ฉันเหมือนคนโดนสาปไว้ ให้เจอแต่ปวดหลัง สวัสดีคร้าา~ ชีวิตของพนักงานออฟฟิศหลายคนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยกับโรคออฟฟิศซินโดรม  ตัวเราเองก็เช่นกันคะ ส่วนตัวเป็นพนักงานออฟฟิศที่ใช้เวลาเกินกว่า 8 ชั่วโมงไปกับการนั่ง ช่วงแรกๆที่เป็นก็ไม่ค่อยแสดงอาการรุนแรงเท่าไหร่พอทำงานได้ตามปกติ แต่พอช่วงหลังๆ นี่คือ มีอาการปวดหลัง ตลอด และมันก็หนักขึ้นทุกวัน อาการมันก็คล้ายกับไมเกรน ด้วย บางวันคือปวดต้นคอแล้วลามขึ้นหัว บอกเลยว่า ตอนแรกยังแอบงงว่าสรุปเป็นไมเกรนหรือออฟฟิศซินโดม เลยตัดสินใจไปหาหมอ หมอให้ยามาทาน ทานไปสักพักอุ้ย! ดีขึ้น แต่พอหยุดทานยา อ้าวกลับมาเป็นอีกเฉย 

พอบ่นกับเพื่อน เพื่อนเลยเล่าว่านางเคยเป็นโรคนี้เหมือนกันแต่นางไม่มีอาการปวดหลัง เป็นแค่ ปวดท้ายทอยและลามขึ้นหัวเฉยๆ พอไปนวดกดจุด แล้วรู้สึกว่าอาการดีขึ้น นางเลยแนะนำให้ลองใช้วิธีศาสตร์สมุนไพรแบบไร้เคมีแบบเดียวกับที่นางไปทำ ที่อภัยเวลเนส อภัยภูเบศ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการนวดปกติแต่จริงๆแล้วคือนวดแผนไทยประยุกต์กับหมอเฉพาะทางที่รักษาโดยใช้สมุนไพรไทย 
ไม่รอช้าจ้ะวันหยุดเรารีบทำการจองและเข้าไปทันที ต้องขอชมเลย เมื่อเข้าไปทางร้านก็มีมาตราการป้องกันเจ้าโควิดดีมาก ไม่ว่ามีการเช็คอินไทยชนะ ตรวจวัดอุณหภูมิ(ตรวจแบบไม่ตรวจผ่านๆนะจ้ะ) แจ้งให้เราใช้แอลกอฮอล์ล้างมือก่อนด้วย ช่วงโควิดแบบนี้นอกจากบริการจะต้องดี ก็ต้องทำให้ลูกค้าอย่างเรามั่นใจว่าปลอดโควิดแน่ๆด้วยเนอะ
หลังจากตรวจวัดอุณหภูมิแล้ว ก็ไปที่เคาเตอร์
ทางพนักงานเค้าจะสอบถามข้อมูลและอาการเบื้องต้นและจะมีการแนะนำแพ็คเกจต่างๆ เค้ามีหลายโปรแกรมให้เลือกอยู่นะ ยิ่งช่วงโควิดแล้วนั้นโปรโมชั่นก็ล่อตาล่อใจสุดๆ แต่เดือนที่เราไปใช้บริการคือช่วงสิงหาทางร้านลดให้อีก 30% พอบอกมีส่วนลด คนแบบเราหรอจะพลาด อิอิ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้นะว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ต้องไปพบคุณหมอก่อน เพื่อให้คุณหมอทำการประเมินอาการเพื่อรักษาให้ตรงจุด แต่ที่แน่ๆ คือได้รับส่วนลดมาให้อุ่นใจแล้ว อิอิ ข้อดีของที่นี่คือเค้าไม่ยัดเยียดการขายให้เรารู้สึกลำคานด้วยนะ อันนี้ชมจากใจจริงๆ พอกรอกข้อมูลเสร็จ ระหว่างรอเขาก็มี welcome drink เป็นน้ำอัญชัญสมุนไพรให้เราด้วยและก็ดูผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของอภัยภูเบศไปพลางๆ
รอไม่นานสักพักเค้าก็เรียกให้ขึ้นไปที่ห้องตรวจ ไปพบคุณหมอเพื่อวัดความดันและประเมินอาการ ตอนที่เข้าห้องตรวจ คุณหมอจับชีพจรเพื่อตรวจดูความสมดุลของธาตุในร่างกาย หมอบอกเราทานน้ำน้อยใช่มั้ย พักผ่อนไม่เพียงพอและท้องผุร่วมด้วยรึเปล่า คือ มันใช่มากกก ที่คุณหมอบอกคือเราเป็นแบบนั้นเลย คุณหมอบอกเพราะธาตุในร่างกายไม่สมดุล มีธาตุไฟและธาตุลมเยอะเกินไป ส่งผลให้ร่างกายมีอาการปวดเมื่อย แต่ทั้งนี้ก็พฤติกรรมการทำงานของเราด้วย เรานั่งทำงานท่าเดิมๆ นั่งนานๆ ไม่ปวดก็แปลกแล้ว หมอก็อธิบายว่าการนวดกดจุดจะช่วยลดการตึงของกล้ามเนื้อและช่วยปรับธาตุในตัวด้วย คุณหมอแนะนำให้ทำกดจุดพร้อมประคบสมุนไพรลดความช้ำ คุณหมอแจ้งแพ็คเกจที่ได้มาจากการที่คุณหมอประเมินอาการที่เป็นอยู่ควบคู่ไปกับการตรวจธาตุในร่างกายเพื่อการรักษาที่ตรงจุดจริงๆ
  
เปลี่ยนชุดเสร็จเราก็เริ่มกันเลย แอบบอกอีกอย่างคือห้องสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆๆ เพลงเบาๆ คือดีมากๆ ระหว่างกดจุดเราก็ถามคุณหมอหลายเรื่องมาก(หาความรู้ใส่ตัวบ้างนิดหน่อย) การนวดจุดคือช่วยเราคลายกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ตึงมากๆๆ พร้อมสมปรับสมดุลธาตุในร่างกาย ตอนแรกคือเจ็บมาก (ไหนเพื่อนบอกไม่เจ็บแอบโวยวายในใจ) แต่คุณหมอก็น่าจะรู้ว่าเราเจ็บมากจึงอธิบายว่าที่เจ็บเพราะกล้ามเนื้อเราตึงมากจริงๆ หมอจะกดเพื่อคลายก้อนที่ตึงๆนั้นให้หายไป ตรงนี้ต้องบอกก่อนนะว่าไม่ใช่ทุกคนที่รักษาครั้งเดียวหาย ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคนด้วย หลังจากการกดจุดคือการประคบด้วยลูกประคบร่วมด้วยจะช่วยลดการช้ำการระบมหลังจากนวดและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น กลิ่นสมุนไพรจากลูกประคบทำให้ผ่อนคลายมากๆด้วย
คุยกันจนครบเวลา ออกมาคุยข้างนอกต่อตอนทานชาและขนม ชาที่ทางร้านจัดให้คือชาสมุนไพรตรีผลาผสมกระเจี๊ยบ ตัวนี้เค้าบอกว่าจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโควิดค่ะ เราผู้ไม่เคยกินชาสมุนไพรมาก่อนก็กล้าๆกลัวๆแต่พอกินแล้วคือ ทานง่าย ชอบมากกกกกินกับขนมกลีบลำดวนคือเข้ากันยังกะชุด affernoon tea ที่อังกฤษ

สรุป!!! การหาหมอครั้งนี้ เราประทับใจมากจริงๆ 10/10 ดีตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาจนทำบริการเสร็จ คุณหมอให้คำปรึกษาและสอนวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆรวมถึงแนะนำสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยและปรับธาตุในร่างกายให้สมดุล หมอทำให้เรารู้ว่า สมุนไพรไทยมันว๊าวมากจริงๆ ไม่เคยคิดว่าสมุนไพรไทยทำได้เยอะมากขนาดนี้ ใช้นวดก็ได้ ใช้ทานก็ดี อยากบอกอีกอย่างคือปกติเป็นคนนวดบ่อยแต่หลังนวดเสร็จ วันต่อมาจะมีรอยช้ำหรือบวมระบมบ้าง แต่นวดกับคุณหมอที่นี่ไม่เป็นแบบนั้นเลย เช้าอีกวันคือปกติ ไม่ระบมหรือมีรอยช้ำเลย