สามร้อยยอดสถานที่คุ้นตา แต่...ติดใจ

ทุกการเดินทางมีจุดหมายปลายทางให้ค้นหา....(เดินทางเมื่อ 22 ส.ค. 62) ปีที่แล้ว 
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจาก กทม. เหมาะแก่การพักผ่อน 
มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งให้สัมผัส ผมใช้เวลากับการพักผ่อนและท่องเที่ยวในวันหยุดที่นี่ 2 วัน 1 คืน 
การเตรียมตัวสำหรับการค้างคืนไม่ยากเลยสำหรับการเดินทางคนเดียวในครั้งนี้ เปลติดมุ้ง กับยากันยุง ก็เพียงพอแล้ว
แผนการเดินทางในครั้งนี้ คือตามเก็บจุดเช็คอินที่ยังไม่เคยได้ไป เช่น ยอดเขาแดง กับถ้ำไทร เท่านั้น
ส่วนสถานที่อื่นๆ ก็เคยไปมาบ้างแล้ว


ผมขับรถเข้าเส้นทางสี่แยกปราณบุรี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายปากน้ำปราน และขับตามป้ายบอกทางเข้าอุทยาน 
เมื่อเข้าใกล้ถึงที่ทำการอุทยานจะเห็นกับทัศนียภาพของหนองน้ำ และภูเขา ที่แปลกตา ถึงแม้จะเคยมาบ้างแล้ว
แต่มันก็ยังไม่ค่อยเหมือนครั้งแรกที่มา มันจึงทำให้เราเองชอบในการเดินทางและท่องเที่ยว ถึงแม้จุดหมาย
ยังคงเป็นปลายทางเดิม


กองทัพต้องเดินด้วยท้อง 
ณ บริเวณหาดนี้จะมีร้านอาหารสวัสดิการ ราคาอาจจะแพงกว่าร้านข้าวทั่วไป รสชาติอร่อยดีครับ


ณ หาดสามพระยา ชำระค่าเข้าและค่านอนค้างคืน หามุมสงบเป็นที่นอน ได้เป็นจุดผูกแปลที่ศาลาริมทะเล เนื่องจากมีคนค้างคืนแค่เรา
กับอีก 1 คน ที่ไม่รู้จักที่กางเต็นท์นอนห่างออกไป  ผมไม่แนะนำสำหรับคนที่จะมาเที่ยวหน้าฝน หรือหลังจากที่ฝนตกเพราะที่นี่
ยุ่งทะเลดุมาก มารุมเราแบบเหมือนแบบว่าตั้งแต่กางปีกได้ยังไม่เคยได้กัดคน ยังไงยากันยุงเผื่อมาไว้ไม่เสียแน่นอน
สำหรับบรรยากาศกลางคืนนั้นไม่ต้องพูดถึง เงียบสงบ วิเวก วังเวงเลยครับ แถมกลางคืนมีแสงไฟใต้น้ำ ส่งต่อกันเป็นทอดๆ
สีน้ำเงินฟ้าสวยงามให้ดูอีกด้วย คาดว่าน่าจะเป็นปลาหมึก


การเดินทางคนเดียวในบางอย่างจะไม่มีอยู่ในการเดินทางหลายคน และการเดินทางหลายคนก็เช่นกัน ข้อดีกับข้อเสียคนละอย่างกัน 
ข้อดีของการเดินทางคนเดียวคือเราได้อยู่ ได้ทำ ได้มองออกไป ได้อยู่นิ่งๆ และจดจ่อกับสิ่งนั้นได้นานๆ ดอกผักบุ้งทะเลสีม่วงสดใส 
ที่กำลังบานเปล่งสีตัดกับใบสีเขียว รอจังหวะให้ลมทะเลพัดมาทักทาย นั่งมองไปก็ไม่เบื่อ แต่เวลาบ่ายนี้ไม่ได้ถูกหยุดเอาไว้


เพื่อให้คืนนี้ได้หลับไปพร้อมกับเสียงคลื่นทะเล จึงได้หากิจกรรมเสริมให้กับตัวเรา ด้วยการออกกำลังกายปั่นจักรยานชมสถานที่
บริเวณของอุทยาน ปั่นไปเรื่อยๆ คนเดียว มีบ้างที่ได้เจอนักปั่นมากันเป็นกลุ่ม ด้วยความมีน้ำใจในกีฬากลัวผมจะเหงา เรียกชวน
ให้เราปั่นไปพร้อมกับเขาบ้าง ยกมือทักทายกันบ้าง ยิ้มให้กันบ้าง แต่ผมก็เลือกที่จะปั่นไปคนเดียว เพราะจะได้มีเวลาของเราเอง
ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ จอดถ่ายรูป และแวะลงข้างทาง


ลงข้างทางมาแล้วเราอาจจะเห็นอะไรในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เช่น ได้มาเล่าเรื่องราวของดอกหญ้ากับแสงพระอาทิตย์ตก
ด้วยมุมมองภาพที่เราพอใจในตัวเอง เพราะความชอบของเราคือทุกอย่างที่เป็นธรรมชาติ ทุกวันนี้เห็นหลายคนเริ่มออกไปท่องเที่ยว
มีกลุ่มคนที่เรียกว่า แบ็คแพ็คเกอร์ เพิ่มมากขึ้น นั่นแสดงว่าเขาเหล่านั้นต้องการที่ะออกจากสิ่งที่อยู่เพื่อหาอะไรใหม่ๆ 
เหมือนกัน


จุดลงเรือลงชมคลองเขาแดง เรียกได้ว่ากุ้ยหลินเมืองไทยอีกแห่ง ค่าล่องเรือถ้าจำไม่ผิดประมาณ 500 บาท ต่อลำ
ในครั้งนี้ผมยังไม่คิดที่จะลงล่องเรือ เพราะมีภาระกิจจะต้องไปปั่นจักรยานสำรวจบริเวณ


สำหรับนักเดินทาง ท่องธรรมชาติ สถานที่นี้คิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก เมื่อหลายปีก่อน มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายภาพ
กับวิว 720 องศา (ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง) เห็นได้ครบ กับทัศนียภาพสวยๆ เส้นขอบฟ้าสีสวยงาม จึงทำให้เป้าหมาย
ของผมอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองบ้างสักครั้ง ถึงจะหล้าหลังคนอื่นแต่ดีตรงที่ ^^ เขานั้นจะมีแต่เราคนเดียว 


เป็นเส้นทางเรียบชายทะเล จะมีหมู่บ้านชาวประมงเป็นระยะๆ แถวนี้ห้ามปลาวาฬผ่าน เพราะอาจเกยตื้นตายได้ครับ 


เวลาที่เหมาะสมในการถ่ายภาพสวยๆ นอกจากเช้าแล้วก็จะช่วงเย็นๆ นี่แหล่ะครับ


ได้เวลาตอนเช้ามืด ผมตื่นตี 4 ครึ่ง และใช้เวลาเดินทางจากจุดหาดสามพระยามาถึงตีนเขาแดงใช้เวลาในการขับรถมาเรื่อยๆ
ประมาณ 15 นาที ถึงตีนเขาแดง สำหรับคนนอก การขึ้นเขาแดงจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของอุทยานเสียก่อน
สำหรับผมได้แจ้งเจ้าหน้าที่จากจุดสามพระยาไว้แล้วเมื่อวานว่าจะขอขึ้นตอนเช้ามืด 

ณ ตีนเขาตอนเช้ามืดกับการมาคนเดียว เป็นอะไรที่วังเวง ยังโชคดีที่มีเสียงแมลงร้องเป็นเพื่อนตลอดการเดินทาง อุปกรณ์การขึ้นเขา
ที่ขาดไม่ได้คือไฟฉายติดตัว ร้องเท้าผ้าใบ ถุงมือเสริมด้วยก็ดีเพราะที่นี่เป็นหินกลีบมะเฟือง มีลักษณะเป็นสันคมๆ และมีร่อง
แน่นอนว่ามืดแบบนี้ ผมเดินขึ้นอย่างเดียวใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที รวดเดียวจบ ไม่ใช่ว่าจะเสียเวลาพัก แต่สารภาพว่ากลัวความมืดเหมือนกัน
ขึ้นไปให้ถึงข้างบนแล้วไปนั่งพักรอชมวิวด้านบนดีกว่า โชคดีที่ฟิตร่างกายมาพร้อม จึงไม่รู้สึกเหนื่อยมากเท่าไร


การมาในครั้งนี้เพื่ออยากได้ภาพโปรไฟล์ของเราเอง ก่อนที่อาทิตย์จะเปิดฟ้า พยายามหามุม ว่ามุมไหนจะเหมาะสม
สามารถตั้งกล้องถ่ายรูป และไม่ให้เกิดอันตรายเพราะพื้นที่บนเขามีพื้นที่เป็นที่มั่นไม่มากนัก ตั้งกล้องอีกจุด
จะไปยืนอีกจุดต้องกระโดดข้ามขึ้นไปยืนให้ได้มุม สุดท้ายจัดไป 2 ชอร์ต เอาแค่พองาม เพราะพื้นที่บนยอดเขา
ไม่สม่ำเสมอ ยากกับการตั้งกล้องมาก ภาพนี้เป็น 1 ใน 2 ภาพที่ได้มา เราพอใจก็จบ นั่งไปยาวๆ มองอกไปไกลๆ
บรรยากาศยามเช้า สายลมเย็นๆ 


ซูมจากด้านบนลงมายังหมู่บ้าน


หินที่ผมเรียกว่ากลีบมะเฟือง ก็จะเป็นแบบนี้ เท่าที่ไปสัมผัสภูเขาในจังหวัดประจวบฯ เขาล้อมหมวก เขาช่องกระจก เขานางพันธุรัต
และที่นี่ หินบนเขาเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมด


ระหว่างนั่งชมวิวเพลินๆ ตกใจมากกับเจ้าตัวนี้ มาไม่ให้เสียง แต่ดีตรงที่เป็นจ๋อที่น่ารัก ซนบ้าง แอบค้นกระเป๋าผม ส่งเสียงไล่นิดหน่อย
เขาก็ไป และไม่ดุ ไม่กร้าวร้าว ดูนิสัยดีครับ สักพักก็จะมาเป็นขโยง ซึ่งเรามีคนเดียวคงสู้ไม่ได้ หากโดนรุม เลยปล่อยให้
พวกมันเข้ามาแทนที่เราไปเลยจะดีกว่า


บรรยากาศบริเวณทางลงอลังการ เพราะเมื่อเช้ามองไม่เห็นอะไรเลย และไม่อยากมองอะไรนอกแสงไฟ จ้ำขึ้นอย่างเดียว


เส้นทางแม่น้ำที่ใช้ล่องเรือ นอกจากชมบริเวณเขาแดงนี้ก็ยัง ล่องไปชมชุมชนชาวประมงด้วย


สถานีวัดใจต่อไปคือ ถ้ำไทร ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเดินขึ้นเขาประมาณระยะทาง 450 เมตร แต่รู้สึกว่ามันไกลผิดปกติ อยู่เหมือนกัน
เพราะผมแรงไปหมดแล้วกับเขาแดง ที่นี่เป็นถ้ำที่มีหินย้อยสวยงาม ภายในเป็นลักษณะโถงกว้างใหญ่มาก 1 ห้อง
ไม่มีไฟในถ้ำ แต่พอจะมีแสงสว่างเข้าถึง บางจุดมืดมาก แต่เมื่ออยู่ไปสักพักสายตาจะปรับเข้ากับความมืดทำให้สามารถมองเห็นบ้าง
ไม่มืดสนิดถึง 100% เหมือนถ้ำแก้ว


โดยส่วนตัวผมให้คะแนนความสวยงามที่นี่มากกว่าถ้ำแก้ว สำหรับถ้ำแก้วผมให้คะแนนเรื่องของการผจญภัยกับความมืด
และ แอดเวนเจอร์ แสงไฟที่เห็นตามหินย้อย ผมนำไฟติดจักรยานมาประยุคเพิ่มสีสันให้มีมิติขึ้น


ตรงจุดนี้จะเป็นโถงใหญ่ ลึกและอันตรายมาก อยากจะถ่ายภาพตัวเอง แต่ไม่สามารถ หาที่ตั้งกล้องและ Move ตัวเองไป
ให้ทันเวลาการตั้งกล้องสูงสุดที่ 10 วิได้ เพราะเป็นหลุมยุบลึกอยู่ข้างล่าง ถ้าจะไปเกาะแอ็คชั่นถ่ายรูป ต้องมีตากล้องอีก 1 คน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่