== 5 ลักษณะของ “อาการปวดหัว” กำลังบอกอะไรเราอยู่ ==

อาการปวดหัวที่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้ว อาจไม่ปกติก็ได้นะ เพราะอาการปวดหัวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ควรลองมาเช็กดูให้ดีว่า อาการปวดหัวที่เป็นอยู่บ่อยๆ นั้นกำลังบอกอะไรคุณ? ไม่แน่ว่าความใส่ใจเพียงน้อยนิดอาจทำให้ค้นพบโรคร้ายที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามี

1. ปวดหัวไมเกรน
ปวดตุบๆ ปวดแค่ข้างใดข้างหนึ่ง และยิ่งปวดมากขึ้นเมื่อเจอแสงจ้า เสียงดัง หรือลุกเดิน อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยอาการเหล่านี้จะเกิดนาน 4-72 ชั่วโมง และดีขึ้นเมื่อพักผ่อนอยู่นิ่งๆ ในห้องที่มืดและเย็น

2. ปวดหัวจากความเครียด
หากรู้สึกว่าปวดตื้อๆ ปวดแบบบีบๆ รัดๆ ปวดเป็นวงกว้างบนศีรษะหรือปวดเบ้าตาร่วมด้วย โดยอาจร้าวลงมาที่ท้ายทอยและมักเกิดช่วงบ่ายหรือเย็น นั่นแสดงว่าถึงเวลาต้องพักผ่อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่กำลังตึงตัวจากความเครียดแล้วล่ะ

3. ปวดหัวเพราะโรคหลอดเลือดสมอง
เมื่ออาการปวดหัวเพิ่มระดับความรุนแรงแบบเฉียบพลันทันทีทันใด ประกอบกับมีอาการปากเบี้ยว พูดไม่ได้ เดินเซ แขนขาอ่อนแรง มองไม่เห็น..และซึมลง ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะอาจหมดสติและเสียชีวิตได้

4. ปวดหัวเพราะเนื้องอกในสมอง
ปวดหัวบ่อยๆ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นไส้อาเจียน พูดจาติดขัด เริ่มมีปัญหาเรื่องการมองเห็นหรือการเดิน รวมไปถึงการมีอาการชักทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่อาจเป็นสัญญาณบอกถึง “เนื้องอกในสมอง”

5. ปวดหัวคลัสเตอร์ ปวดหัวข้างเดียว
การปวดหัวคลัสเตอร์นี้จะเป็นการปวดแบบข้างเดียว แต่มีระดับความรุนแรงกว่าการปวดไมเกรน! อาจมีอาการปวดเบ้าตา ตาแดง น้ำตาไหล รวมไปถึงการมีเหงื่อออกบริเวณศีรษะข้างที่ปวดร่วมด้วย ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นไม่นาน ราวๆ 5 นาที ถึง 3 ชั่วโมง
หากเช็คอาการปวดหัวเบื้องต้นแล้วไม่มั่นใจว่าจะใช่สัญญาณของโรคร้ายหรือไม่? ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดนะคะ
จขกท.ปวดไมเกรนบ่อย ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับไมเกรนมาแชร์เพิ่มเติมค่ะ กะพริบตา

ปวดหัวไมเกรน กินอะไรหาย
สาเหตุที่ทำให้อาหารสามารถแก้ปวดไมเกรนได้ เนื่องจากมีสารอาหารที่มีประโยชน์ในการระงับสารสื่อประสาท ส่งผลกับการหดตัว ขยายตัวของหลอดเลือด และอาหารบางอย่างยังลดการเกิดภาวะคีโตซิส ซึ่งทำให้การปวดหัวลดลงได้ สารอาหารสำคัญที่สามารถช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ มีดังนี้
1. แมกนีเซียม
สารสำคัญที่ลดอาการปวดหัวได้ดีคือ แมกนีเซียม ไมเกรนตายสนิท เพราะแมกนีเซียมที่ช่วยยับยั้งการหดรัดตัวของหลอดเลือด จึงช่วยป้องกัน และบรรเทาความรุนแรง รวมทั้งลดความถี่ของการเกิดไมเกรนได้

2. กรดไขมันโอเมก้า-3
กรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยลดความดันโลหิต หัวใจทำงานดีขึ้น สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองอย่างสมดุล จึงลดอาการปวดไมเกรนได้ดี

3. อาหารจำพวกคีโต
มีการศึกษาค้นพบว่าอาหารคีโตสามารถช่วยบรรเทาความรุนแรงจากไมเกรนได้ เพราะอาหารคีโตจะลดการเกิดภาวะคีโตซิส ควบคุมระบบประสาท ป้องกันการสะสมของกลูตาเมต ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของสมอง

10 อาหารแก้ปวดไมเกรน มีอะไรบ้าง
หลายคนคงสงสัยว่าแล้วเราควรกินอะไรให้บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน

1. น้ำขิง
น้ำขิงมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการทั้งปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำขิง ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน ที่ทำให้ปวดและอักเสบ จิบน้ำขิงอุ่นๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน จัดเป็นเครื่องดื่มไมเกรนชั้นยอดเลย

2. ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูง
ปลาที่มีไขมันสูง อย่างเช่น ปลาแซลมอน จะมีโอเมก้า 3 สูง ทำให้ลดการปวดหัวจากไมเกรน ใครที่ชอบปลาแซลมอน ทานบ่อยๆ ก็สามารถรอดพ้นจากการเป็นไมเกรนได้เลย แต่ต้องระวังคอลเลสตอรอลเกินแทน
3. อัลมอนด์
อัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีแมกนีเซียมสูง ช่วยป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้ดีมากๆ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจาก แมกนีเซียมในถั่วอัลมอนด์จะช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต ช่วยควบคุมการหดตัว คลายตัวของเส้นเลือดให้เป็นปกติ
4. ชาสมุนไพร
ศาสตร์ชาบำบัดที่คนจีนใช้รักษาโรคมาหลายพันปี ช่วยบำบัดทั้งกลิ่น ทั้งรส และสรรพคุณ มีการค้นพบว่า เพราะมีต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บปวดที่สมอง ขยายหลอดเลือดเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี
ทางการแพทย์พบว่า การดื่มชาขิงให้ผลลัพธ์ในการบรรเทาอาการปวดหัวได้ใกล้เคียงกับการใช้ยารักษาไมเกรนเลย สมุนไพรรักษาไมเกรน ได้แก่ ใบบัวบก ขิง

5. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้นขึ้นชื่อของความอร่อยและยังมีวิตามินบี 12 สูงมาก อาทิเช่น ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ สตอเบอร์รี่
ซึ่งกลุ่มผลไม้ที่เป็นตระกูลเบอร์รี่นั้นนอกจากมีวิตามินไมเกรนอย่าง บี12 สูงแล้วยังมีทั้งไฟเบอร์และแมกนีเซียมที่ส่งผลต่อการแก้ปวดไมเกรนได้ดีอีกด้วย

6. เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์คือธัญพืชขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยโปรตีน คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก แต่เมล็ดแฟลกซ์นั้นมีโอเมก้า 3 สูงมาก ซึ่งโอเมก้าจะช่วยลดระดับความเครียดในผู้ป่วยไมเกรนได้ดีมากนอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย

7. โยเกิร์ต
แม้นมจะเป็นอาหารกระตุ้นไมเกรน แต่โยเกิร์ต มี riboflavin สูง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของวิตามินบี คอมเพล็กซ์ นอกจากลดการปวดหัวจากไมเกรน ยังช่วยทำให้ยาไมเกรน ออกฤทธิ์รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

8. บรอคโคลี
บรอคโคลี ผักที่มีประโยชน์และทานง่าย ซึ่งช่วยลดความถี่การเจ็บปวดของไมเกรนลง เพราะมีแมกนีเซียมสูง สารต้านอนุมูลอิสระสูงด้วย
ทั้งยังเป็นผักที่ช่วยรักษาอัลไซเมอร์ ทานบรอคโคลีต้มเป็นประจำ ห่างไกลจากทั้งไมเกรน และอัลไซเมอร์เลยล่ะ

9. ผักโขม
ผักโขม เป็นผักใบเขียวที่มีแมกนีเซียมเยอะมาก ซึ่งถือว่าเป็นราชาของสารอาหารที่จำเป็นต่อคนทั่วไปและผู้ป่วยไมเกรน เนื่องจากผักโขมมีโปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนครบทุกชนิด เป็นผักใบเขียวที่มีวิตามินเอ วิตามินบี 6 โฟเลต และแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซียม ทองแดงและแมงกานีส

10. ถั่วดำ
ถั่วอีกชนิดที่มีแมกนีเซียมอัดแน่นเต็มเมล็ด แน่นอนว่า ช่วยลดการบีบรัดของเส้นเลือดในสมองได้ดี ทั้งยังสามารถทำเมนูได้หลากหลายทั้งคาวหวาน เป็นวัตถุดิบที่ควรมีติดบ้านของคนเป็นไมเกรนเลย

ทางเลือกอื่นในการรักษาไมเกรน
ในปัจจุบันทางเลือกการรักษาไมเกรนมีความแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีการรักษาโดยธรรมชาติการเลี่ยงปัจจัยการกระตุ้น การออกกำลังกาย ตลอดจนการรักษาโดยทางฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน

1. ปรับพฤติกรรมลดไมเกรน
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นไมเกรน ถ้ารักษาด้วยวิธีต่างๆ แต่ยังไม่ลด ละ เลิกปัจจัยที่กระตุ้นไมเกรน อาการก็จะกลับมาอยู่ดี วิธีนี้จึงเป็นการแก้ปัญหาไมเกรนอย่างถาวร ควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นไมเกรนให้กลับมาอีกเด็ดขาด ดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ร่างกายและระบบประสาท สมอง ก็จะสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตามไปด้วย ลองไปในการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ จะทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น เครียดน้อยลง สมองโล่งมากขึ้น ไมเกรนไม่ถามหาอีกด้วย

2. นวดกดจุดรักษาไมเกรน
การนวดกดจุด เป็นวิธีที่ช่วยเรื่องการกระตุ้นระบบประสาท ให้ทำงานดี เลือดไหลเวียนดี หลอดเลือดต่าง ๆ บีบตัวและคลายตัวดีขึ้น ทำให้อาการปวดหัวและไมเกรนลดน้อยลง อาจจะไปหาหมอนวดที่ชำนาญการนวดกดจุด หรืออาจจะลองกดจุดเองง่าย ๆ ที่บ้านเมื่อมีอาการปวดหัว โดยวางมือทั้งสองข้างรองหลังศีรษะ ใช้นิ้วโป้งของทั้งสองมือนวดขมับทั้งสองข้างพร้อมกันเบา ๆ จากนั้นเปลี่ยนมาใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้าง นวดที่ท้ายทอยตรงต้นคอ

3. ยาแก้ปวดไมเกรน
การทานยาแก้ปวดหัว ถือเป็นวิธีแก้ปวดไมเกรนเบื้องต้น โดยทานเมื่อมีอาการปวดศีรษะ ยากลุ่มนี้สามารถซื้อรับประทานเองได้ตามร้านขายยา โดยจะบรรเทาอาการปวดในทันที

กลุ่มยารักษาและป้องกันไมเกรน เป็นกลุ่มยาไมเกรนที่รักษาการปวดไมเกรนโดยเฉพาะเมื่อมีอาการและยังใช้เพื่อป้องกัน เพื่อไม่ให้อาการกลับมาเป็นอีกด้วย แต่ในการใช้ยาประเภทนี้ ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลต่อการทำงานของไต และถ้ารับประทานเกินขนาด จะทำให้เกิดการดื้อยา ทำให้ต้องใช้ยามากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ไตทำงานผิดปกติจนเป็นอันตรายด้วย

4. ฝังเข็มไมเกรน
การฝังเข็มรักษาไมเกรน คือ การฝังเข็มลงตามจุดต่างๆของร่างกาย ที่เป็นทางเดินไหวเวียนเลือด เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดี ลดอาการเลือดคั่งที่เส้นเลือดสมอง นำไปสู่การลดอาการปวด การอักเสบในร่างกายลงด้วย ซึ่งผลลัพธ์ของการรักษา ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน แต่การฝังเข็มไมเกรนก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

5. ฉีดยาไมเกรน
สำหรับอาการปวดไมเกรนในแต่ละครั้งนั้น มักจะเกิดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการปวดไมเกรนที่ต่างกัน โดย มีความรุนแรงตั้งแต่ ปวดตุ๊บๆ ตลอดจนรุนแรง จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น กลุ่มยาที่ใช้ฉีดบรรเทาระหว่างปวดจะประกอบด้วยการปวด 3 ระดับ
ปวดระดับไม่รุนแรง อาทิเช่นยา พาราเซตามอล
ปวดระดับกลาง จะใช้ กลุ่มฉีด NSAIDS
ปวดระดับรุนแรงยาฉีดที่นิยมใช้คือ มอร์ฟีน เป็นต้น

6. โบท็อกไมเกรน
โบทูลินั่มท็อกซินหรือโบท็อก หลายคนรู้จักดี เพราะโบท็อกใช้ฉีดเพื่อคงความอ่อนเยาว์ ให้ใบหน้าปราศจากริ้วรอย แต่อีกประโยชน์หนึ่งของโบท็อกซ์ที่คนไม่รู้คือ สามารถใช้ฉีดเพื่อรักษาไมเกรนได้ด้วย โดยฉีดรอบศีรษะ 30-40 จุด โบท็อกไมเกรนแก้ปัญหาคนที่ปวดหัวเรื้อรังมานาน ซึ่งสามารถรักษาความรุนแรงของไมเกรน ได้นาน 4-6 เดือน โดยไม่ต้องรับประทานยาเลย


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่