็จะอธิบายว่าหลังจากผ่าตัดแล้วจะเป็นอย่างไร เราจะแสบตาบ้าง น้ำตาไหลบ้างมันเป็นธรรมชาติของการทำ 
เราจะแพ้แสงบ้างแระยะแรก อนาคตถ้าเกิดสายตายาวก็แค่ใช้แว่นตลาดนัดก็ได้ คุณหมอค่อยๆอธิบายอย่างละเอียดและใจเย็นค่ะ 
สุดท้าย คุณหมอย้ำให้เชื่อในตัวหมอ..หนูเชื่อค่าเม่าบัลเล่ต์

จากนั้นเลขาคุณหมอก็จะให้เราแอดไลน์คุณหมอไว้ เผื่อมีปห.หลังจากกลับบ้านจะได้ถามคุณหมอได้โดยตรง 
หรือจะโทรไลน์มาก็ได้ ซึ่งเรามีไลน์ถามไปบ้างเล็กน้อย คุณหมอก็ตอบเร็วดีค่ะ

ในวันที่เราไปทำโชคดีมากๆ คิวน้อยมากๆๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มี 2 คิวเองค่ะ อีกคนนึงตาเล็กเหมือนจะทำ lasik ไม่ได้ 
แต่คุณหมอใจดีเพราะน้องเขาก็ไม่อยากทำ PRK คุณหมอให้ลองใส่เครื่องมือสำหรับ lasik ดูว่าได้หรือไม่ก่อน ซึ่งก็ได้นะคะ น้องได้ทำวิธี Lasik ค่ะ 

ดังนั้น คนที่สนใจทำ ไม่ต้องกลัว คุณหมอเขาจะหาวิธีที่ดีที่สุดให้เราค่ะ!นางพญาเม่า

หลังฟังคุณหมออธิบายและตอบข้อซักถามจบ จนท ก็จะให้เราไปทานข้าวเที่ยง จ่ายเงิน และรับยา 
และให้ขึ้นมาชั้น 4 อีกครั้งตอนบ่ายโมงตรงค่ะ

ถามว่าทำไมต้องจ่ายเงิน รับยาก่อนทำ นี่คิดเองค่ะ
- รับรองคนไข้ไม่หนี ไม่เปลี่ยนใจ 5555
- หลังทำใหม่ๆมันไม่อยากลืมตา จะมาควักตังค์เซ็นบัตร ฟังเภสัช มันไม่หวายยย หนูอยากกลับบ้านนนน (อันนี้จริงๆนะคะ)

เราก็ไปกินข้าวค่ะ ตอนนี้เพื่อนที่เรานัดไว้เพื่อรับเรากลับห้องก็มาถึงแล้ว
ข้อนี้สำคัญมากนะคะ สำหรับคนที่จะทำ Lasik

**คุณต้องมีเพื่อนหรือแฟนหรือคนในครอบครัวหรือคนรู้จักมารับกลับค่ะ คุณจะกลับแท็กซี่เองคนเดียวไม่ได้!!**

มาเองได้ กลับเอง(ไม่น่า)ได้นะคะ ยกเว้นแท็กซี่หรือแกร็ปนั้นรู้จักบ้านของคุณค่ะ เพราะมันไม่อยากลืมตาเท่าไรง่า แรกๆทำน่ะค่ะ

มาต่อค่ะ พอบ่ายโมง ก็ขึ้นไปค่ะ จนท จะขอถุงยาเราไปตรวจสอบ ในถุงยานะคะจะประกอบไปด้วย
1. สำลีปลอดเชื้อและน้ำเกลือสำหรับเช็ดตาเช้า-เย็น
2. ยาหยอดตา เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
3. น้ำตาเทียม 1 กล่อง จำนวน 20 หลอด หยอดไปจ้าทุกชม. ยกเว้นตอนนอน
(หมดก็ไปซื้อเองน้า ร้านขายยามีค่า ลาซาด้า วัตสัน บูท อันนี้มักจะแพงกว่าร้านขายยาน้า)
4. พลาสเตอร์ไว้ปิดที่ครอบตาทุกคืน 7 คืน
5. ยานอนหลับ 5 เม็ด
6. ยาพาราสำหรับแก้ปวดเผื่อปวดตา

ตอนแรกก็งงกว่า จนท ตรวจสอบทำไม กลัวว่ายาไม่ครบงี้เหรอ อาจจะใช่.. 
แต่มันมีความละเอียดรอบคอบกว่านั้นค่ะ (เรามาสังเกตรู้ที่หลัง น่ารักมากเลย) 

คือน้ำเกลือ กับยาหยอดตาเนี่ย มันจะมีล็อกของมันใช่มั้ยคะ เช่น ต้องเอาวงแหวนออกก่อนแล้วปิดจุกอีกครั้งเพื่อเปิดรูหยอด บลาๆ 
จนท. เขาเอาไปทำให้ ไปเปิดให้ค่ะ เพราะว่าหลังจากเราทำแรกๆมันเคืองตา เราจะมาหาวิธีเปิดขวด เปิดหลอดยาได้อย่างไร 
ตาก็ไม่อยากจะเปิดต้องมาหาวิธีเปิดขวดอีกหรือ??? เหยยย คือ เขาละเอียดมากอ่ะค่ะ ประทับจายยยยยlovelove

จากนั้นนะคะ จนท เขาก็จะพาเราและน้องอีกคนเขาห้องเลคเชอร์ค่ะ เพื่ออธิบายวิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำเลสิค 
สอนวิธีเช็ดตาเช้าเย็นให้เรา และให้เราลองทำให้เขาดูด้วยค่ะ

คร่าวๆหลังทำเลสิคคือ
- ครอบตานอนอย่างน้อย 7 คืน กันการขยี้ตาโดนตาโดยไม่รู้ตัว
- ห้ามล้างหน้าสระผม 7 วัน ใช้ผ้าหรือทิชชู่เปียกหรือสำลีชุบน้ำหมาดๆเช็ดเอา ผมก็ไปสระที่ร้าน(แต่ไดร์ได้ค่ะ)
- ทาครีมที่หน้าได้ ทากันแดดได้ แต่ห่างๆตาหน่อย
- อย่าเพิ่งออกกำลังกาย
- งดแต่งหน้าพวกเหล่าอาย..ทั้งหลาย บลาๆ ประมาณนี้ค่ะ

จนท จะให้โน๊ตเล็กตัวสำคัญๆใส่มาในถุงยากันลืมด้วยค่ะ
จากนั้นก็มารอม่านตาหดค่ะ ระหว่างนี้คุณหมอก็จะมาพูดคุยสร้างความมั่นใจตลอด สุดท้ายม่านตาหดช้า 
คือ.. เหมือนจนท ลืมหยอดยาหดให้อ่ะค่ะ (คงจนท หลายคนจัดนึกว่าอีกคนทำแล้วมั้งคะ) ก็เลยมาหยอดให้ค่ะ

จากนั้นคุณหมอและจนท ก็จะพาเราและน้องอีกคนไปห้องเตรียมตัวค่ะ ให้ใส่หมวกคลุมผม ล้างหน้าให้สะอาด สวมเสื้อคลุม 
และนั่งรอใครม่านตาหดก่อนคนนั้นชนะเข้าห้องผ่าตัดไปก่อน 

และ...เราแพ้ค่ะ น้องเลยได้เข้าไปก่อน555 ซึ่งระหว่างนั้น จนท. ก็จะเริ่มหยอดยาชาให้เราค่ะ 
(การทำเลสิคไม่มีการวางยาสลบนะคะ จะใช้หยอดยาชาใส่ตาเราค่ะ)
ยาชาเมื่อหยอดครั้งแรกๆจะแสบตาค่ะ แต่ก็แบบพอทนได้นะ หยอดไป หยอดไปจนไม่รู้สึกอะไรค่ะ
ระหว่างนั้นก็คุยกับจนท. รอเวลาหมอทำเลสิคน้องอีกคน

จนทก็จะบอกว่าหลังทำอาจมีน้ำตาไหลพราก แสบน้า ไม่ต้องกลัวนะคะ มันปกติ กลับบ้านไปก็นอนเลยจะได้สบายๆ 
แต่ก็มีบางคนไม่เป็นอะไรเลย อันนี้เขามีบุญค่ะ เราก็.. ขอหนูมีบุญมั่งได้มั้ยอ่าาาเม่าฝึกจิต

แปปเดียวน้องก็ออกมา น้องบอกว่าโอเค แค่รู้สึกเหมือนมีคอนแทคเลนส์พับๆ เคืองๆนิดๆน่ะค่ะ 
น้องบอกในห้องหนาวมากเลยค่ะพี่ 555 คุณหมอดูแลน้องอีกพัก และก็ให้จนท พาเราเข้าไปในห้องผ่าตัด 

หน้าตาเตียงประมาณนี้ค่ะ อันนี้รูปจากในเนต มันราวๆนี้แหละ ใกล้ๆเคียงๆ แหะๆ

ให้ลงนอนที่เตียง เตียงก็จะปกติอ่ะค่ะ แต่ตรงหัวจะมีล็อกให้พอดีหัว ลงนอน จนท ห่มผ้าให้ และให้ลูกบอลเรามากำแก้เหงามือ 
แต่สำหรับเราไม่หนาวนะคะ แต่สั่นค่ะ สั่นกลัว แง.. หนูกลัวเว้ยเห้ยยยยยหยอกเย้า
แล้วคุณหมอก็เข้ามาค่ะ เนื่องจากคุณหมอเสียงหวานมาก และมีบุคลิกอบอุ่นใจดี มันก็..หายสั่นได้นิดนึง

ระหว่างคุณหมอเตรียมตัวก็จะบอกว่าเชื่อในตัวหมอนะ หนูแค่มองที่แสงสีเขียวเท่านั้น ไม่ต้องคิดอะไร 
มองแสงสีเขียวไว้นะคะ ระหว่างนี้มีอะไรให้พูดนะคะ ไม่ขยับตัวน้า แต่ระหว่างทำทุกอย่างหมอจะบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น 
เราอธิบายกันก่อนหน้าแล้วเนาะ ในห้องนี้หมอก็จะพูดอีก ไม่ต้องกลัวนะคะ หน้าที่ของหนูคือมองจุดสีเขียวเท่านั้นเอง…

[[ต่อในเม้นค่ะ]]
ชื่อสินค้า:   เลสิค รพ.ลาดพร้าว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่